“อ๊าย..” ลู่ลี่ลี่ที่ตกลงไปตรงบันไดตะโกนด้วยความกลัว และเธอก็ไม่ได้แสร้งทำ
เฉินเฉียวยืนอยู่ข้างๆเธออย่างสบาย ๆ และมองลงมาที่เธอด้วยสายตาที่เย็นชาและไม่แยแส
“เธอมันเลว โดนแม่ทิ้งเลยเติบโตโดยไม่มีแม่สั่งสอน ไม่น่าแปลกใจที่แม่ของเธอหนีไป และไม่พาเธอไปด้วย แม่ของเธอต้องสังเกตเห็นนิสัยชั่วร้ายของเธอแน่ๆเลยทิ้งไป”ลู่ลี่ลี่โกรธมากที่เธอถูกด่าอย่างไม่ยุติธรรม
ทุกคำพูดติดอยู่บนบาดแผลของเฉินเฉียว
มันเป็นเพียงความผิดหวังที่เธอพูดถึงแม่ ถึงเฉินเฉียวจะผิดหวังเล็กน้อย แต่เฉินเฉียวที่รู้สึกเจ็บปวดก็ไม่ได้แสดงออกและยิ้มให้เธอ
เธอถึงกับพยักหน้าอย่างเห็นด้วย:“ คุณพูดถูกฉันมันร้าย ฉันควรจะฝังพวกคุณไปพร้อมๆกับครอบครัวเฉิน ไม่เช่นนั้นฉันคงจะไม่ได้ให้พวกคุณได้มีโอกาสมากมายขนาดนี้เพื่อให้มาทำร้ายฉันหรอก แต่ไม่ต้องกังวล ตอนนี้ฉันจะจัดการกับความร้ายกาจของฉันเอง ”
จู่ๆเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรออก เมื่อเห็นใบหน้าของลู่ลี่ลี่เธอก็จงใจแสดงสีหน้าถากถางใส่
หลังจากต่อสายแล้ว ก็ไม่มีเวลาพูดอะไรกับคนตรงหน้าเธอต่อ เฉินเฉียวเอ่ย “หลินจวิน ฉันคิดเรื่องนี้มานานแล้วคุณไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อไข่ที่ฉันบริจาคให้คุณ เพราะคุณไม่รู้ แต่ผู้กระทำผิดเหล่านั้นควรได้รับบทเรียนที่ดี”
หลังจากเลิกงานก็ได้รับโทรศัพท์จากเฉินเฉียว และหลังจากฟังคำพูดที่น่าสับสนโดยไม่ได้คิดถึงความหมายที่แท้จริงของคำพูดของเธอเขาก็ตอบตกลงทันที: “คุณพูดถูกคนเหล่านั้นจะต้องได้รับบทเรียน ครอบครัวเฉินน่ะฉันเป็นเจ้าของหุ้นมากกว่า 80% แล้ว ถ้าคุณไม่ต้องการเห็นพวกเขาฉันจะขับไล่ออกไป ”
เฉินเฉียวเปิดสปีกเกอร์โฟน ทั้งลู่ลี่ลี่และเฉินอันก็ได้ยินคำพูดทั้งหมดของซังหลินจวินทางโทรศัพท์
เมื่อพวกเขาได้ยินว่าผู้รับบริจาคไข่ของเฉินเฉียวคือซังหลินจวิน พวกเขาก็ไม่สามารถควบคุมความสติได้อีกต่อไป
