เฉินเฉียวแค่มองไปที่โหยวจิ้งหลีที่เดินตามเข้ามา ไม่ได้สนใจคำพูดไรสาระของปู้ฮวานเหยียน เธอถามคนรับใช้“คุณแม่อยู่ไหม”
เธอกลับมาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการหย่าและไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับคนพวกนี้
“คุณนายออกไปข้างนอกค่ะ เดี๋ยวคงกลับ”
“โอเคงั้นฉันจะรอ”เฉินเฉียวกำลังจะเข้าไปข้างใน
ปู้ฮวานเหยียนเอาแต่ใจตั้งแต่เด็ก เขาคุ้นชินกับการมีคนคอยเอาอกเอาใจ ตอนนี้กลับโดนเฉินเฉียวเมิน แล้วเธอจะทนเฉยได้อย่างไร
ปู้ฮวานเหยียนยืนขวางหน้าเธอ
“เฉินเฉียว เธอมันน่าไม่อาย”น้ำเสียงชวนทะเลาะ
เฉินเฉียวมองไปที่เธอโดยไม่พูดสักคำ
แววตาของเธอดูเอาเรื่อง ปู้ฮวานเหยียนถึงกับผงะ
นี่คือสาเหตุที่เธอเกลียดเฉินเฉียวมาก!
เธอเป็นพี่สะใภ้ แต่หลายปีผ่านไปเธอไม่เคยเรียนรู้วิธีที่จะเอาอกเอาใจ ยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งที่หยิ่งต่อหน้าเธอ! ทำให้ใครดู?
ช่างแตกต่างจากโหยวจิ้งหลีอย่างสิ้นเชิง
“ โครงกรธุรกิจยารื่ออันเป็นโครงการที่ฉันกับพี่ตัดสินใจมอบให้จิ้งหลี เธออย่ามาชักใบให้เรือเสีย เธอชอบแย่งของคนอื่นขนาดนั้นเลยหรอ ตอนนั้นถ้าเธอไม่เข้ามาเป็นมือที่สาม พี่ชายฉันจะเลิกกับจิ้งหลีได้ยังไง
เฉินเฉียวรอปู้ฮวานเหยียนพูดจบเธอจึงสวน: “เรื่องโครงการไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ”
“ ฮวานเหยียน เป็นเพราะฉันเองไม่มีความสามารถมากพอ เธออย่ามีเรื่องกับพี่สะใภ้เลยนะ”อีกด้าน โหยวจิ้งหลีพูดเบาๆ ทำเหมือนเมื่อก่อน
เฉินเฉียวรู้สึกตลก
ผู้หญิงที่แต่ก่อนหยิ่งผยองต่อหน้าเธอหายไปไหน ไม่ไปเป็นนักแสดงน่าเสียดายแย่เลย
“พี่สะใภ้? นับฉันว่าเป็นสะใภ้ด้วยหรอ พี่ชายของฉันไม่ต้องการเธอ! “ปู้ฮวานเหยียนพูดไม่ไว้หน้า
เฉินเฉียวไม่สนใจพวกเขาและต้องการเข้าไปข้างใน แต่ ปู้ฮวานเหยียน จับแขนเธอไว้“เฉินเฉียว โครงการนั้นไม่ใช่ไม่เกี่ยวกับฉัน แต่ไม่เกี่ยวกับเธอต่างหากล่ะ บริษัทคือปู้ซื่อ ปู้ซื่อเป็นตระกูลของพวกเรา แต่เธอรีบๆไสหัวออกไปจากบ้านพวกเราซะ
โดนรังควานครั้งแล้วครั้งเล่า เฉินเฉียวทนไม่ไหวอีกต่อไป พูดเสียงเย็นชา: “ปล่อย”
“ไม่ปล่อย”ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาปู้ฮวานเหยียนและเฉินเฉียวมีความคับแค้นใจอย่างมาก“เธอคอยดูเถอะ รอวันที่ข้อตกลงเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ พี่ฉันทิ้งเธอแน่! ถึงตอนนั้น เธอคงจะแก่หนังยาน ไม่มีผู้ชายคนไหนเอา”
