พอกลับไปถึงห้อง มองเห็นอี้ฟานที่ยังสลบไม่ตื่น เลยแอบถอนหายใจ
เจียงฉยงฉยงที่กำลังใช้สำลีชุบน้ำเช็ดปากให้พี่ชาย พอได้ยินเขาเดินเข้ามา ดวงตาที่บวมแดงจึงมีม่านน้ำตาอีกครั้ง เธอเอ่ยพูดด้วยเสียงแหบ “ตอนที่พี่ฉันเกิดเรื่อง เขาบอกว่า เรื่องต่อจากนี้ฝากไว้ที่นาย ซังหลินจวิน ฉันหวังว่านายจะไม่ทำให้พี่ชายฉันผิดหวังเพราะเรื่องอื่น”
คำพูดของเจียงฉยงฉยงกำลังหมายถึงอะไร ทั้งสองฝ่ายรู้ดี
ห้องพักฟื้นนี้ไม่ค่อยเก็บเสียง จึงได้ยินได้ในสิ่งที่คนข้างนอกพูดด้วย
เพราะฉะนั้นตอนที่เขากำลังพูดจาปากหวานแบบนั้น เจียงฉยงฉยงก็รู้เลยว่า เขาคงมีผู้หญิงใหม่แล้ว
ในใจเลยรู้สึกไม่แฟร์แทนเฉียวเฉียว
สามปีก่อนที่เกิดเรื่องกับเฉียวเฉียว ซังหลินจวินก็แค่เศร้าไปไม่กี่เดือนก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้ว ตอนนั้นเธอเลยคิดว่า
ความรู้สึกที่เขามีต่อเฉียวเฉียวก็ไม่ได้ลึกซึ้งเหมือนที่เขาพูด
เธอเคยพูดแขวะเขา แต่คำพูดพวกนั้นทำอะไรเขาไม่ได้เลย
หลังจากนั้นเธอก็ไม่สืบข่าวเขาอีก เพราะยังไง ยิ่งไกลก็ยิ่งสบายตา
ซังหลินจวินนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ มองเจียงฉยงฉยงที่สภาพอ่อนแอ จึงอธิบาย “เธอคิดมากไป คนที่ฉันคุยด้วยเมื่อกี้ เธอคือเฉินเฉียว”
“นาย……บ้าไปแล้วเหรอ?” ตอนที่เจียงฉยงฉยงได้ยินชื่อเฉียวเฉียว มือก็หยุดชะงัก เธอรีบหันไปเบิกตากว้าง แต่ยังดีที่เธอจำได้ว่าพี่ชายต้องพักผ่อน เลยลดเสียงลง แต่ก็ยังมองซังหลินจวินอย่างไม่เชื่อ
เธอที่เป็นคนเห็นศพของเฉียวเฉียว ถึงแม้เธอไม่อยากเชื่อ คนที่ตายไปอย่างทรมานจะเป็นเฉียวเฉียว แต่ผลตรวจก็ไม่โกหกอยู่แล้ว
เฉียวเฉียว เธอไม่มีทางกลับมา
ซังหลินจวินเห็นว่าเธอไม่เชื่อ เลยนวดขมับ “ฉันเจอเฉียวเฉียวที่อิตาลี ซังอวินน่าจะช่วยเธอไว้ ตอนนี้เธออยู่อิตาลี ถ้าเธอไม่เชื่อ ก็โทรไปหาเธอได้” เพราะตอนที่กลับมาได้ข่าวว่าเกิดเรื่องกับอี้ฟาน เพราะฉะนั้นเขาเลยเอาแต่ยุ่ง จนไม่ทันบอกเจียงฉยงฉยงเรื่องเฉียวเฉียว
ตอนนี้ที่ให้เธอโทรไป ก็เพราะหน้าตาตอนนี้ของเฉียวเฉียวไม่เหมือนเดิม ถ้าวิดีโอคอลไปตรงๆ เจียงฉยงฉยงคงคิดว่าเป็นตัวแทนที่เขาหามา
ยังดีที่เสียงเฉียวเฉียวไม่เปลี่ยน ทั้งสองคุยกันด้วยเสียง ไม่น่าจะเกิดเรื่องอะไร
ถึงแม้เจียงฉยงฉยงยังไม่ค่อยเชื่อ แต่เห็นท่าทางที่มั่นใจของเขา ในใจเลยแอบเชื่อเล็กน้อย
พอเพิ่มเพื่อนเฉียวเฉียวในวิแชทแล้ว เจียงฉยงฉยงก็มองไปทางพี่ชายที่สลบอยู่ จากนั้นก็ถอนหายใจ “นายอยู่กับพี่ฉันไปก่อนละกัน ถ้าเขารู้ว่านายมา คงต้องดีใจแน่ๆ”
“ได้” ซังหลินจวินตอบตกลง เขาเข้าใจเธอว่าทำไมให้เขาดูแลอี้ฟาน เธอคงอยากรู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินเฉียว
ซังหลินจวินย้ำอีกคำ “เฉียวเฉียวความจำเสื่อม ตอนที่เธอคุยด้วย ก็คุยเรื่องในอดีตให้เธอฟังได้”
“รู้แล้ว” ถึงแม้เฉียวเฉียวอาจจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ก่อนที่จะเจอเฉียวเฉียวกับตา เธอก็ไม่ให้อภัยเขาหรอก
เพราะยังไง ที่เฉียวเฉียวต้องเจอเรื่องแบบนั้น ก็เพราะเขา
