เมื่อพาเขาเข้าไปในประตูบ้าน เฉินเฉียวก็หยิบกุญแจออกมาและเปิดประตูจากนั้นเด็กน้อยก็วิ่งเข้ามา
จากนั้นก็มีเสียงเด็กตามมา: “แม่กลับมาแล้วเหมิ้งเหมิ้งคิดถึงแม่มาก”
เมื่อเหมิ้งเหมิ้งวิ่งไปซังหลินจวินคิดว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังเขามา เลยยื่นมือออกไปช่วยบังเธอไว้
คนที่เหมิ้งเหมิ้งกอด จริงๆแล้วคือเขา
เด็กน้อยตัวนุ่มนิ่มทำให้เขารู้สึกไม่กล้าผลักเธอออก เพราะว่าเด็กน้อยถ้าเกิดใช้แรงเพียงนิดเดียว ก็จะรู้สึกแย่
ความรู้สึกที่เขาไม่เคยรู้สึกกับเด็กคนไหนมาก่อนยกเว้นโย่วอี
ในตอนนี้เขามีความคิดหนึ่งเดียวในใจซูเฉียวต้องเป็นเฉินเฉียวและเด็กคนนี้ก็ต้องเป็นลูกของเขาด้วย
เนื่องจากความสัมพันธ์ทางสายเลือดจะทำให้รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานได้ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นกับโย่วอีเท่านั้น
เดิมทีซูเฉียวกังวลว่าเขาจะผลักเหมิ้งเหมิ้งออกไปดูแล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่ชอบเด็กมากนัก ขนาดลูกของเขาเองเขายังทำแบบนั้น ตอนที่ซังหลินจวินยืนแข็งทื่อ ในใจเธอก็กังวล แต่ที่แท้เข้ากลับมีความอ่อนโยน
“ ไม่ใช่แม่”หลังจากที่เหมิ้งเหมิ้งรู้ว่าเธอกอดผิดคน กระดูกที่แข็งๆของเขาไม่เหมือนกับแม่ที่อ่อนนุ่มของเธอ
เธอปล่อยมือลงดวงตากลมโตและน่ารักของเธอมองไปที่คนที่เธอเพิ่งกอดมาจากนั้นเมื่อเธอพบว่าเขาคือลุงที่พาเธอไปกินข้าวครั้งที่แล้วใบหน้าของเธอก็ยิ้มและหรี่ตาลง: “ลุง, คุณเป็นลุงคนนั้นใช่มั้ย?”
ซังหลินจวินย่อตัวลงและมองคนน่ารักตรงหน้าเขาและพูดอย่างจงใจ “ฉันเป็นลุงคนไหนบอกลุงได้ไหม เหมิ้งเหมิ้ง”
เหมิ้งเหมิ้ง ชูนิ้วของเธออย่างจริงใจและพูดว่า “มีลุงสองคน คนแรกคือลุงอวิ๋นที่เลี้ยงหนู อีกคนก็คือลุงไงที่พาหนูไปกินข้าว
อันที่จริงทั้งสองคนกินอาหารมื้อนั้นครั้งเดียว แต่ในสายตาของเหมิ้งเหมิ้งที่ไม่ค่อยเห็นคนแปลกหน้าลุงคนนี้คือลุงที่ดีของเธอ
ซูเฉียวมองไปที่เหมิ้งเหมิ้งที่หลงเขาและแอบกลอกตา
ซูเฉียวกอดเหมิ้งเหมิ้งจากนั้นก็มองไปที่พี่เลี้ยงเด็กที่ยืนอยู่ข้างๆมองเธอด้วยความลำบากใจและพูด: “ป้าคะ ฉันกลับมาเร็ววันนี้ เดี๋ยวฉันคิดค่าจ้างให้นะคะ คิดเต็มวันเลยค่ะ เพราะฉันกลับมาก่อนเอง”
เธอมีน้ำใจต่อผู้สูงวัยมาโดยตลอด
ยังไงซะก็เป็นคนที่ตั้งใจมาทำงาน
ทุกคนมีความยากลำบาก
พี่เลี้ยงเด็กโบกมืออย่างไม่สบายใจ: “คุณซังคนนั้นจ่ายให้เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณไม่ต้องจ่ายแล้ว ฉันมีธุระที่บ้าน ขอตัวก่อนนะคะ”
จากนั้นเธอก็หิ้วของที่เธอเอามาด้วยแล้วกลับไป
เมื่อซูเฉียวได้ยินว่าซังอวิ๋นจ่ายแทนให้แล้วเธอรู้สึกเหมือนถูกค้อนขนาดใหญ่ทุบและเธอรู้สึกอึดอัดมาก
เธอเป็นหนี้เขามากจนไม่สามารถทดแทนคืนได้ ทำให้เธอต้องปฎิบัติต่อเขาดีๆ กลายเป็นภาระที่หนักอึ้ง
หลังจากเห็นสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปซังหลินจวินก็คิดอย่างรอบคอบและเดาได้ไม่ยากว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ในเวลานี้
ในฐานะผู้ชายเขารู้ดีว่าตอนนี้ซังอวิ๋นตั้งใจจะทำอะไร
ถ้าคนที่เขาชอบไม่ใช่ เฉินเฉียว เขาจะแอบเห็นด้วย
แต่คนๆนั้นเป็นคนที่เขาเก็บไว้ในใจ เขาจะกระชากหน้ากาก
ซังหลินจวินเดินมาข้างๆเธอแกล้งถาม: “ซังอวิ๋นดีกับคุณมากคุณจะคบกันไหม?”
