เธอนั่งข้างๆเขาและหยิบแก้วที่ยังไม่ได้ดื่ม รินไวน์ที่มีกลิ่นหอมจนไวน์ใกล้จะล้นแก้วเธอก็หยุด
ซังอวิ๋นมองเธอด้วยหน้าตาบึ้งตึงและพูดเตือน: “ไวน์แดงเมาง่ายถ้าคุณเมาผมจะไม่ไปส่งคุณ”
ฉันรู้แล้ว
รู้แล้ว แต่ยังอยากลอง
ประโยคนี้ทำให้ความเชื่อมั่นในตัวเขาลดลง แต่เธอก็อดกลั้นไว้ในใจ ไม่ได้พูดอะไรออกไป
เธอกระดกไวน์ในคำเดียวและเมื่อไวน์แดงรสเปรี้ยวอมหวานกลืนเข้าไปในลำคอของเธอสิ่งที่เธอได้ลิ้มรสก็คือความขมขื่น
เมื่อมองไปที่ซังอวิ๋นที่ไม่สนใจอะไรเลยมีร่องรอยของการประชดฉายในดวงตาของเธอราวกับว่าเธอกำลังหัวเราะเยาะตัวเอง
เป็นเวลานานแล้วที่เธอไม่ได้พูดอย่างสบายๆ: “ฉันเพิ่งเจอคนที่คุณเก็บไว้อยู่ในใจตลอดเวลา บอกตามตรง เธอไม่เห็นจะดีตรงไหนเลย ฉันไม่เข้าใจทำไมคุณถึงไปชอบเธอได้”
เดิมทีซังอวิ๋นจะปล่อยให้เธอพูดไร้สาระ แต่พอเธอพูดถึงเฉินเฉียว เขาก็เปลี่ยนเป็นสีหน้ากังวลทันที
เขาเลยทำการส่งแขก
“วันนี้คุณมาที่ตระกูลเหยียน ไม่ใช่เพราะคุยเรื่องเก่าๆกับผมหรอกนะ ผมเห็นว่าพ่อคุณมองหาคุณตั้งนานแล้ว ถ้าคุณยังไม่ไปล่ะก็ เกรงว่าเขาจะเดินมาหาคุณเอง”
มั่วอวี่ลุกขึ้นยืนและเธอก็หัวเราะเยาะ: “ซังอวิ๋น คุณยังเป็นเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ โกรธอยู่ชัดๆแต่ท่าทางทำเป็นสงบนิ่ง เมื่อไหร่คุณจะถอดหน้ากาก เมื่อก่อนตอนฉันเจอคุณครั้งแรกคุณไม่ได้เป็นแบบนี้นิ คุณรักเธอไม่ใช่หรอ? งั้นคุณก็แย่งเธอกลับมาสิ อย่าทำตัวน่าสงสารทั้งวัน ดูไม่จืดเลยนะ ”
มั่วอวี่หยิบกระดาษทิชชู่ออกมาชิดไวน์ที่ติดอยู่ที่ริมฝีปาก เดินจากไปโดยไม่หันหน้ากลับมามอง
จนกระทั่งเธอเดินออกไปซังอวิ๋นจึงเงยหน้าหันไปมอง เห็นร่างเธอเดินจากไปไกล แล้วก็มองเห็นเฉินเฉียว ใบหน้าเธอมีรอยยิ้มที่ถึงแม้จะรู้จักเธอมาสามปีก็ยังไม่เคยเห็น
เธอที่มีความสุขแบบนี้ เขาจะพรากมันไปจากเธอได้อย่างไร
ความรักที่เขามีต่อเธอไม่ใช่ความรักแบบหวงแหนอีกต่อไป
ตอนที่เขาเห็นเธอที่หายใจรวยรินมากับตา เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะต้องอยู่กับเขา
หลังจากดื่มไวน์แก้วสุดท้ายแล้วซังอวิ๋นก็เดินไปทางพ่อของเหยียนเหล่า กะว่าจะกลับ
ในตอนท้ายของงานเลี้ยงเฉินเฉียวจูงเด็กไว้ที่ทั้งสองมือ
ซังหลินจวินพูดกับคนที่อยากคุยกับเขาว่าวันนี้ติดธุระแล้วก็เดินตามหลังเฉินเฉียวไป คอยอยู่ข้างๆเธอ เดินไปที่ประตูใหญ่
ตอนไปถึงประตู เห็นฉากเด็ดอยู่ที่หน้าประตู
เจียงฉยงฉยงยืนอยู่ที่ประตูด้วยใบหน้าที่ร้อนรน
หลังจากที่เธอเห็นเจียงอี้ฝานกับกู้ซีอยู่ด้วยกัน
เฉินเฉียวมองไปที่หลินจวินอย่างรวดเร็ว
ซังหลินจวินรู้ว่าเธอจะไปช่วย
มือหนึ่งวางอยู่บนไหล่ของโย่วอี เดิมทีโย่วอีที่ลิ้มรสความรู้สึกที่ได้สัมผัสมือแม่ ก็ตัวสั่นและปล่อยมืออย่างรวดเร็ว
“ พ่อมีอะไรเหรอ?”โย่วอีมองพ่อที่จ้องเขา ก็รู้ว่าพ่อเขากลัวว่าจะพูดอะไรออกไป
ซังหลินจวินมองโย่วอีและรู้สึกขบขันในใจ
แต่ใบหน้ายังคงมีความเย็นชาอยู่ หลังจากเห็นเฉินเฉียวจูงเหมิงเหมิงเดินไปข้างหน้าเลยพูดว่า: “แม่ครับรอก่อนมีเรื่องนิดหน่อย แม่พาน้องกลับไปก่อนนะ”
โย่วอีในใจอยากรู้ว่าแม่จะทำยังไง ในใจเขาคันเหมือนโดนยุงกัน
โชคดีที่เขาคิดออกอย่างรวดเร็ว ไหนๆพ่อจะจับเขากับน้องสาวแยกกันเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้พวกเขารู้
แค่พยักหน้า: “โอเค ผมจะไปแล้ว”
เห็นโย่วอีวิ่งไปทางเฉียวเฉียวก็พูดอีกสองสามคำ แล้วซังหลินจุนเห็นเฉียวเฉียวเอามือของเหมิงเหมิงวางไว้ที่มือของโย่วอี ดูเหมือนว่าจะกำชับพวกเขาสองสามคำแล้วลูบหัว ชี้ให้เดินไป
เมื่อซังหลินจวินเดินผ่าน ถามอย่างสงสัย: “เมื่อกี้นี้คุณพูดอะไร?”
