ก่อนที่จะถูกรัก ก็ต้องเรียนรู้การคิดถึงก่อน
นี่ก็ต้องเป็นเรื่องที่ยากลำบากอยู่แล้ว
เฉินเฉียวนั่งเงียบๆอยู่ที่ระเบียง สายตาเหมือนมองพี่น้องที่เล่นกันข้างล่าง แต่ความจริงเธอไม่ได้โฟกัส แต่เหม่อตั้งนานแล้ว
ซังหลินจวินไปเป็นอาทิตย์แล้ว
ความคิดถึงที่ไม่เคยมี แต่ตอนนี้เธอรู้สึกแล้ว
ทั้งๆที่ยังไม่ได้รักกันจริงๆ แต่ความคิดถึงที่เธอมีต่อเขา เหมือนปลาที่ขาดออกซิเจนไม่ได้ ถ้าขาดออกซิเจน ปลาตัวนั้นก็จะตาย
เธออยากเจอเขา ในใจเลยมีความคิดที่อยากกลับประเทศ
“กำลังมองอะไรอยู่”
“นายเองเหรอ” เฉินเฉียวสะดุ้งตกใจกับเสียง พอหันกลับไปเลยเห็นอาอวิน จึงส่ายหน้า “ไม่อะไร แค่รู้สึกว่าช่วงนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์”
“ใช่เหรอ? ฉันคิดว่าเธอคิดถึงมันซะอีก” ซังอวินพูดแทงใจ ให้เธอเผชิญหน้ากับใจตัวเอง
เฉินเฉียวเห็นว่าเขารู้หมดแล้ว เลยไม่ปิดบัง แล้วพยักหน้า “ใช่ ฉันคิดถึงเขา ฉันอยากกลับประเทศ”
หลังจากรู้เรื่องตัวเองแล้ว เฉินเฉียวก็ไม่ได้ถามซังอวินว่าทำไมต้องปิดบังเธอ เพราะว่าเขาอาจจะปิดบังบางอย่าง แต่นี่ก็ลบล้างสิ่งที่เขาทำให้เธอไม่ได้
สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือ ไม่ไปแตะต้องมัน ไม่ให้ความเชื่อใจที่เริ่มแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผง
ตั้งแต่ที่ซังหลินจวินโผล่มาหาเฉินเฉียว ซังอวินก็เดาได้แล้วว่าต้องมีวันนี้ ความจริง การอยู่เคียงข้างกันมาสามปี แต่กลับไม่ได้ความรักที่เขาต้องการ ในใจเลยผิดหวังมาก
แต่ว่า เขายังคิดว่าถ้ายังพยายามต่อ ไม่แน่ เธออาจจะรับรักเขา ถึงตอนนั้น ทุกอย่างก็จะคุ้มค่าเอง
พอคิดแบบนี้ ถึงจะเจอปัญหาเยอะแค่ไหน แต่ยังมีความสุขอยู่ดี
แต่ว่า ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว เขาคงรอวันนั้นมาไม่ถึงแล้ว
คนที่ไม่รักเขา ถึงจะยอมเสียสละเพื่อเธอมากแค่ไหน ก็คงไม่ได้ความรักกลับมา
ควรปล่อยมือแล้ว เขาพูดกับตัวเองในใจ
“กลับไปเถอะ” อยู่ๆเขาก็เอ่ย
เฉินเฉียวหันไปมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ ซังอวินจึงลูบผมเธอแล้วยิ้ม “ถึงแม้ฉันจะรักเธอ แต่ฉันอยากให้เธอมีความสุขมากกว่า เธอไม่ได้รักฉัน เพราะฉันเองที่ทำให้เธอรักไม่ได้ ตลอดสามปี ฉันปกป้องเธอไว้ข้างตัวฉันตลอด อยากจะดูว่า จะมีวันนั้นหรือเปล่า วันที่เธอจะรักฉันคบกับฉัน แต่ว่าเธอไม่ เฉียวเฉียว ฉันรู้ ถ้ายังดื้อด้านต่อไป ฉันอาจจะทำร้ายเธอ ฉันไม่อยากทำเรื่องที่ทำร้ายเธอ เพราะฉะนั้น ฉันยอมแพ้แล้ว”
“ไม่ นายดีมาก ฉันเองที่ไม่ดี” เฉินเฉียวส่ายหน้า เสียงก็เริ่มแหบ
พวกเขาอยู่ด้วยกันนานขนาดนี้ จะไม่มีความรู้สึกได้ยังไง
แต่ว่าในใจเธอ กลับเห็นเขาเป็นเพื่อน พี่ชาย แต่ไม่ใช่คนรัก
เธอติดค้างความรู้สึกเขา คงไม่มีโอกาสที่จะชดใช้แล้ว
“เห็นเธอร้องไห้เพราะฉัน แค่นี้ฉันก็พอใจแล้ว” ซังอวินใช้มือเช็ดน้ำตาให้เธอ
ทีแรกเฉินเฉียวอยากปฏิเสธ แต่พอเห็นสายตาที่หม่นหมองอ้อนวอนของเขา เลยไม่ได้ขยับหนี
ครั้งนี้ครั้งเดียว รับความหวังดีของเขาไว้
ตอนที่โยว่อีพาเหมิงเหมิงออกมาจึงเห็น เขาไม่ได้เหมือนแต่ก่อนที่อารมณ์เสีย แต่กลับแอบถ่ายรูปไว้ ให้พ่ออารมณ์เสียแทน
เขาโตขึ้นกว่าแต่ก่อน เลยรู้ว่าเอาใจเขามาใส่ใจเรา
แล้วเข้าใจด้วยว่าเรื่องของความรู้สึกคนอื่นจะยุ่งไม่ได้
อีกอย่าง คู่แข่งยอมปล่อยมือแล้ว ยังไม่บอกคุณพ่อดีกว่า ให้เขาร้อนใจเล่นๆดีกว่า
แต่เหมิงเหมิงที่เห็นคุณลุงซังมา จึงสะบัดมือโยว่อีทิ้ง แล้ววิ่งไปตะโกนเรียก “คุณลุงซัง คุณลุงไม่มาหลายวันแล้ว ลืมเหมิงเหมิงแล้วใช่ไหมคะ?”
