ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 249 ผู้ชายที่ภายนอกดูเย็นชา

เมื่อเห็นทั้งสองคนแบบนั้น ซังหลินจวินก็หดหู่อย่างมาก

เขาเดินตรงไปหาพวกเขาทีละก้าว

ซูเฉียวมองสีหน้าเขาด้วยสายตาที่ตะลึง คิดว่าเขาต้องการจะพูดอะไร แต่เขากลับเดินไปหาโย่วอีที่กำลังจะแอบเดินหนี

“วันนี้พามารู้จักคนอื่นๆ จะหนีไปไหนอีกซังหลินจวินจับคอเด็กไว้ด้วยมือข้างเดียวมองไปที่ลูกชายของเขาและความเศร้าโศกในใจของเขาก็หายไปมาก

ใบหน้าบูดบึ้งของโย่วอียกมือขึ้นทำท่าทางยอมแพ้และพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างน่าสงสารว่า “พ่อ ผมเพิ่งไม่กี่ขวบเอง พ่อก็พาผมมางานแบบนี้แล้ว แบบนี้เรียกว่ารังแกเด็ก ผมก็มีสิทธิของผมนะ”

ซังหลินจวินตะคอก:“ ไหนๆฉันก็บังคับแกแล้ว งั้นเรื่องที่จะพาไปเจอเซินหลิวซิงก็ไม่ต้องแล้ว”

หลังจากที่เขาพูดจบเขาก็ปล่อยมือ จะเดินออกไป

โย่วอีรีบวิ่งไปเกาะแขนพ่อเขา: “โอ้ ผมผิดไปแล้ว ผมผิดเอง พ่ออย่าขี้งกสิ?

ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและกลมกลืนระหว่างพ่อลูกทำให้ซูเฉียวค่อนข้างอิจฉา ซูเฉียวเดิมทีไม่ได้สนใจงานเลี้ยงอยู่แล้ว หันไปหาซังอวิ๋นข้างๆ พูดอย่างรู้สึกผิด: “อาอวิ๋น วันนี้ฉันอยากกลับแล้ว เหมิ้งเหมิ้งยังรออยู่ที่บ้าน ถึงแม้จะมีคนดูแล แต่ฉันก็ไม่วางใจ ขอโทษจริงๆนะ”

ซังอวิ๋นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็เข้าใจความตั้งใจของเฉินเฉียว สามปีมานี้เหมิ้งเหมิ้งแทบไม่เคยห่างจากเธอเลย เธอจะกังวลก็เป็นเรื่องปกติ

“ให้คนไปส่งคุณไหม?”เขาปลีกตัวไปจากตรงนี้ไม่ได้แต่ก็กังวลว่าซังหลินจวินจะฉวยโอกาสไปหาเธอ

ซูเฉียวมองไปที่ซังอวิ๋นด้วยสายตากังวลและส่ายหัวและกล่าวว่า “ไม่ต้องหรอก ฉันกลับเองได้ งานเลี้ยงนี้ยังต้องการคุณอยู่ คุณรีบกลับเข้างานเถอะ”

เมื่อเห็นคนอื่นมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาแบบนั้นซูเฉียวควบคุมความอดทนไว้ไม่ได้

เมื่อเห็นเธอปฏิเสธอย่างต่อเนื่องซังอวิ๋นก็ทำได้แค่มองเธอเดินจากไป

เมื่อเห็นว่าซังหลินจวิน และโย่วอีก็กำลังจะกลับเหมือนกัน เขาเลยก้าวไปข้างหน้าขวางพวกเขาไว้แล้วพูดว่า: “ประธานซัง วันนี้ไหนๆก็มาแล้ว ดื่มกันให้เมาไปเลยเถอะ”

ทิวทัศน์ยามค่ำคืนของอิตาลีสวยงามมากยังสามารถเห็นฝูงชนที่มีชีวิตชีวาและทิวทัศน์ที่คึกคักเมื่อเดินบนถนน

เพลิดเพลินไปกับสายลมที่พัดผ่านร่างกายเกิดความสงบในใจที่หาได้ยาก

ตอนที่หยุดที่ป้ายรถเมล์ รถยังไม่ทันมาถึง กลับมีรถปอร์เช่ขับมาจอดอยู่ข้างๆเธอ

ซูเฉียวไม่ได้สนใจรถคันนั้นตั้งแต่แรก

หลังจากรถจอดสิบนาทีซูเฉียวก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองอย่างระมัดระวัง เห็นดวงตาสีเข้มคู่หนึ่งที่จ้องมองมาที่เธอ

ซูเฉียวรู้สึกตกใจกับการปรากฏตัวของเขาเธอต้องการที่จะไม่สนใจเขา แต่เขาขวางทางของเธอและเขายังคงเป็นนายจ้างของเธอดังนั้นเธอควรทักทายเขาหน่อย

“ บังเอิญจังเลยนะคะ คุณซังรถคุณเสียหรอคะ? ต้องการเรียกช่างซ่อมไหมคะ? “เธอเดินไปพร้อมกับรอยยิ้มและถามอย่างสุภาพ

ซังหลินจวินซึ่งนั่งอยู่ในรถมองไปที่รอยยิ้มปลอมๆของเธอรู้สึกอึดอัดมาก

เขาคิดว่าเธออาจจะเป็นเฉินเฉียว ได้เห็นรอยยิ้มที่แปลกๆของเธออีกครั้ง ใจเขาก็สงบเหมือนตอนแรกไม่ได้

