ต่อหน้าใครก็แสแสร้งเป็น ซังหลินจวินเห็นเขายิ้มอย่างอ่อนโยน เลยแอบเปลี่ยนสีหน้าด้วย
มุมปากเลิกขึ้น ยิ้มอ่อนอย่างสุภาพ “ไม่ได้เจอกันนานจริง ครั้งก่อนที่เจอกัน คุณหนูโม่ยังอยู่ข้างตัวนาย ทำไมครั้งนี้เธอไม่มาด้วยล่ะ”
การพูดแทงใจคนอื่น ซังหลินจวินชำนาญมาก
เธอยืนดูพวกเขาเหมือนพูดกันปกติ แต่กลับรู้สึกกดดัน จึงดึงมือซังหลินจวิน บอกให้เขาพอแล้ว
ตอนที่ซังหลินจวินจะขมวดคิ้วแน่น นิ้วมือที่อ่อนนุ่มแตะที่ฝ่ามือเขา ในใจซังหลินจวินที่ไม่สบอารมณ์หายไปทันที
ตำแหน่งของซังอวินไม่เห็นว่าพวกเขาแอบทำอะไรกัน เขายังคิดว่าเฉินเฉียวยังยืนอยู่ข้างเขา กำลังรู้สึกดีใจอยู่
แต่กลับโดนคำพูดต่อมาของเฉินเฉียวกระแทกหน้า
“อาอวิน วันนี้นายมามีอะไรหรือเปล่า?”
ในสายตาเฉินเฉียวมีความสงสัย เหมือนแปลกใจที่เขามาโดยไม่ได้รับเชิญ
ในใจซังอวินเศร้า แต่ก็ยังยิ้มอยู่ “ทำไม ฉันไม่มีอะไรมาหาเธอไม่ได้เหรอ”
เฉินเฉียวไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่ายังไง แต่เธอเป็นภรรยาของหลินจวิน เธอก็ต้องยืนข้างเขาอยู่แล้ว
ถึงแม้ไม่อยากทำร้ายเขา แต่เฉินเฉียวก็ยังเอ่ย “อาอวิน ตอนนี้ฉันมีสามีแล้ว ถึงจะเจอกับนายก็ต้องระวังหน่อย”
“ใช่ เธอเป็นภรรยาของคนอื่นไปแล้ว” รอยยิ้มบนหน้าซังอวินหายไป เขาเอ่ยพึมพำ
จากนั้นก็รีบเก็บความอ่อนแอ แล้วเอ่ยกับซังหลินจวิน “ฉันได้ข่าวว่าเกิดเรื่องกับคุณเจียง เกิดเพราะลูกน้องของฉันด้วย ฉันรู้ว่าพวกนายคิดว่าฉันเป็นคนลงมือ แต่ว่าช่วงนี้ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของฉัน ฉันเลยสืบแล้วเจอหลักฐานบางอย่าง”
ซังหลินจวินค่อยเอ่ย “เข้าไปคุยเถอะ”
ทั้งสามคนนั่งอยู่บนโซฟา ซังอวินไม่ได้พูดอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องอีก เลยเอาโทรศัพท์ของเขาออกมา ให้ซังหลินจวินดูข้อมูลที่ลูกน้องเขาส่งมาให้
เฉินเฉียวนั่งใกล้กับซังหลินจวิน เลยเห็นข้อมูลในนั้นด้วย
ซังอวินให้ดูหลักฐานกล้องวงจรวันที่เกิดเหตุ
คนที่ลงมือกับเจียงอี้ฟานใส่หมวกเบสบอลไว้
ใบหน้าที่กลืนไปกับผู้คนทั่วไปจนแยกตัวไม่ออก
แต่คลิปวิดีโอที่มืดมัวนี้ เห็นรอยแผลเป็นบนแขนตอนที่ลงมือกับเจียงอี้ฟานชัดเจน
“นี่หลักฐานอะไรเหรอ” เฉินเฉียวไม่เข้าใจกับคลิปของเขา
กับความสงสัยของเฉินเฉียว ซังอวินเลยพูดตรงๆ “คนคนนี้ไม่ใช่คนสำนักรากษส ตอนห้านาทีหกวิ เขาโผล่มาจากมุมตึก ตอนนั้นพวกเขาตีกันวุ่นวาย เลยไม่มีใครสังเกตเห็น”
เฉินเฉียวค่อยเข้าใจ ซังอวินแค่ใช้คลิปนี้มาล้างความผิด
แต่ว่าตั้งแต่ต้น ทุกคนไม่ได้สงสัยเขาอยู่แล้ว
เลยพูดปลอบใจว่า “อาอวิน ความจริงมีหรือไม่มีหลักฐานนี้ก็ไม่เป็นไรหรอก เราไม่ได้สงสัยนายอยู่แล้ว”
ซังอวินพยักหน้า
“ฉันรู้ว่าพวกเธอไม่ได้สงสัยฉัน ไม่งั้นวันนี้ฉันคงไม่อยู่ที่นี่หรอก”
จากนั้นเขาก็เอาโทรศัพท์กลับมา แล้วเปิดใบผลตรวจ
“ไม่รู้ว่าคุณชายซังยังจำโหยวหลีจิ้งได้หรือเปล่า?”
