เมื่อพูดถึงชายคนนั้นเฉินอินก็ไม่สามารถสงบลงได้ “พี่รู้ไหม เขาสนใจฉันเขารู้ว่าฉันชื่ออะไรแม้แต่วันนี้เขาก็ให้กำลังใจฉันเป็นพิเศษ เขาไม่เคยปฏิบัติกับพนักงานธรรมดา ๆ แบบนี้หรอก อย่างเช่นที่บริษัทย่อยของพวกเรา ฉันอยู่กับคนตั้งเยอะตั้งแยะ คนอื่นเข้าไม่ชายตามองเลย มีแต่ฉันที่เขามอง และเขาก็รู้ชื่อฉัน คุยกับฉัน พี่ว่าแบบนี้จะไม่เรียกว่าให้ความสำคัญกับฉันได้ยังไง
เฉินเฉียวไม่สามารถตอบคำถามของเฉินอินได้
ถ้าเฉินอินพูดจริงพฤติกรรมของซังหลินจวินก็ทำให้คนอื่นคิดมากจริงๆแหละ
หรือว่าเมื่อคืนที่พาเธอกลับไปด้วยเป็นเพราะเฉินอิน
“ พี่คิดเหมือนกันกับฉันไหม”เฉินอิน รู้สึกใจร้อนเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเธอไม่พูด เธอพูดอีกว่า“ พี่คอยดูเถอะ ฉันจะพาท่านประธานซังมาบ้าน! ในอนาคตฉันอาจจะเป็นคุณนายของหยวนเซิ่งกรุ๊ป”
เฉินเฉียวไม่ตอบคำพูดของเธอเพียง แต่รู้สึกปวดหัว
เฉินอินกับซังหลินจวิน?
ถ้ากลายเป็นน้องเขยขึ้นมาจริงๆ เธอคงรับไม่ได้ ยังไงซะเรื่องคืนนั้นมันน่าอายจริงๆ
ทันใดนั้นเธอก็นึกอะไรบางอย่างออก ถามอีกฝ่ายว่า “เฉินอิน ตอนนี้ประธานซังยังอยู่ที่บริษัทสาขาย่อยหรือเปล่า”
อยู่ มีหลายแผนกกำลังรายงานอยู่ ”
“ ถ้าอย่างนั้นช่วยฉันหน่อยได้ไหม”
“ว่ามาเลย”
“เอาโทรศัพท์เธอส่งให้ประธานซังหน่อย ให้เขาฟัง ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขาสักหน่อย “เพื่อเรื่องงานแล้ว เธอต้องลองดูสักตั้ง
“พี่? ประธานซัง…..เฉินอินรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย“ คุยเรื่องอะไรกัน ไม่ใช่ว่าจะคุยเรื่องฉันนะ”
เธอคิดอะไรอยู่? ฉันเป็นคนน่าเบื่อขนาดนั้นเลยหรอ? “เฉินเฉียวอธิบายว่า: “เรื่องงานหน่ะ ฉันอยากนัดประธานซัง เธอก็รู้ว่าเขานัดยากขนาดไหน ฉันไม่มีเบอร์เขา ต้องพึ่งเธอแล้วล่ะตอนนี้ ”
เฉินอินครุ่นคิดสักพัก“ ฉันจะลองดู แต่ถ้าเขารับฉันก็ช่วยไม่ได้”
อืม ไม่บังคับ ”
เฉินอินต้องการช่วยเฉินเฉียว เธอคิดหาโอกาสพูดคุยกับชายคนนั้น จึงหันกลับและถือโทรศัพท์เข้าห้องทำงานทันที
ซังหลินจวินอยู่ที่ห้องทำงานของหย่วนจิ้งจือ มีคนอยู่สองสามคนกำลังคุยกันเรื่องงาน เฉินอินถือโทรศัพท์และยืนอย่างประหม่าอยู่ที่ประตูรออยู่นานก่อนที่ประตูห้องทำงานจะถูกเปิดออกจากด้านใน
เขาเดินออกมาพร้อมกับผู้จัดการแผนกคนอื่น ๆ โดยกระซิบอะไรบางอย่าง
เฉินอินหัวใจเต้นเร็วมากและพูดเบาๆว่า “ประธานซังคะ”
ซังหลินจวินเพียงมองเธอเฉยๆโดยไม่ตอบสนองจากนั้นก็หันไปสนใจคนอื่น
เฉินอินหน้าแดงด้วยความลำบากใจ
รอต่อไป.