เฉินเฉียวเพียงแค่หัวเราะเยาะและขี้เกียจจะต่อความยาว
ปู้ฮวานเหยียนโกรธจนหน้างอ “หัวเราะอะไร”
รอยยิ้มนั้นเหมือนเธอโดนดูถูก
“ คุณปู้คะ ฉันว่าเอาเวลาไปเรียนหนังสือดีกว่าค่ะ โตมาจะได้ฉลาด”เฉินเฉียวมองไปที่เธอ “มีแต่พวกไม่มีสมองไม่มีความสามารถไม่มีความมั่นใจเท่านั้นแหละทีเอาแต่คิดว่าจะมีผู้ชายอยากได้ตัวเองเป็นเมียหรือเปล่า”
“นี่แกบอกว่าฉันโง่ ไม่มีความสามารถหรอ”ใบหน้าของปู้ฮวานเหยียนสั่นสะท้านด้วยความโกรธ
“ ฟังรู้เรื่องก็แสดงว่ายังมีสมองอยู่”
ปู้ฮวานเหยียนยกมือจะตบเฉินเฉียว
เฉินเฉียวจับมือของเธออย่างรวดเร็วและผลักมันออกไป
ไม่ทันตั้งตัว เสียงตบบนหน้าเธอดังสนั่น
“ แกกล้าตบลูกสาวฉันหรอ!”เริ่นหมิงเซวียนไม่รู้ว่าเธอกลับมาตอนไหน ตบเฉินเฉียวหนึ่งฉาด
เฉินเฉียวหันกลับมาภาพตรงหน้าที่เห็นคือ สีหน้าเยาะเย้ยของโหยวจิ้งหลี ปู้ฮวานเหยียนสะใจได้เอาคืน และความเกลียดชังของริ่นหมิงเซวียน
เธอจ้องมองไปที่เริ่นหมิงเซวียน ตาต่อตาฟันต่อฟัน
มือที่ห้อยอยู่ข้างตัวเธอกำแน่นจนซีด
เริ่นหมิงเซวียนรู้สึกกลัว เงยหน้าถาม”เธอจะทำไม ผู้ใหญ่สั่งสอนเธอแล้วเธอจะตบกลับหรอ”
เสียงหายใจของเฉินเฉียวสั่นจากนั้นค่อยๆคลายมือและรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมริมฝีปากของเธอ”เอะอะอะไรก็ตบ ตระกูลเฉินไม่ได้สั่งสอนมาแบบนี้”
ประโยคนี้เหมือนการตบหน้าเริ่นหมิงเซวียนและปู้ฮวานเหยียน “แกกล้าแขวะตระกูลปู้ไม่มีการศึกษาหรอ”
“ฉันแค่พูดความจริง”
“เสียงดังอะไรกัน”ทันใดนั้นเสียงต่ำสุขุมก็ดังขึ้น
ปู้หมิงหย่วนเข้ามาจากด้านนอก
สายตาเคร่งขึมกวาดมองกลุ่มคน เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นโหยวจิ้งหลี
มื้ออาหารของครอบครัวทั้งๆที่เธอเป็นคนนอกมาในฐานะอะไร
เริ่นหมิงเซวียนและปู้ฮวานเหยียนต่างกลัวหัวหน้าตระกูลผู้นี้ พากันก้มหน้าไม่พูดอะไร โหยวจิ้งหลีไม่กล้าพูดอะไร
“ พ่อคะ งั้นหนูไปก่อนนะคะ”เฉินเฉียวไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดอะไรกับเริ่นหมิงเซวียนในตอนนี้
“ ไหนๆก็มาแล้ว กินข้าวด้วยกันก่อน เดี๋ยวอี้เฉินก็มาแล้ว ”
เฉินเฉียวพูดเพียงว่า: “คราวหน้านะคะ”
เธอไม่รอให้เริ่นหมิงหย่วนรั้งเธอไว้อีก หลังเดินออกไป
