“ เหมิ้งเหมิ้งมีความสุขมากลุงซังจะได้อยู่กับแม่และหนูในอนาคต”
เหมิ้งเหมิ้งยิ้มดูน่ารักเป็นพิเศษ
ซังอวิ๋นมองไปที่เธอหัวใจของเขาอ่อนลง
ก่อนที่เหมิ้งเหมิ้งจะเกิดไม่ใช่ว่าซังอวิ๋นไม่เคยคิดว่าจะปล่อยให้เฉินเฉียวแท้งเด็กคนนี้
ตอนที่เฉินเฉียวความจำเสื่อม ไม่อยากจะเชื่อ ตอนลูบเด็กที่อยู่ในท้องถึงจะรู้สึกได้ถึงความมีชีวิตของเธอจริงๆ
ซังอวิ๋นกังวลว่าถ้าเธอสูญเสียเด็กคนนี้ไป เธออาจจะตายจริงๆ
ต่อมาเขาไม่สนใจกับเด็กคนนั้น ปล่อยเลยตามเลย
แต่รอจนเด็กคลอดออกมา ซังอวิ๋นรู้สึกดีใจที่ไม่ได้ลงมือจริงๆ
เหมิ้งเหมิ้งเป็นเด็กดีมากๆ เธอไม่เคยงองแงเลย อีกทั้งเธอยังติดเขามากกว่าเฉินเฉียวอีกด้วย
ความอ่อนโยนของเด็กน้อย ถึงแม้เขาจะเป็นคนไร้ความรู้สึกเป็นคนเลือดเย็น แต่ใครก็ต้านทานไม่อยู่
ส่วนเรื่องแต่งงาน ซังอวิ๋นเตรียมการมานานแล้ว
แต่ก่อนเฉินเฉียวกังวลกับเรื่องงานมาตลอด เขาไม่อยากไปรบกวนเธอ
ตอนนี้เธอมีงานทำแล้ว ทุกอย่างที่ควรเตรียมก็พร้อมแล้ว
ซังอวิ๋นและเหมิ้งเหมิ้งรอที่บ้านเพื่อให้เฉินเฉียวกลับบ้านและรอจนถึง สองทุ่มเธอก็ยังไม่กลับจนกระทั่งเหมิ้งเหมิ้งหลับไป
เขาวางเธอลงบนเตียงห่มด้วยผ้านวม หลังจากนั้นเขาไปนั่งที่โต๊ะอาหารดื่มไวน์แดงคนเดียว
เมื่อซู้เฉียวเปิดประตูเธอก็เห็นความมืดในห้องโถงคิดว่าเหมิ้งเหมิ้งหลับไปแล้วและซังอวิ๋นก็กลับไปแล้ว
ในใจรู้สึกผิดที่กลับบ้านช้าเกินไป แต่เมื่อเดินไปถึงบันไดขั้นบนสุดทันใดนั้นก็ได้ยินเสียง “แปะ” และไฟก็สว่างจ้า
“ อาอวิ๋น คุณยังไม่กลับหรอ”ซู้เฉียวมองไปที่ซังอวิ๋นที่ยืนพิงสวิตช์โดยก้มหน้าลงและยิ้ม
“คุณยังไม่กลับแล้วผมจะสบายใจได้อย่างไร”ซังอวิ๋นเดินเซไปหาเธอ ซู้เฉียวก็ขมวดคิ้ว
เธอรีบเข้าไปพยุงเขาและเมื่อเธอเข้าไปใกล้ขึ้นเธอก็รู้ว่ามีกลิ่นไวน์อยู่บนตัวของเขา
“ ทำไมยังดื่มอยู่อีก มันไม่ดีต่อร่างกายนะ ไม่รู้หรอ?”หลังจากสามปีที่คบกันเธอได้ถือว่าเขาเป็นญาติสนิทที่สุดของเธอแล้วและคำพูดจุกจิกของเธอก็เป็นเรื่องธรรมดา
ซังอวิ๋นพิงเธอและโบกมืออย่างช่วยไม่ได้เขาหน้าแดงเพราะความเมาหลังจากเห็นความกังวลบนใบหน้าของเฉินเฉียว:“ ไม่เป็นไร ดื่มไปแค่นี้เอง ว่าแต่คุณทำไมกลับมาดึกขนาดนี้ คุณจำไม่ได้หรอว่าวันนี้วันอะไร ”
เฉินเฉียวคิดอยู่พักหนึ่ง แต่คิดไม่ออกเลยถามเขากลับ “วันนี้วันอะไรหรอ เหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษนะ”
“วันนี้เป็นวันเกิดคุณลืมอีกแล้วนะ”ซังอวิ๋นก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกันหลายปีที่ผ่านมาเธอลืมวันเกิดของเธอทุกปี
ถ้าเขาไม่ได้เตือนเธอทุกปีบางทีเธออาจจะจำมันไม่ได้
ซู้เฉียวเพิ่งนึกได้เธอคลายคิ้วและพูดอย่างเฉยเมย: “ไม่เป็นไรวันเกิดเป็นเพียงเครื่องเตือนใจว่าฉันอายุมากขึ้นทุกปีเท่านั้น”
ในความเป็นจริง ในทุกๆครั้งที่ฉลองวันเกิด เธอจะรู้สึกเบื่อ
แม้ว่าเธอจะจำอดีตไม่ได้ แต่เธอคิดว่าเธอต้องเคยเกลียดวันเกิดมาก่อน
ซังอวิ๋นไม่ได้บังคับเธออีกต่อไปเมื่อเธอพยุงเขาไปที่เก้าอี้ข้างๆเขาก็เลิกคิ้วขึ้นทันใดนั้นก็จำอะไรบางอย่างได้เดินโซซัดโซเซไปที่ตู้เย็นในห้องครัวและหยิบเค้กที่ถูกเตรียมไว้แล้วออกมา