น้ำเสียงเหมิงเหมิงไม่ค่อยมีความสุข จนใจซังอวินละลายทันที
เขาอุ้มปลอบเหมิงเหมิง “จะลืมได้ยังไงคะ ถึงคุณลุงจะลืมก็ไม่ลืมเหมิงเหมิงหรอก”
“งั้นก็ดีค่ะ” พอได้ยินคุณลุงซังพูดแบบนี้ เหมิงเหมิงก็ดีใจทันที
เพราะเฉินเฉียวตัดสินใจจะกลับประเทศ เลยต้องเตรียมของกลับไปด้วย
ซังอวินกับโยว่อีเล่นกับเหมิงเหมิงข้างล่าง ส่วนเธอก็มาเก็บเสื้อผ้า
ตอนที่เก็บของได้ประมาณหนึ่งแล้ว โทรศัพท์ที่วางอยู่บนเตียงก็ดัง
พอเห็นเบอร์โทรที่คุ้นเคย เฉินเฉียวก็ดีใจ แต่ก็เปลี่ยนเป็นความหงุดหงิดอย่างรวดเร็ว
เธอไม่ชอบให้คนอื่นมาเล่นกับความรู้สึก แต่ก็หักห้ามใจไม่ได้
เพราะว่าในใจตีกันวุ่น เลยทำให้ตอนที่รับโทรศัพท์ น้ำเสียงเลยเย็นชา “อยู่ๆคุณชายซังก็โทรมามีอะไรหรือเปล่าคะ?”
เขานั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องพักฟื้นในโรงพยาบาล ได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากโทรศัพท์ ถึงแม้สรรพนามที่เธอเรียกยังไม่เปลี่ยน แต่ก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น
“ฉันคิดถึงธอ”
“……” คำพูดที่นิ่งเฉยของเขา กลับทำให้ดอกไม้ในใจเฉินเฉียวเบ่งบาน
ทีแรกเฉินเฉียวจะเย็นชาใส่ ตอนนี้กลับละลายเป็นน้ำ “คุณจัดการธุระในประเทศเป็นยังไงบ้าง”
เธอรีบเปลี่ยนประเด็น แต่อีกคนฟังออก น้ำเสียงที่พูดมีความเบิกบาน “จัดการจะเรียบร้อยแล้ว แต่กี่วันนี้ ยังมีเรื่องที่ขาดฉันไม่ได้ อาจจะกลับอิตาลีหลังจากนี้อีกสักพัก”
“อ่อ” ถึงแม้เฉินเฉียวจะไม่ค่อยโอเคกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่อยากสร้างปัญหาให้เขา
แต่เรื่องที่เธอจะกลับประเทศ เธอยังไม่อยากบอกเขาตอนนี้
ทั้งสองไม่ใช่คนที่พูดเก่งมาก แต่ตอนที่อีกฝ่ายพูด ก็เหมือนมีเรื่องให้คุยกันไม่จบไม่สิ้น
ซังหลินจวินเล่าเรื่องทุกอย่างหลังจากที่เขากลับประเทศ พูดเรื่องบริษัทเขา แล้วพูดเรื่องที่เขาคิดถึงเธอ จนสุดท้ายเขาก็ทำได้แค่ยิ้ม
เพราะคนที่รับโทรศัพท์ไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่เขาก็ไม่ได้วางสาย ฟังเสียงลมหายใจเธอ แล้วใจก็ค่อยๆสงบลง
จนกระทั่งตอนเย็น โยว่อีมาเรียกเฉินเฉียวกินข้าวที่ห้อง เธอค่อยรู้ว่าเธอนอนหลับคาขอบเตียง แล้วในมือก็ยังถือโทรศัพท์อยู่
แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่วางสาย
“นายยังอยู่?” เฉินเฉียวลองถาม
“ฉันยังอยู่” ซังหลินจวินยิ้มแล้วตอบเธอ
“ฉันเผลอหลับ ทำไมนายไม่วางสายล่ะ” เฉินเฉียวหงุดหงิดที่แม้แต่คุยโทรศัพท์เธอยังหลับได้
“ฉันอยากได้ยินลมหายใจของเธอ แค่ไม่วางสาย ก็จะรู้สึกว่าเธออยู่ข้างตัวฉันตลอด ใจฉันก็สงบลงด้วย”
เขาพูดอย่างเรียบนิ่ง แต่กลับตกใจเฉินเฉียวไปแล้ว
เฉินเฉียวใช้มือกดหัวใจตัวเองที่เต้นเร็ว แล้วเอ่ยอย่างเร่งรีบว่า “ฉันจะลงไปกินข้าวแล้ว วางแล้วนะ”
ซังหลินจวินที่ถูกวางสายจึงยิ้มอย่างทำอะไรไม่ได้