เธอขับรถไปในยามค่ำคืน ฉากกลางคืนที่สว่างผ่านไปและในที่สุดก็มีเพียงสีขาวอมเทาเท่านั้นที่ตกอยู่ในดวงตาของเธอ
ในตอนนี้เธอไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน
เธอไม่อยากกลับไปบ้านนั้นอีกแล้ว
ที่นั่นไม่ใช่ที่ของเธอ
ทันใดนั้นเธอคิดอยากจะไปผ่อนคลายที่ทะเล
เธอขับมุ่งหน้าที่ไปเขตป้านซาน ปรากฏว่าเครื่องดับเสียก่อน
ถึงคราวซวยแล้วจริงๆ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
เฉินเฉียวต้องโทรหาเจียงฉยงฉยงอีกครั้ง เจียงฉยงฉยงต้องใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงในการมาที่นี่และเธอก็รออยู่ในรถ
ลดกระจกรถลงตากลมทะเลฟังเสียงคลื่นความเหงาเเหมือนน้ำทะเลที่อยู่ไม่ไกล คลื่นซัดเข้ามาเป็นระลอกๆเธอรู้สึกปวดตา
ตอนนี้เธอยกมือขึ้นแตะแก้ม
มันร้อนและปวด
พอปลายนิ้วสัมผัสน้ำตาก็ไหลลงมา
เหอะ
เธอกลายเป็นคนขี้แงตั้งแต่เมื่อไหร่
————
อีกด้าน
ซังโย่วอีกำลังทำการบ้าน ชายคนข้างๆ หยิบดูความเห็นที่อาจารย์เขียน
จู่ๆคนตัวเล็กก็เงยหน้าขึ้นมาและบ่นว่า“ พ่อครับวันนี้ครูสอนเปียโนขอเบอร์โทร ครั้งก่อนที่เจอพ่อ ก็ถามเรื่องของพ่อตลอด น่ารำคาญจริงๆ. ”
ซังหลินจวินไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง “วันหลังเปลี่ยนครูเถอะ”
ครับซังโย่วอีเบื่อหน่าย มีคุณพ่อเจ้าเสน่ห์นี่มันน่าปวดหัวจริงๆ “พ่อคิดถึงพี่เฉียวไหม ”
ซังหลินจวินที่กำลังพลิกหน้าหนังสืออยู่ก็หยุดลงชั่วขณะ แต่มันเป็นเพียงชั่วครู่และเขาก็พูดว่า: “ทำไมต้องคิดถึง?”
“ แต่ฉันคิดไปแล้ว ในบรรดาผู้หญิงทั้งหมดเธอเป็นคนเดียวที่ไม่ตอแย ไม่ขอเบอร์พ่อจากผม ผู้หญิงคนอื่นๆเข้ามาเล่นกับผมก็เพราะอยากใกล้ชิดพ่อ”
“……”ริมฝีปากบางๆของซังหลินจวินจุนขบแน่น ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่มีความสุข
“ เพราะพ่อคนเดียวเลย ไม่ให้ผมขอเบอร์พี่เฉียวไว้ ผมโทรหาเธอไม่ได้เลย ”
ซังโย่วอีบ่น
แต่จากนั้นเขาวางมือถือตรงแถวๆศอก
เขาดูงง
“ กดเบอร์ 13574302288.”
ซังโย่วอีกดเสร็จ ก็เข้าใจ “เบอร์นี้ของพี่เฉียวหรอครับ”
อืม
“ แต่พ่อมีเบอร์เธอได้ยังไง”ยิ่งไปกว่านั้นไม่ได้เมมลงไปในมือถือ ท่องได้ขึ้นใจ
ดวงตาของซังหลินจวินหยุดนิ่งพลางหาเหตุผลและพูดเบา ๆ : “คุณยายให้มา”
“คุณยายสุดยอดไปเลย ไม่ว่าอะไรก็หาได้หมด”ซังโย่วอีโล่งใจ