ซังอวินรู้ว่าเหมิงเหมิงยังจำได้ที่ครั้งก่อนเขาบอกว่าจะมาหา แต่เพิ่งมาตอนนี้เลยโกรธ ยังไงก็ต้องปลอบเธออยู่แล้ว
ซังหลินจวินเห็นเขาอุ้มปลอบเหมิงเหมิง เลยไม่สบายใจ จึงเอ่ยว่า “ในเมื่อชอบเด็กขนาดนี้ งั้นก็รีบแต่งงานมีลูกสิ”
“คุณชายซังไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ผมชอบอยู่คนเดียวมากกว่า” พอไม่ใช่เรื่องจริงจังแล้ว พวกเขายังเป็นศัตรูเหมือนเดิม
อาจจะเพราะไม่ได้เจอเหมิงเหมิงนาน พอซังอวินจะไป แค่เหมิงเหมิงร้องไห้ก็รีบกลืนคำร่ำลาทันที
จนกระทั่งฟ้ามืด ซังอวินค่อยไม่สนเหมิงเหมิง ยืนยันว่าจะไปจริงๆ
แต่ก่อนไป เขาลูบศีรษะเหมิงเหมิงแล้วเอ่ย “ถ้าเหมิงเหมิงอยากเจอคุณอา ครั้งหน้าไปหาคุณอาดีไหมคะ?”
พอเหมิงเหมิงได้ยิน จึงมีชีวิตชีวาขึ้นมาเลย
ซังหลินจวินโมโหจนต้องหัวเราะที่เห็นซังอวินล่อลูกสาวตัวเองไป
เขาก้มหน้า น้ำเสียงวนเวียนข้างหูเฉินเฉียว แล้วบ่นอย่างไม่ชอบ
“เฉียวเฉียว เหมิงเหมิงชอบซังอวินขนาดนั้น ฉันไม่มีความสุข”
เฉินเฉียวลูบผมเขาเอ่ยปลอบ “นี่ก็ทำอะไรไม่ได้ นายมาสายเกินไป อาอวินกับเหมิงเหมิงสนิทกันมาตั้งกี่ปี ยังไงก็ต้องผูกพันอยู่แล้ว”
ทีแรกซังหลินจวินอยากได้ยินอะไรดีๆจากเฉินเฉียว ไม่คิดเลยว่าเธอจะซื่อตรง จนเขาต้องถอนหายใจ
ในเมื่อรู้หลักฐานเยอะขนาดนี้แล้ว ซังหลินจวินเลยแจ้งความเรื่องนี้
เพราะโดนซ้อมจนตาย ต้องได้รับโทษจากกฎหมายอยู่แล้ว ให้ตำรวจไปหา ดีกว่าที่ให้เขาลงมือเองอีก
ซูเยี่ยนขมวดคิ้ว มองคนที่มาแจ้งความ “ช่วงนี้คุณซังมีปัญหาเยอะขนาดนั้น ยังกล้าเดินมาโรงพักอย่างเปิดเผย ไม่กลัวจะโดนนักข่าวถ่ายรูปทำข่าวเหรอครับ”
ซังหลินจวินเหลือบมองเขาแล้วเอ่ย “ผมมาแจ้งความ ไม่ได้มาคุยกับคุณ”
จากนั้นก็เอารูปถ่ายที่ปริ้นออกมาให้ซูเยี่ยน
เห็นเขาสนใจของในนั้น ซังหลินจวินค่อยเอ่ย “ผลชันสูตรในรูปเป็นของน้องสาวที่เป็นญาติผม สามปีก่อน เธอก็หายตัวไป เมื่อวานมีคนส่งผลชันสูตรนี่ให้ผม ผมหวังว่าตำรวจอย่างพวกคุณจะช่วยผมได้ ไม่ว่าจะจริงหรือเปล่า แต่อย่างน้อยก็ต้องมีความจริง”
ซูเยี่ยนมองเขาแล้วพยักหน้า “นี่เป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว”
นิสัยทั้งสองคนค่อนข้างเงียบ เลยไม่ได้คุยอะไรกันมาก
ซังหลินจวินเห็นว่าเรื่องจัดการเรียบร้อยแล้ว ตอนที่กำลังจะไป ซูเยี่ยนก็เรียกเขาไว้
“ช่วยผมเอาของพวกนี้ให้เถ้าแก่ด้วย” ซูเยี่ยนหยิบกล่องใบใหญ่ออกมา มองไม่เห็นว่าในนั้นใส่อะไรไว้
ซังหลินจวินไม่ได้รับ เขาคิดว่าเขาไม่ได้สนิทกับเขา ช่วยเขาส่งของ เขาไม่ทำหรอก
“ของขวัญที่จะให้เถ้าแก่เยี่ยนคุณให้เองเถอะ ถ้าผมเอาไปให้ เยี่ยนเฟิงจะคิดยังไง”
ถ้าซูเยี่ยนไม่เอาของขวัญออกมา ซังหลินจวินก็คงลืมไปแล้วว่ากี่วันนี้วันเกิดแปดสิบห้าปีของเถ้าแก่เยี่ยนพอดี
ซูเยี่ยนคิดไปมา ก็จริง เขาไม่ได้คิดเยอะขนาดนั้น
“โทษที”
ซูเยี่ยนเอาของขวัญกลับไป
เห็นเขานั่งกลับไป ซังหลินจวินจึงขมวดคิว “ปีนี้คุณก็ไม่ไปหาเถ้าแก่เยี่ยน?”
