สองมือจ้ำม่ำเธอช่างน่ารักน่าช่าง
เฉินเฉียวหอมแก้มเธอ แล้วพูดขึ้น “ลุงซังของหนูก็ยุ่งเหมือนกัน จะไปหาเขาตลอดเวลาได้ยังไง”
เหมิงเหมิงเบี่ยงหลบ แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “แต่วันนี้ลุงซังบอกว่า แค่หนูอยากไปหาลุง ลุงก็จะต้อนรับหนู”
เฉินเฉียวสะอึกกับสิ่งที่เหมิงเหมิงพูดทันที
เธอแอบมองซังหลินจวิน เขากำลังคุยกับโย่วอีอยู่ ดูเหมือนไม่ได้ยิน
เฉินเฉียวกดเสียงต่ำพูดขึ้น “เหมิงเหมิง อย่าไปรบกวนลุงซังบ่อยๆ ถ้าอยากออกไปเล่น บอกแม่กับพ่อก็ได้”
“พ่อแม่ไม่มีเวลาเลย เป็นแต่หลอกเด็ก” เหมิงเหมิงทำหน้านิ่ง เข้มงวดราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย
วิ่งขึ้นไปชั้นบนด้วยความขุ่นเคือง
เฉินเฉียวไม่เคยเห็นเหมิงเหมิงโกรธแบบนี้มาก่อน อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดว่าช่วงนี้เธออยู่กับหล่อนน้อยไปหรือเปล่า
คิดรอบคอบแล้ว หลังจากกลับประเทศมา ก็ไม่ค่อยได้อยู่กับเหมิงเหมิงเลยจริงๆ คิดถึงตรงนี้ ในใจเฉินเฉียวก็เสียใจมาก
เธอถอนหายใจ
เมื่อก่อนเหมิงเหมิงออกไปกับอาอวินบ่อยๆ ถึงไม่รู้ว่าพวกเขาไปไหน แต่ตอนกลับมาก็มีความสุขมากตลอด
ตอนนี้เหมิงเหมิงเจออาอวิน จะคิดถึงเขาก็เป็นเรื่องปกติ
ซังหลินจวินเห็นเฉินเฉียวจู่ๆ ก็มีสภาพสูญเสียว่างเปล่า ก็เดินเข้าไปหาเธอ ถามขึ้น “เหมิงเหมิงอยากออกไปเที่ยวหรือเปล่า? ”
เฉินเฉียวพยักหน้า “เราสองคนอยู่บริษัทตลอด ช่วงนี้ทำให้เหมิงเหมิงเหงา ฉันไม่รู้เลย ฉันเป็นแม่ที่แย่จริงๆ ”
ซังหลินจวินลูบศีรษะเธอ พูดปลอบ “อย่าคิดแบบนี้ ถ้าบอกว่าเป็นความผิดใครก็คือความผิดฉัน ฉันอยากอยู่กับเธอมากเกินไป ทำให้เธออยู่กับเหมิงเหมิงน้อยลง ไม่งั้นพรุ่งนี้ครอบครัวเราออกไปเที่ยวกับสักวันดีไหม”
“แบบนี้ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ” เฉินเฉียวจำได้ว่าวันนี้เขาก็ถือว่าพาเธอออกไปเที่ยวโดยใช้เหตุผลแอบแฝงว่าไปดูงาน
“คุณภรรยาใหญ่ที่สุด” ซังหลินจวินกอดเธอไว้ในอ้อมแขนเบาๆ ยิ้มขณะพูดขึ้น
“คุณดีจัง” เฉินเฉียวแนบหน้าใกล้หัวใจเขา แววตามีความสุข
ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนที่ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขไปกว่าช่วงเวลานี้
แต่งงานกับเขา เธอไม่เคยเสียใจเลย