ในที่สุดเมื่อพวกเขาคุยกันเสร็จเธอก็รวบรวมความกล้า“ ประธานซังคะ ฉัน …มีเรื่องจะรบกวนค่ะ”
ซังหลินจวินมองไปที่เธอเฉินอินก็ยื่นโทรศัพท์ให้เขา “มี….มีคนต้องการคุยกับคุณ”
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “โทษทีนะ ไม่สะดวก”
ปฏิเสธ
น้ำเสียงเรียบเฉยและเย็นชา
โดยไม่ได้มองไปที่เฉินอิน เขาหันและเดินจากไป
เฉินอินกัดริมฝีปากของเธอด้วยความลำบากใจและพูดขอโทษซ้ำๆ”ขอโทษที่รบกวนเวลาของท่าน พี่ฉันบอกว่ามีเรื่องจะรบกวน ฉันก็เลย …ฉันจะวางสายแล้ว”
เฉินอินรีบร้อนและต้องการวางสายโทรศัพท์
แต่ชายตรงหน้าหยุดก้าว และมองไปที่โทรศัพท์เธอ
เฉินอินรู้สึกงุนงง และไม่ค่อยเข้าใจ
อวี้เฟยก้าวนำไปข้างหน้า”คุณเฉิน ส่งโทรศัพท์ให้ท่านประธานซังสิ”
“เอ่อ….ค่ะเฉินอินตอบสนองอย่างช้าๆและส่งโทรศัพท์ให้อวี้เฟย ทำไมถึงเปลี่ยนใจกะทันหัน?
เฉินเฉียวตอบอีเมล์พลางรออย่างใจจดใจจ่อ
ฮัลโหลหลังจากนั้นไม่นานในที่สุดเสียงอันไพเราะก็ดังขึ้นคำเดียวเท่านั้น
เฉินเฉียวนั่งตัวตรง “ประธานซังคะ นี่ฉันเอง”
ใครหรอคำสองคำที่แฝงความแปลกหน้าและความเฉยเมย
“……”เฉินเฉียวเหมือนถูกราดด้วยน้ำเย็น
ตอนแรกที่ใช้โทรศัพท์ของซังโย่วอีเขายังจำเสียงเธอได้ แต่ตอนนี้กลับไม่รู้จักกันเสียแล้ว
“ฉันคือเฉินเฉียว”เธอแนะนำตัวเอง
มีอะไรน้ำเสียงของเขาก็ยังคงไม่ดีขึ้น
“ คือว่าเมื่อวานขอบคุณนะคะที่พาฉันกลับ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจฉันอยากเชิญท่านประธานซังมาทานอาหารซักมื้อไม่ทราบว่าพอจะมีเวลาไหม ”
ไม่ต้อง
“……”ถูกปฏิเสธแบบไม่มีช่องว่าง เฉินเฉียวไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดี ในเวทีธุรกิจเธอถูกปฏิเสธนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เหมือนครั้งนี้ทำให้เธอรู้สึกสูญเสีย
เธอเงียบ
มีอะไรอีกมั้ยน้ำเสียงเย็นฉาของชายคนนั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง ในน้ำเสียงนั้นดูเหมือนว่าถ้าเธอพูดอีกสักคำก็จะเป็นการทำให้เขาเสียเวลา
เฉินเฉียวถอนหายใจ “ประธานซัง ฉันพูดตรงๆเลยละกัน ที่จริงเมื่อวานหลูตงซิ้งอยากเชิญไปทานข้าวค่ะ”
“ไหนๆก็เป็นเรื่องงานแล้วงั้นก็ทำตามขั้นตอนแล้วกัน ติดต่อผ่านเลขาฉัน วันหลังอย่าใช้ประโยชน์กับความสัมพันธ์กับพนักงานของฉันอีก ”
ด้วยน้ำเสียงที่เป็นทางการของซังหลินจวินเขาวางสายโดยไม่รอให้ เฉินเฉียวพูดอะไร
เฉินเฉียวฟังเสียงตู๊ดตู๊ดทางโทรศัพท์
ผู้ชายคนนี้เดาใจยากชะมัด
เดี๋ยวก็รู้สึกว่าเขาดูแลเอาใจใส่ เดี๋ยวก็รู้สึกว่าเฉยเมยไร้อารมณ์ เดี๋ยวก็ให้ความสำคัญกับเธอเป็นพิเศษ เดี๋ยวก็เย็นชาเหมือนน้ำแข็ง
เฉินเฉียวถอนหายใจ
‘เขาปฏิบัติกับคุณไม่เหมือนกับคนอื่น’ หมายความว่าไง? ไม่เหมือนตรงไหน ยังคงต้องติดต่อผ่านเลขาเหมือนกับทุกๆคนที่อยากพบเขา
ในขณะเดียวกันเธอก็ถอนหายใจโล่งอก
อย่างน้อยมันก็พิสูจน์ได้ว่าชายคนนี้ไม่ได้มีความคิดต่อเธอแบบที่เขาคิด เธอจะไม่รู้สึกอึดอัดแล้ว
ฉันกดเบอร์ภายในเรียกหลี่ชิงให้มาหาและขอให้เธอหาหมายเลขโทรศัพท์เลขาของประธานหยวนเซิ่ง เธอโทรไปหาเลขาเพื่ออธิบายความตั้งใจของเธอเลขาบอกเพียงว่าเธอจะพยายามจัดตารางเวลาให้ นอกจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร
มีกี่คนที่ถูกปฏิเสธโดยซังหลินจวินด้วยวิธีนี้และเฉินเฉียวคาดว่าเธอเองก็ไม่ยกเว้น
ในตอนเย็นหลังเลิกงานเฉินเฉียวถูกเรียกให้มาทานอาหารพร้อมหน้ากันในครอบครัวปู้ ฉันไม่ได้อยากไป แต่ไปก็ได้ถ้าจะคุยเรื่องหย่า
เริ่นหมิงเซวียนไม่ชอบเธอบางทีอาจอยากให้ลูกชายเปลี่ยนใจ
เฉินเฉียวขับรถมาคนเดียว
ก่อนเข้าประตูฉันได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของเด็กสาวสองคน
เธอได้ยินมันทั้งหมด
คนหนึ่งเป็นสะใภ้คนเล็กของเธอปู้ฮวานเหยียนอีกคนกลายเป็นโหยวจิ้งหลี
“จิ้งหลี เธออย่าไปสนใจเฉินเฉียวเลย อยู่ในบริษัททำเป็นดุ สงสัยอยากจะได้หุ้นส่วนบริษัทปู้ของพวกเรา วางใจได้ อีกเดี๋ยวถ้าเธอมาถึงฉันจะสั่งสอนเธอเอง! “เสียงของปู้ฮวานเหยียนชัดเจน
เฉินเฉียวยังคงเปลี่ยนรองเท้าของเธอต่อไป ทำเป็นไม่ได้ยิน
“คุณหนูกลับมาแล้วหรือคะ”คนรับใช้กล่าวทักทาย
เฉินเฉียวพยักหน้า
ปู้ฮวานเหยียนและโหยวจิ้งหลีหันไปเห็นเฉินเฉียว ปู้ฮวานเหยียนวิ่งเข้าไปหาอย่างไม่พอใจ“เฉินเฉียว นี้เธอแอบฟังพวกเราคุยกันหรอ!