แต่หลังจากรู้ว่าหุ้นส่วนใหญ่ของครอบครัวเฉินถูกซื้อ ร่างของเฉินอันก็โอนเอนไปมาสองสามครั้ง ทั้งตกใจและกระวนกระวาย
เฉินเฉียวมองสายตาหวาดกลัวของพวกเขา ในใจฉายแววมีความสุขอย่างหาได้ยาก
ราวกับว่ากังวลว่าพวกเขาจะถูกโจมตีไม่พอ เฉินเฉียวปฏิเสธคำขอของซังหลินจวินและกล่าวว่า “ บริษัทแบบนี้ที่มีกำไรน้อย แถมคนที่เป็นเจ้าของบริษัทนี้มีจิตใจที่มืดมน ดังนั้นทิ้งไว้ข้างหลังเถอะ คุณโฟกัสเรื่องของคุณเถอะ ฉันไม่อยากเห็นหน้ามันแล้ว ”
เธอพูดเบา ๆ เหมือนเป็นเรื่องตลก แต่เฉินอันไม่สามารถพยุงตัวเองได้อีกต่อไป เขาล้มลงบนพื้นและชี้นิ้วไปที่เธอแล้วพูดอย่างสั่น ๆ ว่า: “อีเวร … ”
เฉินเฉียวเดินมาข้างๆและมองไปที่เขา เธอยิ้มเบา ๆ : “ฮ่าฮ่า ฉันขอโทษนะที่ฉันเอาเลือดสกปรกของคุณออกมา ตอนที่คุณขายฉันคุณควรจะคิดได้ตั้งแต่เนิ่นๆ อย่างนั้นก็คงไม่มีวันนี้ สิ่งที่คุณทำกับฉันในตอนแรก ตอนนี้ฉันแค่เอาคืนกลับไปให้คุณเท่านั้นเอง ”
ความรักในครอบครัวก่อนที่เธอจะได้พบกับซังหลินจวินมันเป็นสิ่งที่เธอรักมากที่สุดและหวังไว้มากที่สุด
ในเวลานั้นแม้ว่าพ่อของเธอจะเมินเธอและแม่เลี้ยงของเธอก็แอบล้อเลียนเธอ แม้ว่าเธอจะเจ็บปวดในใจ แต่เธอก็ไม่เคยต่อต้าพวกเขา
เกี่ยวกับการแต่งงานเธอได้พูดคุยโดยตรงกับครอบครัวของปู้โดยที่เธอไม่ยินยอมที่จะแต่งงาน นอกจากนี้เธอยังยอมแต่งงานโดยไม่ขัดขืน
ตอนนี้ดูสิ เหมือนว่าเธอโง่มาเยอะ
ยอมให้ทุกอย่างเพื่อแลกกับความเฉยเมยและหลอกลวง
ในที่สุด
เธอไม่สนใจอีกแล้ว
แม้ว่าแม่ที่เพิ่งจะกลับมา เธอก็สามารถปฏิบัติต่อเธออย่างเย็นชาได้
เฉินเฉียวเดินข้ามผ่านเขาและหันไปทางซ้ายโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
ลู่ลี่ลี่กำลังร้องไห้อย่างแผ่วเบาอยู่ข้างหลังเธอและเฉินอันก็ก่นด่าไม่หยุด
เธอทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง เฉินเฉียวถือโทรศัพท์มือถือของเธอและคุยสายกับซังหลินจวิน เขาถามเธอว่า: “เฉียวเฉียว ตอนนี้คุณกลับไปที่บ้านตระกูลเฉินหรอ?”