ความจริงทุกคนรู้ เถ้าแก่เยี่ยนให้ความสำคัญเขากับเยี่ยนเฟิง
แต่เยี่ยนเฟิงไม่ชอบอยู่ในกรอบ ชอบทำอะไนตามใจ ชื่อเสียงเลยไม่ค่อยดีมากนัก
เถ้าแก่เยี่ยนก็อารมณ์ร้อน เลยทะเลาะกับเยี่ยนเฟิงบ่อย ความสัมพันธ์ของทั้งสองเลยไม่ดี
แต่กลับเป็นคุณหญิงเยี่ยน รักตามใจเยี่ยนเฟิงมาก ตอนที่เขาออกนอกลู่นอกทางเกินไป พูดเตือนหลายครั้งแล้วไม่มีประโยชน์ เลยใช้ไม้สั่งสอนแทน
เพราะอย่างน้อยต่อหน้าคุณหญิงเยี่ยน เยี่ยนเฟิงไม่กล้าทำอะไรมาก
แต่ไม่เหมือนกับซูเยี่ยน
ในตระกูลเยี่ยนไม่มีคนที่เขาแคร์ เลยไม่แคร์ว่าคนอื่นจะคิดยังไง
เพราะฉะนั้นเขาไม่เคยไปร่วมงานวันเกิดเถ้าแก่เยี่ยน ตอนที่คนอื่นเอาแต่พูดถึง เขาก็ยังนิ่งเฉย
แต่ตอนนี้กลับจะส่งของขวัญให้เถ้าแก่เยี่ยน เหมือนไม่ค่อยหวังดีอย่างนั้น
ซูเยี่ยนเหลือบมองซังหลินจวิน เลยเห็นสายตาที่สงสัยของเขา
แต่ก็พูดเตือน “คนที่ช่วงนี้พวกคุณเล่นด้วย รีบจัดการดีกว่า ไม่งั้นถ้าคนในบ้านรู้ คงไม่มีผลดีอะไร”
“คุณรู้อะไร?” ซังหลินจวินขมวดคิ้วถาม
เขาสาบานว่าเขาไม่ได้พูดอะไรหลุดปาก แต่เขากลับรู้
แค่เดา หรือว่ารู้ตั้งนานแล้ว
ซูเยี่ยนนั่งดูเอกสารเหมือนเดิม ทำเหมือนไม่ได้ยิน
เห็นเขาไม่พูด ซังหลินจวินเลยไม่ถามต่อ เพราะเขาเข้าใจดี ซูเยี่ยนเป็นคนพวกเดียวกับเขา แล้วในสายตาพวกเขา ถ้าไม่อยากพูดจริงๆ จะบังคับยังไงก็ไม่มีประโยชน์
ซังหลินจวินจัดเสื้อผ้า แล้วไปจากที่นี่
ตอนที่เงาของเขาหายไปแล้ว ซูเยี่ยนค่อยเงยหน้าจากเอกสารมองไปทางเขา
ในสายตาเขามีความซับซ้อนอย่างอธิบายไม่ถูก จนกระทั่งโทรศัพท์บนโต๊ะเขาดัง มองเห็นข้อความที่ทำให้เขาอารมณ์ดี เลยไม่ได้ลังเลต่อ
อะไรที่ควรเตือน เขาเตือนแล้ว ที่เหลือคงต้องให้พวกเขารีบจัดการเอง
ตอนที่ซังหลินจวินกลับไปที่บริษัท ก็เอาแต่คิดว่า ซูเยี่ยนรู้เรื่องนั้นได้ยังไง แล้วเขารู้มากแค่ไหน
เฉินเฉียวเห็นเขาขมวดคิ้วเลยเป็นห่วง จึงใช้มือนวดขมับให้เขาเบาๆ
ซังหลินจวินดึงสติกลับมา แล้วยิ้มกับเธอ
จากนั้นก็ดึงเข้ามากอด “เฉียวเฉียว ทำไมเธอทำหน้าอมทุกข์แบบนั้นล่ะ เพราฉันไม่สนใจเธอหรือเปล่า ว่าแล้วเธอห่างจากฉันสักหนึ่งนาทีก็ไม่ได้เลย”
เฉินเฉียวรู้สึกว่าความคิดที่เธอเป็นห่วงเขา เธอแค่รู้สึกผิดไปเอง
ทั้งๆที่เขามีชีวิตดีกว่าคนอื่นๆ
เฉินเฉียวผลักเขาออก ไม่อยากนั่งในอ้อมกอดเขา
เห็นเธอจะไป ซังหลินจวินก็รีบดึงไว้ “เฉียวเฉียวเธออย่าเพิ่งไป ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
เฉินเฉียวสงสัย เลยนั่งนิ่งๆในอ้อมกอดเขา
ซังหลินจวินกอดเธอไว้แน่นแล้วเล่นผมเธอ “เฉียวเฉียว อีกไม่กี่วันจะถึงวันเกิดเถ้าแก่เยี่ยน ถึงเวลาเราไปด้วยกันนะ”
เฉินเฉียวพยักหน้า จากนั้นก็นึกอะไรได้ “วันนั้น ฉยงฉยงก็จะไปใช่ไหม”
“ไป” ซังหลินจวินไม่ปิดบังเธอ
ถึงตอนนี้ความสัมพันธ์ของเจียงฉยงฉยงกับตระกูลเจียงจะจางลง แต่อะไรที่ควรทำก็ต้องทำอยู่ดี