และซังหลินจวินก็ทิ้งบริษัทใส่ชุดคู่เฉินเฉียวและพาโย่วอีและเหมิงเหมิงใส่ชุดครอบครัวไปเมืองใต้ทะเลแห่งความฝันด้วยกันจริงๆ
มือข้างหนึ่งซังหลินจวินถือตั๋ว อีกข้างอุ้มเหมิงเหมิง เฉินเฉียวใช้มือข้างหนึ่งจูงโย่วอี
เมื่อสี่คนเข้าไปในเมืองใต้ทะเล และเพราะใบหน้าสูงส่งเกินไปทำให้เกิดความปั่นป่วน
ไม่รู้ว่าเพราะเคยติดเทรนด์ค้นหายอดฮิต เมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้น ก็มีคนจำพวกเขาได้
เฉินเฉียวรู้สึกตลกเล็กน้อย ร้อนแรงจนงงแบบนี้ได้ยังไง
น่าจะเป็นจิตใจอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์
เห็นคนหน้าตาดีก็จะเหลือบมอง จากนั้นพบว่าคนหน้าตาดีอยู่ด้วยกัน ก็จะเอาความรู้สึกดีของตัวเองมาใส่พวกเขา
“เบียดเข้าไปไม่ได้ แงๆ ” กว่าจะได้ออกมาสักครั้ง เหมิงเหมิงเดิมทีก็ดีใจมาก
ไม่คิดว่าคนจะเยอะมาก เข้าไปไม่ได้เลย
ซังหลินจวินก็ไม่คิดเช่นกัน เขากดเสียงพูดขึ้น “ถ้ารู้จะเหมาทั้งลำไว้ล่วงหน้า”
“ไม่ๆ เหมาไม่สนุก” เหมิงเหมิงพูดโพล่งทันที ทำให้เฉินเฉียวและซังหลินจวินตกใจ
เหมิงเหมิงรู้จักเหมาลำด้วย แสดงว่าเคยมีคนทำเรื่องนี้ให้เธอมาก่อน
และคนที่ใกล้ชิดกับเหมิงเหมิงมากที่สุด ไม่ต้องคิดก็รู้เลย มีไม่กี่คนนั้น
แทบไม่ต้องเดา สองสามีภรรยาก็รู้ว่าเป็นใคร
เฉินเฉียวไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดีชั่วขณะหนึ่ง
เรื่องพวกนี้ทำลับหลังซังอวิน เธอไม่รู้มาก่อนเลย
ถ้าวันนี้เหมิงเหมิงไม่พูดคำนี้ออกมา บางทีเธออาจจะไม่รู้ตลอดไป
ในใจเฉินเฉียวสับสนอย่างมาก
ซังหลินจวินรู้สึกได้ถึงความคิดสับสนของเธอ ก็จับมือเธอแน่นแล้วพูดว่า “บนโลกใบนี้มีหลายคนรักเธอ แต่เธอห้ามยอมรับทุกอย่างเพียงเพราะคนพวกนั้นรักเธอ เฉียวเฉียว เรารักกันและกัน มันเป็นเรื่องยากที่สุดบนโลกนี้แล้ว ฉันโชคดีมากที่เธอรักฉัน”
ดังนั้นไม่ต้องสั่นคลอน
ประโยคนี้เขาซ่อนไว้ในใจไม่ได้พูดออกมา
เฉินเฉียวจับมือเขากลับ แล้วพูดขึ้น “ที่คุณอยากพูดฉันเข้าใจทั้งหมด คนที่ทำให้ฉันใจเต้นมีแค่คุณ”
ซังหลินจวินที่ถูกสารภาพรักฉับพลัน ภายในใจก็เหมือนมีพลุสว่างไสว
ถึงจะรู้ตั้งนานแล้วว่าในใจเฉียวเฉียวมีแค่เขา แต่ได้ยินประโยคนี้กับหูตัวเอง ในใจเขาก็รู้สึกตื้นตัน
เห็นพ่อกับแม่เริ่มเลี่ยนกันลีกแล้ว โย่วอีก็พาน้องสาวออกมาจากอ้อมแขนพ่อ กดเสียงต่ำพูดขึ้น “เหมิงเหมิง พี่พาน้องไปเที่ยวเอง”