เฉินเฉียวไม่ได้ปิดบังเขาและอาจอธิบายทุกอย่างอย่างชัดเจนภายในครั้งเดียว เวลานี้หัวใจของเธอสงบลงมากจนเธอไม่อยากจะเชื่อมันเลย
เธอคิดว่าเธอคิดถึงเขาอยู่หน่อยๆ
อยากเจอเขาอยากพบโย่วอี
มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในสองวันนี้ ในตอนแรกเธอรับไม่ได้จริงๆ
เพราะเธอถามตัวเองอย่างสงสัยอยู่เสมอว่าซังหลินจวินรักเธอเพราะเธอเป็นแม่ของโย่วอีหรือเพราะรักเธอแบบคนๆหนึ่ง
คำถามนี้ดูเสแสร้งเกินไป แต่เธอสนใจมันจริงๆ
บางทีการตกหลุมรักใครสักคนก็เป็นแบบนี้แหละ
แต่ตอนนี้เธอคิดได้อย่างชัดเจนแล้ว
ไม่ว่าเขาจะรักเธอเพราะเธอเป็นแม่โย่วอี แต่ท้ายที่สุดเขาก็รักเธออยู่ดี
ความรักนี้เป็นความรักเดียวในชีวิตเธอและจะเป็นความรักที่เธอหวงแหนที่สุดในชีวิตเธอจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด
เพียงแค่เธอไม่ต้องการให้เขารู้ว่าตอนนี้เธอให้อภัยเขาแล้ว การปิดบังความจริงของเขาทำให้เธอรู้สึกโกรธจริงๆ
เขาต้องเข้าใจเสมอว่าการรักใครสักคนไม่ใช่การพยายามปิดบังกัน
ไม่ว่าจะมีเรื่องยุ่งยากแค่ไหน เราก็ต้องพูดคุยกัน
มิฉะนั้นพวกเขาจะมีปัญหามากมายในอนาคต
เธอไม่ต้องการสิ่งนี้ เธอเหนื่อยเกินไปและแค่อยากใช้ชีวิตที่เรียบง่ายกับเขา
คราวนี้ให้เขาจำบทเรียนนี้ให้ดีๆ ในอนาคตเมื่อเขาปิดบังอะไรเธออีก เขาจะต้องชั่งใจถึงผลที่ตามมา
“ ฉันกลับมาแล้ว หลังจากที่พวกเขากับฉันแบบนั้น ฉันไม่สามารถมองว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นไม่ได้ แม้ว่าฉันจะโทรหาคุณในวันนี้ แต่ฉันก็ยังไม่อยากเจอคุณอยู่ดี ฉันยังไม่อยากเจอคุณสักพักครึ่งเดือน “เฉินเฉียวทำให้เขานึกถึงสิ่งที่เธอพูดเมื่อวานนี้
ซังหลินจวินที่คิดว่าจะไปรับเธอกลับบ้านได้ในวันนี้ แต่จู่ๆก็รู้สึกใจสลาย แต่เขาก็ได้ยินคำพูดของเฉินเฉียวที่ไม่ได้เศร้าเหมือนเมื่อวานอีกต่อไป มันทำให้เขาก็รู้สึกโล่งใจ
ในท้ายที่สุดเขาก็ยังเห็นด้วยกับคำขอของเฉินเฉียวที่จะไม่พบกันเป็นเวลาครึ่งเดือน แต่หลังจากที่ทั้งสองวางสายเขาก็โทรหาอวี้เฟยอย่างรวดเร็ว
เฉินเฉียวเดินบนถนนได้อย่างง่ายดายเพราะไม่ค่อยมีรถวิ่งเข้ามา แถมยังใกล้บ้านตระกูลเฉิน ดังนั้นเธอจึงเดินบนถนนแบบสบายใจ
เธอไม่สังเกตเห็นรถที่อยู่ข้างหลังในระยะทางกว่าสิบเมตรที่กำลังตามเธอ
เมื่อเธอหยุดรถก็ขับตามมาอย่างกระชั้นชิด
คนที่นั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถเป็นผู้หญิงผมยาวที่ดูอ่อนโยน เธอมองไปที่เฉินเฉียวบนถนนข้างหน้าด้วยความเกลียดชังในแววตาเธอ
รถบรรทุกเร่งความเร็วอย่างกะทันหันและพุ่งตรงไปที่เฉินเฉียวบนถนน เฉินเฉียวไม่ทันได้ตั้งตัวก็มีชายคนหนึ่งที่เปิดประตูรถและกระโดดลงมาและหยิบผ้าเช็ดหน้าในมือปิดปากของเธอ
ในที่สุดเฉินเฉียวก็ตระหนักว่านี่คือการลักพาตัว