เขาเหลือบมองเธอแสร้งทำเป็นไม่แยแสจากนั้นคำพูดที่เข้าใจยากก็โผล่ออกมาจากปากของเขา

“ไม่บังเอิญหรอก ผมมาจอดรอคุณสิบนาทีสามสิบวินาทีแล้ว คุณจะยืนอยู่ตรงนี้จริงๆหรอ”

ซู้เฉียวสำลักกับคำพูดของเขา ใครให้เขามารอล่ะ หลงตัวเองจริงๆ

ตอนที่เธอกำลังคิดแบบนี้เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเธอมีความเขินอายและมีความสุขอยู่ในใจ

เมื่อเห็นว่าเธอยืนนิ่งซังหลินจวินก็เอื้อมมือไปเปิดประตูรถ

“ขึ้นรถ เดี๋ยวผมไปส่ง”

“โย่วอีอยู่ไหนหรอคะ”เฉินเฉียวพบว่าไม่มีโย่วอีอยู่ในรถและขาก็ยิ่งลังเลที่จะขยับ

การอยู่กับชายแปลกหน้าเธอไม่ได้มีความคิดที่เปิดกว้างเช่นนี้

“ น่าจะกำลังอยู่กับคนที่เขาชอบ ไม่ต้องกังวลหรอก เขาโตแล้วดูแลตัวเองได้ คุณไม่ใช่ว่าจะรีบกลับไปดูลูกหรอกหรอ? อย่าเคอะเขิน ”

แน่นอนว่าซังหลินจวินจะไม่พูดในสิ่งที่เขาจัดการแต่เมื่อเขาเอ่ยถึงลูกของซูเฉียวเขามีความคาดหวังและความกลัวอยู่ในใจ

ความคาดหวังก็คือถ้าคนตรงหน้าเขาเป็นเฉินเฉียว จริงๆ เหมิ้งเหมิ้ง ก็อาจจะเป็นลูกของเขา

เขากลัวว่าร่องรอยที่หายากนี้อาจเป็นของปลอม

ความซับซ้อนในใจของเขาไม่สามารถบรรยายได้ทำให้การแสดงออกของเขากลายเป็นเย็นชามากขึ้น

เมื่อซูเฉียวมองไปที่ใบหน้าที่เย็นชาของเขาเธอคิดว่าเป็นเพราะเธอไม่เต็มใจที่จะเข้าไปในรถและทำให้เขารำคาญ

ดึงประตูขึ้นรถ

หลังจากที่ซูเฉียวขึ้นรถแล้วซังหลินจวินก็ขับรถตรงไป

ในรถบรรยากาศน่าอึดอัด

ชายหญิงคู่หนึ่งที่แปลกหน้าซึ่งอยู่ในพื้นที่จำกัดแบบนี้แม้ว่าเขากำลังขับรถอยู่แต่ก็รู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก

ในขณะที่รอสัญญาณไฟจราจรซังหลินจวินมือหนึ่งพิงกระจกรถอีกมือหนึ่งปลดเนคไท เผยให้ให้ไหปลาร้าที่น่าหลงไหล

ความงามที่ไม่อาจบรรยายได้แม้ว่าจะเป็นผู้ชาย แต่ก็ยังทำให้ฮอร์โมนเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

เฉินเฉียวที่เบาะหลังแอบกลืนน้ำลาย

เธอก้มศีรษะลงและมองไปที่เท้าของเธอเพื่อปกปิดความสับสนที่เพิ่งเกิดจากการเคลื่อนไหวที่รุนแรงอย่างกะทันหันของเขา

เมื่อเธอสงบลงรถก็ได้จอดที่หมู่บ้านเธอแล้ว

ซู้เฉียวเปิดประตูลงรถ

“คุณซัง ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณไม่แน่ฉันอาจจะกำลังรอรถเมล์อยู่ก็ได้”แม้ว่าเขาจะทำหน้าเย็นชา แต่เธอก็ยอมรับความช่วยเหลือของเขาทุกครั้ง

เธอรู้สึกว่าเขาน่าจะเป็นผู้ชายที่เย็นชาแต่มีจิตใจอบอุ่น

ถ้าคิดแบบนี้ อารมณ์ที่เดิมทีแปรปวนอยู่แล้วสงบลงอย่างรวดเร็ว

ซังหลินจวินมองเธอที่มีรอยยิ้มบนใบหน้าพลางกล่าวคำขอบคุณ แต่จริงๆแล้วเธออยากให้เขารีบๆกลับไป

ทันใดนั้นใบหน้าที่เย็นชาก็ยิ้มจากนั้นเปิดประตูลงจากรถ พูดข้างๆแก้มเธอ: “ขอบคุณในทางปฏิบัติมันดีกว่าคำขอบคุณจากปาก ผมกระหายนิดหน่อย ให้ผมดื่มน้ำซักแก้วคุณคงไม่รังเกียจใช่ไหม ”

เขาพูดของเขาตรงไปตรงมาแบบนี้ ซูเฉียวจะปฏิเสธได้ยังไง

ทำได้แค่เดินนำไปข้างหน้าอย่างอึดอัด

เมื่อเห็นเธอตกตะลึงดวงตาของซังหลินจวินก็ฉายแววเจ้าเล่ห์

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset