ซังหลินจวินรีบวิ่งกลับไปตามทางที่เดินมา
ถึงแม้เหมิงเหมิงอายุน้อย แต่เด็กสมัยนี้ชอบเล่นอะไรใหญ่โต ถึงจะมีโย่วอีคอยเฝ้าดูข้างๆ ซังหลินจวินก็รู้สึกว่าพวกเขาคงไม่ดูตรงสถานที่อันตราย
แต่เนื่องจากฝูงชนแน่นเกินไป ถ้ามีใครอยากทำอะไรขึ้นมาจริงๆ เขาก็ไม่สามารถช่วยได้จริงๆ
“ซังหลินจวิน คุณรอฉันก่อน จู่ๆ รีบวิ่งออกไปทำไม ฉันตามคุณไม่ทันแล้ว” เฉินเฉียวตามอยู่ด้านหลัง หน้าแดงจนน่ากลัว หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงเพราะหอบหายใจหนัก
สองมือเธอกำแน่น เหมือนรักษาแรงเฮือกสุดท้ายไว้ ตามเขาไปติดๆ
ซังหลินจวินได้ยินเสียงตะโกนเรียกเขาของเฉินเฉียว ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองหุนหันพลันแล่นเกินไป
แต่ประโยคนั้นไม่สามารถบอกเธอได้ จึงวิ่งไป
เขาวิ่งกลับไปตรงหน้าเฉินเฉียว มือลูบแก้มเธอแล้วถามขึ้น “ไม่เป็นไรใช่ไหม”
เฉินเฉียวตบมือที่ร้อนผ่าวของเขา ออกแรงเช็ดเหงื่อ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม คุณถึงได้วิ่งรีบร้อนแบบนี้”
แน่นอนว่าซังหลินจวินบอกตรงๆ ไม่ได้ว่าสองพี่น้องโย่วอีอาจเกิดเรื่องขึ้น ถ้าเธอรู้เข้า เธอจะต้องกังวลยิ่งกว่าเขา
แต่จะให้เธอไม่รู้ทั้งหมดก็ไม่ได้ ยังไงก็ตกลงกันแล้วว่าห้ามปิดบัง ถึงแม้เธอจะลืมไปแล้ว เขาก็ควรทำให้ได้
ระงับความกังวลในใจ พูดด้วยสีหน้าใจเย็น “เมื่อกี้เห็นข่าวหนึ่งบอกว่าช่วงนี้พวกค้ามนุษย์เด็กๆ กำลังอาละวาด ฉันคิดๆ ดูแล้ว อย่าให้พวกโย่วอีไปเที่ยวเล่นตามลำพังเลยดีกว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้น เราจะช่วยอะไรไม่ได้”
เฉินเฉียวรู้สึกคำพูดซังหลินจวินมีเหตุผลมาก ในใจก็อดกังวลไม่ได้ รีบเร่งเร้า “งั้นเรารีบไปตามหาพวกเขากัน”
เพราะเมืองใต้ทะเลแห่งนี้เป็นที่ชื่นชอบของทุกคนมาก อันที่จริงหลักๆ คือเพราะมันมีสัตว์ใต้น้ำหายาก
เฉินเฉียวและซังหลินจวินพวกเขาอยู่ชั้นหนึ่ง จริงๆ แล้วตรงกลางมีภาพวาดป้ายโฆษณาเป็นรูปโลมา และมีบันไดยาว
เพราะเดินมาสุดชั้นหนึ่งแล้ว ก็ยังไม่พบโย่วอีและเหมิงเหมิง
เฉินเฉียวคิดว่าพวกเขาสองคนอาจจะไปชั้นสองของใต้ดิน
ลงบันไดคดเคี้ยวมา
เมืองใต้ทะเลที่แท้จริงเข้าสู่สายตาพวกเขา
แสงสีฟ้าอ่อนๆ พุ่งจากเหนือศีรษะหนึ่งเมตรลงมา
ส่องแสงพื้นดินเป็นวงกลม และส่องสว่างทิศทางปลายเท้า
สามารถเห็นกล่องกระจกขนาดเล็กบางส่วนวางในพลาซ่าขนาดใหญ่ ด้านในนั้นเต็มไปด้วยสัตว์ใต้น้ำขนาดเล็ก
มีฉลามตัวเล็กน่ารัก ถึงมันจะแยกเขี้ยว แต่ดูแล้วก็ไม่อันตรายสักนิด
พวกเขามาตามหาลูกๆ ดังนั้นจึงไม่มีอารมณ์สนใจเหลือบดูสิ่งน่าสนใจเหล่านี้เลย จึงผ่านไปทันที
พลาซ่าขนาดใหญ่ทั้งหมดนี้มีสี่ประตู เดินไปถึงหน้าสี่ประตูนั้น เฉินเฉียวก็ขมวดคิ้ว พูดขึ้น “ตามหาแบบนี้ไม่ได้ แยกกันตามหาดีกว่า”
ซังหลินจวินเข้าไปจับมือเฉินเฉียวที่พูดจบแล้วจะแยกไป ส่ายหน้าแล้วพูดปฏิเสธ “อยู่ด้วยกันดีกว่า เธออยู่ข้างๆ ฉัน อย่างน้อยฉันก็สบายใจ”
“แต่……” เฉินเฉียวรู้สึกว่าแยกกันหา จะมีโอกาสหาเจอมากกว่านะ
“ไม่มีแต่” ซังหลินจวินรู้ว่าความคิดเขามันอาจจะไม่จำเป็น แต่เขาไม่อยากให้เธอเป็นอะไรขณะที่เขากำลังตามหาลูกๆ
เขาไม่อยากให้เธอหายตัวไปขณะที่อยู่กับเขา หรืออาจจะเกิดอะไรขึ้นขณะที่อยู่กับเขา
มีปมในใจเขาเกี่ยวกับการหายตัวของเธอ เขาจึงต้องจับเธอไว้ให้แน่นไม่ปล่อยไป
เฉินเฉียวจ้องมองแววตาแน่วแน่ของเขา เห็นว่าเขาไม่มีความสั่นคลอนเลยสักนิด ไม่มีทางเลือก ต้องตามหลังเขาแล้วหาด้วยกัน
เมื่อเฉินเฉียวกับซังหลินจวินหาอยู่นานมากแต่หาไม่เจอ ทันใดนั้นก็มีเสียงหญิงวัยกลางคนข้างๆ ไม่กี่คนเผยข้อมูลอะไรบางอย่าง
“เฮ้ๆๆ พวกเธอได้ยินหรือเปล่า โชว์ละครสัตว์ชั้นล่างสุดจะเริ่มแสดงแล้ว”
“เอ๋ พวกเขาไม่ได้ไปแสดงที่ต่างประเทศเหรอ? ทำไมกลับมาเร็วจัง”
“เฮ้ ตอนนี้ศีลธรรมมันไม่ค่อยดีนัก ได้ยินว่าตอนอยู่ที่มาเลเซีย คนทั้งละครสัตว์ถูกจับหมดเลย”
“นี่เธอได้ยินข่าวจากไหน”
“น้องชายที่เป็นญาติฉันเป็นพนักงานโชว์ละครสัตว์ ฉันมีข่าววงใน”
“เยี่ยมมาก อยากชมการแสดงตอนไหนก็ได้ ไม่คุยแล้ว รีบไปเป็นกำลังใจให้พวกเขากัน ถึงประเทศอื่นไม่เต็มใจจะดูพวกเขา แต่เราชอบก็พอแล้ว”
เมื่อสิ้นสุดเสียงหญิงวัยกลางคน เพื่อนข้างๆ เธอก็พยักหน้าตอบตกลงทีละคน แล้วตามไป
“เราก็ตามพวกเธอไปกัน” ซังหลินจวินจับมือที่ค่อนข้างสั่นของเฉินเฉียว แล้วพูดกับเธอ
เฉินเฉียวพยักหน้า ไม่รู้ว่าตัวเองทำตัวเองตกใจกลัวหรือเปล่า แต่เมื่อได้ยินซังหลินจวินพูดเรื่องข่าวการลักพาตัวเด็ก ในใจก็ร้อนรนใจเหมือนเผาไหม้
และเด็กสองคนนี้ก็ไม่รู้ว่าวิ่งไปไหนแล้ว
ไม่มีข่าวคราว ในใจเฉินเฉียวอดไม่ได้ที่จะเกิดความคิดแย่ๆ บางอย่าง ขณะที่คิดอยู่ เหงื่อก็ไหลออกมาตลอดทาง ตอนนี้ทั้งร่างสั่นเป็นครั้งคราว สีหน้าก็ซีดมาก
หลังจากทั้งคู่ตามกลุ่มคนกลุ่มนั้นไปแล้ว ก็มาถึงชั้นล่างสุด
ต้องบอกว่า ชั้นล่างสุดมีความครึกครื้นมากกว่าสองชั้นบนเยอะมาก
บางทีอาจจะเพราะละครสัตว์อันทรงเกียรตินั้น บางทีอาจจะเพราะสัตว์ใต้น้ำขนาดใหญ่หายากที่มีความหลากหลายนั้น
ที่นี่ สามารถเห็นคนจำนวนมากสวมชุดดำน้ำที่ปลอดภัย ลงน้ำด้วยความเงียบแล้วถ่ายรูปปลาตัวใหญ่อ่อนโยนเหล่านั้น
แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าไปบริเวณฉลาม อย่างไรก็ตามอันตรายของฉลามขนาดใหญ่ไม่ได้แค่พูดเฉยๆ เท่านั้น
โชว์ละครสัตว์มีเวทีขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ลิงน้อยตัวหนึ่งกำลังกระโดดข้ามวงแหวนแห่งไฟ
ปลายเวทีข้างๆ สามารถเห็นโลมาที่มุ่งหน้าไปยังลูกบอลด้านข้าง และจัดฉากการกระโดดของโลมาเป็นครั้งคราว ผู้คนก็ต่างปรบมือให้เป็นครั้งคราว
ในฝูงชนที่ครึกครื้นแบบนี้ ต้องการหาเด็กสองคนเป็นเรื่องยากมาก และด้วยเหตุนี้ เมื่อเห็นโย่วอีและเหมิงเหมิงไม่ได้อยู่ในฝูงชน แต่ยืนอยู่นอกกำแพงน้ำเพื่อดูฉลาม ในขณะเดียวกันทั้งคู่ก็โล่งใจ
ซังหลินจวินแอบหงุดหงิดที่เพราะเขากังวลเกินไป และไม่ได้คิดให้รอบคอบ ที่พวกเขาออกมาเที่ยวในวันนี้ ไม่ค่อยมีคนรู้เลย
ถึงแม้เอลลิซจะมีอำนาจวิเศษมากแค่ไหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะลักพาตัวเด็กเร็วขนาดนี้
แต่เพราะเหตุการณ์นี้ก็เป็นการเตือนเขา
เด็กสามารถปรนเปรอ สามารถรักได้ แต่ก็ต้องสร้างความสามารถในการปกป้องตัวเองแก่พวกเขาด้วย
ช่วงนี้เขาสั่งให้คนสองสามคนแอบตามโย่วอีและเหมิงเหมิง
อย่างไรแล้วถึงแม้เอลลิซจะยังไม่ได้ลงมือกับลูกๆ แต่รับประกันไม่ได้ว่าต่อไปเขาจะไม่ทำ
ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่าง เขาต้องลงมือก่อนถึงจะได้เปรียบ
เขาไม่ใช่คนประเภทที่รอให้เกิดอันตรายและรอความตาย ในเมื่อเขามาขู่ถึงที่ ก็จะให้เขาชิมผลลัพธ์ที่ขมขื่นของตัวเอง
ซังหลินจวินพาเฉินเฉียวก้าวเท้าเดินไปหาเจ้าหนูสองคนที่กำลังมองในน้ำอย่างตั้งอกตั้งใจ