“แน่นอน ถึงเธอจะเป็นญาติห่างๆของฉัน แต่ยังไงก็ครอบครัวเดียวกัน ทำไม เรื่องที่นายจะพูดเกี่ยวกับเธอ” ถ้าไม่ใช่ซังอวินพูดถึง ซังหลินจวินคงลืมเธอไปแล้ว
“นี่คือผลชันสูตรศพ ฉันได้เมื่อสามปีก่อน แต่ว่าตอนนั้น พอฉันเจอเฉินเฉียวแล้ว เลยไม่ได้สนใจ ตอนนี้ ผลตรวจนี้ให้คุณ คงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด” ซังอวินแค่ให้ซังหลินจวินดูผลชันสูตร แต่ต้นฉบับยังอยู่ที่เขา
ซังหลินจวินค่อยจริงจังขึ้นมา
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าโหยวหลีจิ้งจะเกิดเรื่องจริงๆ
มองวันที่บนนั้น เป็นวันที่หลายเดือนหลังจากที่เกิดเรื่องกับเฉินเฉียว ถ้ารู้เวลาเสียชีวิตคนแก่ทั้งสองคนของตระกูลปู้
ซังหลินจวินเลยรู้ความเป็นมาของเรื่องทั้งหมด
แต่ว่าถึงแม้จะแบบนี้ เขาก็ลองเดาตามสถานการณ์ตอนนั้น
สามปีก่อนที่โหยวหลีจิ้งคลอดลูกสาว ได้ข่าวว่าใช้ชีวิตในตระกูลปู้ไม่ค่อยดีนัก
ด้วยนิสัยใจดำอย่างแม่ปู้อี้เฉิน คงทะเลาะกันบ่อยแน่นอน
ในสถานการณ์แบบนั้น มีความคิดที่อยากฆ่าคนก็เป็นไปได้
เพราะยังไงปู้อี้เฉินก็หมดความรู้สึกับเธอตั้งนานแล้ว
แต่ความคิดนี้ก็แค่เดา ที่ซังหลินจวินสนใจคือซังอวินเอาผลชันสูตรนี้มาจากที่ไหน
“นายเอาผลนี้มาได้ยังไง?” เขาชี้ผลชันสูตรว่าโดนทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตในโทรศัพท์
ซังอวิยถอนหายใจ “ตอนที่ฉันไปเอาของที่โรงพยาบาล โดนเธอชน เธอบอกว่าให้ช่วยเธอด้วย ตอนนั้นฉันไม่อยากยุ่ง ใครจะรู้ว่าเธอยังพูดไม่จบก็หมดลมแล้ว ฉันก็ไม่อยากปิดบัง ตอนนั้นแขนของเธอโดนซ้อมจนเลือดอาบ
พอซังหลินจวินได้ยิน ในสายตาจึงมีความสับสน ตอนนั้นเขาเคยเตือนเธอว่าปู้อี้เฉินไม่ใช่คนดีอะไร ตอนนี้ตกอยู่สภาพแบบนั้น ถึงคนอื่นจะรู้สึกสงสาร แต่เธอก็เป็นคนทำตัวเอง
ถ้าไม่มีเธอ ตอนนั้นเฉินเฉียวคงไม่รับรักเขาเร็วขนาดนั้นหรอก
ในใจแอบรู้สึกโชคดี ยังดีที่เรื่องไม่เกิดกับเฉินเฉียว
เฉินเฉียวไม่รู้ว่าซังหลินจวินคิดยังไง พอเธอได้ยินที่ซังอวินพูด เลยรู้สึกโมโห “คนที่ทำร้ายเธอเลือดเย็นเกินไปหรือเปล่า ซ้อมจนตาย ไม่กล้าจิตนาการเลย”
เฉินเฉียวขนลุก เหมือนตกใจกับภาพที่จิตนาการในหัว
บอกกับพวกเขาแล้ว ซังอวินหยิบโทรศัพท์กลับมา กำลังจะไป
เหมิงเหมิงที่เพิ่งตื่นพอดี พอเห็นว่าคุณแม่ไม่อยู่ในห้อง เลยลงจากเตียง มือเล็กๆก็กดปลดล็อกประตูที่ทำมาเพื่อเธอ กระโดดโลดเต้นลงมาชั้นล่าง พอเห็นเงาของคนที่คุ้นเคยชั้นล่าง ก็รีบวิ่งลงมาทันที
เหมิงเหมิงวิ่งเร็วจนผู้ใหญ่ทั้งสามคนตกใจ ซังอวินก็รีบวิ่งไปรับตัวเธอไว้
จนกระทั่งเหมิงเหมิงแขวนอยู่ที่คอเขาค่อยยิ้ม ซังอวินรู้สึกเป็นห่วงในใจ เลยตบก้นเธอเบาๆ
“ทำไมหนูถึงกล้าขนาดนั้นคะ ถ้าหกล้มจะทำยังไ อาไม่หนีสักหน่อย”
โดนคุณอาที่ตัวเองชอบตีก้น เหมิงเหมิงเลยโกรธ จึงหันหน้าหนี “ที่คุณอาพูดเป็นคำโกหก”