เหมิงเหมิงได้ยินว่าจะไปเที่ยว ก็พยักหน้าสุดแรง
การเคลื่อนไหวของพวกเขาสองพี่น้อง เฉินเฉียวและซังหลินจวินไม่สังเกตเห็นเลย
พวกเขาไม่ได้หนุ่มสาวอีกต่อไป ถึงแม้ยังมีความคิดโรแมนติกอยู่บ้าง แต่ต้องมาเบียดเสียดเป็นเพื่อนเด็กๆ ก็รู้สึกอึดอัดมากจริงๆ
ซังหลินจวินจับมือเฉินเฉียว จูงเธอไปหลบแดดใต้เสื้อคลุมเห็ดสีแดงข้างๆ
ทั้งสองตามอกตามใจกันอยู่ในความสุขสำหรับทั้งคู่
จนกระทั่งโทรศัพท์หนึ่งโทรมา
“ประธานซัง ไม่เจอกันนาน ไม่รู้นายจำฉันได้หรือเปล่า” น้ำเสียงลอนดอนนั้น เห็นได้ชัดว่าทำให้ไม่สามารถเพิกเฉยได้
ซังหลินจวินขมวดคิ้ว ในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี
“คุณเอลลิซ ไม่ทราบว่าตั้งใจโทรมาหาฉันมีเรื่องอะไร? ”
คนที่อยู่อีกด้านหัวเราะเยาะ พูดขึ้น “พวกขุนนางหยิ่งยโสชอบลืมเพื่อนเก่า การรักษาในหนังสือพิมพ์ที่อังกฤษเมื่อสองปีก่อนนายคงไม่ลืมมันใช่ไหม”
“คุณเอลลิซ นายหมายความว่าไง” ซังหลินจวินไม่เข้าใจจริงๆ ตอนแรกที่เรื่องนี้เผยออกมา พวกเขาเองก็ไม่ได้สนใจ ผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์มีผลข้างเคียงกับผู้ใช้มาก จะใส่ร้ายเขาตอนนี้เลยเหรอ?
“ตอนนี้คุณซังเพียบพร้อมไปด้วยลูกชายลูกสาว ส่วนฉันตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก บ้านแตกสาแหรกขาด บริษัทก็ล้มละลายหมดแล้ว ตอนนี้ฉันไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น แค่นายให้เงินฉันหนึ่งพันล้าน ไม่งั้นฉันจะเปิดเผยเรื่องนั้นที่นายเกี่ยวข้องในตอนแรก” คำพูดเอลลิซถือว่าแอบแฝงการขู่
ซังหลินจวินพูดทันทีโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “นายเปิดเผยไปเถอะ พูดตามตรง ของพวกนั้นของนาย ฉันไม่มีประโยชน์เลย”
ซังหลินจวินหัวเราะเยาะ จากนั้นก็อยากจะวางสายไปทันที อีกฝ่ายก็เหมือนสังเกตได้
พูดโพล่งออกมาหนึ่งประโยค “ก็ได้ ซังหลินจวินในเมื่อนายไม่อยากให้ฉันสุขสบาย ฉันก็จะไม่ให้นายสุขสบายเหมือนกัน เราตัดขาดกัน”
“ลูกของนายต้องรับผิดชอบสิ่งที่นายพูด” เขาพูดอย่างพยาบาท
จากนั้นก็วางสายก่อนซังหลินจวินหนึ่งก้าว
ซังหลินจวินรู้สึกไม่ดีลับๆ ไม่สามารถคุยเรื่องนี้กับเฉินเฉียวได้ จึงวิ่งพรวดออกไปทันที
หลังจากเฉินเฉียวเห็นเขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ แล้ววิ่งออกไปอย่างเร่งรีบ ภายในใจก็กังวล จึงรีบตามออกไป