ซูเฉียวกำลังกังวลเรื่องซังอวิ๋นและคนตรงหน้าเธอก็จงใจสะกิดบาดแผลของเธอและทันใดนั้นก็พูดกับเขาว่า: “คุณซัง เรื่องของฉันคุณอย่าใส่ใจเลย คุณเอาเวลาไปคิดถึงภรรยาคุณเถอะ”
เมื่อพูดแบบนี้ซูเฉียวเห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปซูเฉียวก็ขอโทษเขาทันที: “ฉันขอโทษฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนี้ฉันแค่ … ”
ซูเฉียวไม่ได้พูดสิ่งที่เธอคิด
เมื่อเธอเห็นเขาครั้งแรกแม้ว่าในใจเธอจะมีความคิดเกี่ยวกับเขาอยู่เล็กน้อย แต่เธอก็คิดว่าเขามีลูกแล้วและก็มีภรรยาแล้วดังนั้นเธอจึงระงับความคิดนั้นไว้
ไม่เพียงแค่นั้นทุกครั้งที่เธอเห็นเขาเธอจะจงใจหลีกเลี่ยงเขา
แล้วยังได้ยินโย่วอีพูดอีกด้วยว่าเขาเคยมีภรรยาที่เขารักมาก แต่เธอตายไปแล้ว
เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นอย่างไรในใจเธอไม่มีความสุข แต่มีความเจ็บปวดมากกว่า
ผู้ชายที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครทำอะไรเขาได้ จริงๆแล้วเขาไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้นแค่แกล้งทำเป็นว่าไม่เป็นไร
ซังหลินจวินมองไปที่ดวงตาที่เสียใจของเธอ: “ผมเข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไรและผมไม่โทษคุณ แค่ก แค่ก …ผมคอแห้งนิดหน่อย ดื่มน้ำได้ตรงไหน? ”
เขาไม่อยากให้เธอหมกมุ่นกับการขอโทษมากเกินไปท้ายที่สุดถ้าเธอเป็นเธอจริงๆเขาจะมีหนทางของตัวเองในอนาคตที่จะให้เธอชดใช้สิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ตอนนี้
ถ้าไม่ใช่ซังหลินจวินไม่อยากคิดถึงผลลัพธ์เลย
เพราะหัวใจของเขากำลังบอกกับเขาว่าเป็นเธอแน่ๆ
ซูเฉียวนึกขึ้นได้ว่าเขามาที่นี่เพื่อดื่มชา เธออุ้มเหมิ้งเหมิ้งไว้บนโซฟา แล้วลุกไปรินชา
เมื่อเหลือเพียง เหมิ้งเหมิ้ง และ ซังหลินจวินในห้องนั่งเล่น
เหมิ้งเหมิ้งคลานจากด้านข้างด้วยขาสั้น ๆ ของเธอจากนั้นดึงมือของเขาและขอให้เขาเล่นเกมกับเธอ
เมื่อซูเฉียวกลับมาพร้อมกับแก้วน้ำไม่มีใครอยู่ในห้องนั่งเล่นและประตูบ้านก็เปิดออกเธอเดินออกไปก็เห็นเหมิ้งเหมิ้งจับเชือกชิงช้าแน่น โดยด้านหลังมีร่างสูงคอยแกว่งชิงช้าให้
“ ลุงซัง เร็วอีก สูงจังเลย สนุกจัง”เสียงเหมิ้งเหมิ้งแผ่กระจายไปทั่วและเสียงของเธอเต็มไปด้วยความสุข
ซูเฉียวที่ยืนอยู่ที่ประตูและเห็นภาพนี้เธอก็งงงวย
น้ำตาก็ไหลรินลงมาโดยไม่รู้ตัว
ซังหลินจวินที่กำลังแกว่งชิงช้าดูเหมือนจะสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างและหันไปมอง
เธอกำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาที่แวววาว
และนั่นไม่ใช่ภาพลวงตามันคือน้ำตาของเธอ
ซังหลินจวินรู้สึกว่าหน้าอกของเขาเองก็อึดอัดเช่นกันเขาหยุดแกว่งชิงช้า นั่งยองๆลง กระซิบอะไรไม่รู้ข้างๆหูของเหมิ้งเหมิ้ง
เมื่อเขาเดินเข้าไปหาเธอเหมิ้งเหมิ้งก็กระโดดตรงเข้าไปในห้อง
ซูเฉียวมองเขาอย่างสงสัยและถามว่า “คุณพูดอะไรกับเหมิ้งเหมิ้ง”