เมื่อซู้เฉียวมองดูเขาเดินมาพร้อมกับเค้กความเจ็บปวดก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
ในสามปีที่ผ่านมาเขาดีกับเธอมากจนทำให้เธอรู้สึกผิด
เธอเดินไปพยายามจะหยิบเค้ก
ซังอวิ๋นส่ายหัวปฏิเสธความหวังดีของเธอและวางเค้กลงบนโต๊ะอาหาร
หลังจากที่นั่งลงข้างๆเธอเขาก็เปิดกล่องเค้ก
ภายในเค้กสองชั้นที่มีแหวนส่องแสงวางอยู่บนสตรอเบอร์รี่
ดวงตาของซู้เฉียวแข็งกระด้างและมีร่องรอยของความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในใจของเธอ
เธอแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นและหยิบมีดตัดเค้กลงในจานเค้กที่วางไว้ข้างๆเธอยื่นให้เขาก่อนแล้วจึงตัดชิ้นของตัวเอง
สายตาที่คาดหวังของซังอวิ๋นถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงเมื่อเฉินเฉียวกินเค้กโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
เขาแสร้งถามว่า: “เมื่อกี้คุณไม่เห็นอะไรเลยเหรอ”
มีอะไรหรอ?หลังจากที่ซู้เฉียวกลืนเค้กลงไปเธอก็ไม่มองเขาเลย
จริงๆแล้วเธอลังเลอยู่ในใจว่าจะปฏิเสธเขาโดยตรงดีไหม
แต่ในสามปีที่ผ่านมาเขาเป็นเหมือนอากาศมานานและเกือบจะกลายเป็นสมาชิกในครอบครัวที่ขาดไม่ได้ของเธอและเธอก็ปฏิเสธเขาไม่ได้
เพราะเธอไม่อยากทำร้ายเขา.
มือของซังอวิ๋นที่ห้อยอยู่ข้างหนึ่งถูกบีบแน่นและเขาพยายามอย่างเต็มที่ที่ไม่บังคับเธอ
“ไม่เป็นไร ดึกมากแล้ว ผมกลับก่อนนะ”
ซู้เฉียวต้องการที่จะลุกขึ้นและจะไปส่งเขา ซังอวิ๋นปฏิเสธเธอครั้งแรก: “ไม่ต้อง ผมดื่มไม่มาก ผมกลับเองได้”
พวกเขาอาศัยอยู่ไม่ไกลกันและ ซังอวิ๋นอาศัยอยู่ข้างบ้านของเธอ
เมื่อดูเขาเดินออกไป เฉินเฉียวก็พิงประตูและพูดในใจว่าฉันขอโทษ
เมื่อซู้เฉียวตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นเธอจะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อทำอาหารเช้าให้เหมิ้งเหมิ้งโดยไม่คาดคิดเมื่อเธอลงมาชั้นล่างเธอพบว่ามีอาหารเช้าเตรียมไว้ให้แล้วบนโต๊ะ
เธอเดินไปที่โต๊ะอาหารและมองไปที่อาหารบนโต๊ะ
ในใจพูดไม่ออก
“ เฉียวเฉียว!
เมื่อวานผมอาจจะลน ไม่รู้ว่าคุณตกใจที่โดนผมขอแต่งงานหรือไม่ แต่ผมไม่อยากบังคับคุณ แต่เฉียวเฉียว เหมิ้งเหมิ้งต้องการพ่อ ผมคิดว่าผมเหมาะสมที่สุด แล้วผมก็รักคุณ
ซังอวิ๋น
เธอถือโน้ตไว้ในมือ
เนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์ งานสอนทำแค่วันจันทร์ถึงศุกร์เท่านั้น
เวลาสอนอาจจะแตกต่างกับคนอื่น
หลังจากที่ซู้เฉียวป้อนข้าวเหมิ้งเหมิ้งและกินอาหารเช้าเสร็จเหมิ้งเหมิ้งก็มุ่ยปากอย่างไม่พอใจและหันหน้าไปที่แม่ของเธอด้วยความโกรธ
ซู้เฉียวสัมผัสใบหน้าของเธอและพูดด้วยรอยยิ้ม: “เหมิ้งเหมิ้งวันนี้เป็นอะไร พูดออกมาให้แม่ดีใจหน่อยสิ”
เด็กที่น่ารักมาก ซู้เฉียวชอบแกล้งเธอ
พฤติกรรมแบบนี้เธอควบคุมไม่อยู่
เหมิ้งเหมิ้งกระโดดขึ้นเก้าอี้เอามือเท้าเอวแล้วพูดว่า “เมื่อวานลุงบอกว่า หลังจากนี้พวกเราจะอยู่ด้วยกัน วันนี้ไม่เจอลุงเลย ต้องเป็นเพราะแม่แน่ๆที่ทำให้ลุงโกรธ ฮึ ไม่สนใจแม่แล้ว ”
เหมิ้งเหมิ้งก้าวขึ้นไปชั้นบน
ซู้เฉียวที่รู้สึกท้อแท้กับคำพูดของเหมิ้งเหมิ้งทำได้เพียงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เหมิ้งเหมิ้งดูเหมือนจะชอบเขาจริงๆ