ตอนที่เฉินเฉียวลากกระเป๋าเดินทาง โยว่อีแล้วก็เหมิงเหมิงขึ้นรถ โทรศัพท์ก็ดัง
พอเปิดดู เป็นคำขอเพิ่มเพื่อนในวีแชท
เธอไม่ได้สนใจ เลยปิดหน้าจอทันที
ซังอวินไม่ได้ไปบริษัท เขามาแทนคนขับรถ
โยว่อีเอาแต่พูดอยู่ข้างๆ เขาก็อดทนฟังเขาพูด
ถึงแม้เขาไม่ชอบซังหลินจวิน แต่ครึ่งหนึ่งของโยว่อีมีเลือดของเฉียวเฉียว เขาเลยดีกับเขาด้วย
ระหว่างทางก็แล่นรถไปอย่างปลอดภัย
เพราะรถเยอะมาก ไม่ถึงขั้นเบียดเสียด แต่ก็เอาแต่หยุดๆจอดๆ
หลายชั่วโมงหลังจากนั้น ซังอวินช่วยเฉินเฉียวถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ แล้วพูดย้ำกับเธอ “เฉียวเฉียว ถ้าเธอกลับไปแล้ว อย่าเชื่อคนอื่นง่ายๆ ถึงแม้เธอจะมีเพื่อนที่เป่ยเฉิง แต่เพื่อนก็เชื่อใจร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ คนอย่างซังหลินจวิน มีคนมาตอแยเยอะ เธอใจดีเกินไป เดี๋ยวอาจจะโดนคนอื่นหลอกใช้ ผู้หญิงข้างตัวเขาแต่ละคนเหมือนเป็นเสื้อเล็บคม ถ้าพวกเธอกล้าหาเรื่องเธอ เธอก็ต้องทำกลับ ข้างหลังเธอมีฉัน ไม่ต้องกลัวใครทั้งนั้น ฉันเป็นอาวุธของเธอ เธอใช้ได้ตามใจเลย”
เฉินเฉียวกลืนน้ำลาย รู้สึกว่าคำพูดของอาอวิน เหมือนเธอจะไปออกรบอย่างนั้น น่าหวาดกลัวมาก
แต่ว่าเธอรู้ดี เพราะอาอวินแคร์เธอมาก แล้วคิดว่าเธอเป็นกระต่ายน้อยที่อ่อนแอตลอด
แต่ว่า เธอไม่ใช่กระต่ายที่จะให้คนอื่นมารังแกหรอก เธอเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ความอ่อนแอก็แค่ภาพลวงตา
เพื่อไม่ให้เขากังวล เธอเลยพยักหน้า “ฉันรู้แล้ว ยังไงถ้าฉันกลับไปแล้ว ก็คงมีศัตรูล้อมรอบ แต่ไม่เป็นอะไรหรอก ฉันก็ไม่อยากยุ่งกับพวกเขา เรื่องของพวกเขาคงไม่เกี่ยวกับฉันหรอก”
เธอยังไม่ได้รับรักซังหลินจวินจริงๆ ตอนนี้เขาก็แค่เด็กฝึกงานในความรักนี้ รอสักวัน รู้สึกว่าแต่งงานกับเขาได้จริงๆ เธอค่อยไปคิดเรื่องพวกนั้น
ซังอวินเห็นเธอแบบนี้ เลยโล่งใจไปหน่อย
แต่ว่าหลังจากนั้นเขาก็รู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของซังหลินจวิน
ทันใดนั้น ในสนามบินก็ประกาศเที่ยวบินที่จะบินถัดไป
เฉินเฉียวกระพริบตา “อาอวิน นายไว้ใจเถอะ ฉันจะดูแลตัวเองดีๆ จะขึ้นเครื่องแล้ว ฉันไปก่อนนะ”
จากนั้นก็จับมือเหมิงเหมิงโบกมือ “เหมิงเหมิง รีบบอกลาคุณลุงซังเร็ว”
เหมิงเหมิงที่ทำหน้าบูดบึ้งตลอด พอได้ยินน้ำตาจึงเอ่อล้นแล้วร้องไห้เสียงดัง “ฮือฮือ หนูไม่อยากไป หนูอยากอยู่กับคุณลุงซัง ฮือฮือฮือ”
เหมิงเหมิงร้องไห้เสียงดังกว่าเดิม จนคนรอบข้างหันมาสนใจ
เฉินเฉียวรีบเอากระเป๋าในมือเข้าเครื่องตรวจ พอวางของทุกอย่างแล้ว ค่อยอุ้มเหมิงเหมิงมาจากอาอวิน
“ดูแลแม่เรากับน้องสาวดีๆ” ซังอวินมองโยว่อีที่สูงเท่าแขนเขาแล้ว ลูบศีรษะเขาแล้วพูดย้ำ
โยว่อีตบหน้าอก “แน่นอน ผมต้องดูแลพวกเธอแน่นอน คุณอาซังไว้ใจเถอะครับ รออากลับประเทศ ต้องเห็นคุณแม่ที่ยิ้มแย้มสดใสแน่นอน”
ซังอวินเลิกคิ้ว มุมปากยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นค่อยเอ่ย “เรารู้ได้ยังไงว่าอาจะกลับประเทศ พ่อเราบอกเหรอ?”