“ ฉันไม่บอกหรอก”เฉินเฉียวที่เพิ่งพูดกับโย่วอี ก็ส่ายหัว และเดินไปหาฉยงฉยง
เมื่อฟังเสียงฝีเท้าที่อยู่ข้างหลังเฉินเฉียวรู้สึกว่าโย่วอีรู้จักซังหลินจวินดีจริงๆ
จริงๆแล้วตะกี้โย่วอีพูดกับเธอว่า พ่อไม่อยากให้เขากับน้องสาวเป็นก้างขวางคอ เลยให้พวกเขากลับไปก่อน
เฉินเฉียวคิดได้ว่าเดี๋ยวต้องไปฟังเรื่องของฉยงฉยง เลยไม่อยากให้เด็กสองคนอยู่ฟัง
เลยไม่ได้ปฏิเสธ
เมื่อเฉินเฉียวและซังหลินจวินเดินไปถึง ทั้งสาเดินไปที่ทั้งสามคนพวกเขาก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาของเจียงอี้ฝาน
“ไร้สาระ เจียงฉยงฉยงมีสถานะเป็นลูกสาวตระกูลเจียง ทำไมถึงมายุ่งกับพวกไม่มีหัวนอนปลายเท้า ยังไม่รีบกลับบ้านกับฉันอีก”
เจียงฉยงฉยงที่กินแตงโมอยู่เงียบๆโดนเอ่ยชื่อก็แอบยิ้มที่มุมปาก
เธอคิดเรื่องนี้มาตลอดแม้ว่าเธอจะมีความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิมกับพี่ชายในอดีตของเธอก็ตาม
แต่พวกเขาเป็นพี่น้องกัน ตอนนี้เขาลืมไปแล้ว สำหรับพวกเขาไม่ใช่เรื่องดีอะไร
เธอสามารถเป็นน้องสาวของเขาต่อไปได้บางทีเธออาจต้องเว้นระยะห่างไว้บ้าง
เธอคิดว่าเธอทำได้
แต่ตอนนี้เธอรู้สึกหงุดหงิดกับคำพูดของเขา เจียงฉยงฉยงกอดแขนกู้ซี แล้วพูดว่า : “พี่คะ ฉันโตแล้วนะ ไม่ต้องคอยมาจัดการชีวิตฉันหรอก ฉันมีสิทธิ์ที่จะมีแฟน .”
“พูดว่าอะไรนะ?”ดวงตาของเจียงอี้ฝานหรี่ลง
เมื่อเห็นว่าดูเหมือนได้ยินไม่ชัดเจน เจียงฉยงฉยงจึงบอกเขาทีละคำ: “ฉันบอกว่าฉันมีสิทธิ์ที่จะมีแฟนแล้วกู้ซีเป็นแฟนของฉันและเราจะแต่งงานกันในอนาคต”
เฉินเฉียวที่กำลังจะไปประณีประณอมได้ยินแบบนี้ก็ไม่อยากจะเชื่อฉยงฉยง
เธอคิดว่าฉยงฉยงต้องโกรธแน่ๆเลยพูดอะไรแบบนี้ออกมา
จุดสนใจของซังหลินจวินกับเฉินเฉียวไม่เหมือนกัน เขาเพิ่งจะสังเกตว่าเจียงอี้ฝานสนใจแฟนของเจียงฉยงฉยงมากเกินไป
หรือว่า…
เขายังไม่ทันจะนึกออก
ก็มีโทรศัพท์เข้ามา
เมื่อเขาเห็นหมายเลขที่คุ้นเคยซังหลินจวินก็ก้าวถอยหลังและเดินไปข้างๆ
จนกระทั่งเฉินเฉียว และคนอื่น ๆ อยู่ห่างออกไปจนไม่ได้ยินเสียงเรียกเข้าในที่สุดซังหลินจวิน ก็รับสาย
“ มีข่าวอะไรไหม?”ซังหลินจวินเข้าเรื่องทันที
ซู้เหยี้ยนได้ยินก็มองไปที่บันทึกที่อยู่ในมือและกล่าวว่า:“ ผมได้ตรวจสอบบันทึกการออกของ ปู้อี้เฉินในสามปีมานี่และพบว่าไม่มีชื่อของเขาขอโทษจริงๆนะครับผมอาจจะช่วยคุณไม่ได้ ”