“นึกว่าอะไรซะอีก” ทีแรกซังหลินจวินคิดว่าเกิดเรื่องกับเขา เขาเลยแสดงสีหน้าแปลกๆ
พอได้ยินว่าเป็นเรื่องดูตัว เลยให้คำแนะนำเขา
“ในเมื่อแกไม่อยากไปดูตัว งั้นแกก็หาแฟนสิ แค่ในนามก็ได้ ยังไงก็ดีกว่าตอนนี้”
อาจจะเพราะกี่ปีนี้ ลู้หมีไม่ค่อยไปสถานที่บันเทิงพวกนั้น เลยมีคนแอบซุบซิบว่าเขาเป็นโรคอะไรหรือเปล่า
จากนั้น เมื่อไม่นานมานี้ คู่นอนที่ว่าของลู้หมีออกมาแฉว่าลู้หมีไม่เคยมีอะไรกับเธอ เลยเป็นที่ซุบซิบกัน
ชื่อเสียงของลู้หมีดีกว่าเยี่ยนเฟิงเยอะเลย แต่พอเกิดเรื่องนี้ เลยให้คนอื่นรู้สึกดีด้วยน้อยลง
ทีแรกก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับเขา
แต่พี่ชาย พ่อเขา ปู่เขาเป็นคนในค่ายทหารหมด ใครจะทนข่าวลือแบบนี้ได้
แต่ข่าวลือพวกนี้ มีหนึ่งก็จะมีสองต่อ
คนที่บอกว่าเคยเป็นคู่นอนของลู้หมี ก็ออกมาแฉพร้อมกันว่าเขาไม่เคยมีอะไรกับพวกเธอ เลยมีคนสงสัยว่าร่างกายของเขามีปัญหา ไม่งั้นเขาก็คงไม่ชอบผู้หญิง
แถมยังมีคนสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างเขา เยี่ยนเฟิง อี้ฟานกับซังหลินจวินอีก
เพราะลู้หมีสนิทกับเยี่ยนเฟิง เลยซุบซิบพวกเขาสองคนมากกว่า
ที่ครั้งนี้ลู้หมีโดนย้ายกลับมา ก็อาจจะเพราะเรื่องนี้
เถ้าแก่ลู่อาจจะสะเทือนใจที่หลานตัวเองกลับมา ที่แรกที่ไปไม่ใช่บ้าน แต่กลับไปงานเลี้ยงตระกูลเยี่ยน
ไม่งั้นก็คงไม่รีบให้เขาไปดูตัวหรอก
ปากลู้หมีกระตุก “ฉันคิดก่อน”
เห็นเขาไม่ได้ปฏิเสธ ซังหลินจวินที่แนะนำแค่ยักไหล่ ไม่ได้สนใจมาก
แต่เรื่องซุบซิบแบบนี้ บางครั้งก็เกิดกับเขา กับความจริงที่คนพวกนั้นลือกัน ซังหลินจวินก็รู้สึกสงสัย
ตัวเอกในเรื่องอยู่ ซังหลินจวินเลยถามตรงๆ “แกยังบริสุทธิ์อยู่ใช่ไหม?”
“หะ”
“บริสุทธิ์? ฮ่าฮ่าฮ่า” เยี่ยนเฟิงไม่คิดเลยว่าเขาเพิ่งออกจากห้องครัวก็จะได้ยินประเด็นร้อนนี้
จากนั้นก็รีบคลานไปคล้องคอลู้หมีเหมือนลิง แล้วพูดก่อกวนเขา “รีบพูดสิ รีบพูด แกยังบริสุทธิ์อยู่หรือเปล่า”
ลู้หมีคิดไม่ถึงจริงๆ แถมเยี่ยนเฟิงได้ยินด้วย เขาเลยหน้าแดง
เขาจับมือเยี่ยนเฟิงไว้แน่น พยายามดึงมือเขาออกจากคอ
“ไม่พูดก็ไม่ปล่อย พูดได้ทำได้” เยี่ยนเฟิงยังกัดไม่ปล่อย
ซังหลินจวินกอดแขนมองสำรวจทั้งสองคน แล้วส่ายหน้า “พวกแกเล่นไปเถอะ ฉันไปพักก่อน เล่นกันเสร็จแล้วก็แยกย้ายกลับบ้าน”
เห็นซังหลินจวินจะไป ลู้หมีกับเยี่ยนเฟิงก็ปล่อยมือพร้อมกัน ขวางทางเขาไว้ ลู้หมีขมวดคิ้วเอ่ย “ไอ่ซัง มาที่นี่ก็มาเพื่อพึ่งชั่วคราว แกแล้งน้ำใจไม่ช่วยเพราะไม่ได้ยินข่าวลือไม่ดีหรอกมั้งเพื่อน”
“เมื่อกี้พวกแกบอกจะมาพึ่งชั่วคราวเหรอ? พวกแกไม่ได้พูดหนิ ฉันจะรู้ได้ไงว่าพวกแกจะอยู่” ซังหลินจวินยิ้มอย่างมีเลศนัย
“เหมือนไม่ได้พูดจริงๆ” เยี่ยนเฟิงคิดไปมา เขาไม่ได้พูดจริงๆ
“ไอ่ซัง แกหมายความว่าเราอยู่ต่อได้” ที่ลู้หมีสนใจไม่เหมือนกับที่เยี่ยนเฟิงสนใจ
“อยากอยู่ก็อยู่เถอะ ชั้นหนึ่งมีห้องนอนแขกหลายห้อง ถ้าพวกแกไม่ชินจะอยู่ด้วยกันก็ได้” ซังหลินจวินย้ำลอยๆแล้วเดินขึ้นไป
พอกลับถึงห้องตัวเอง ซังหลินจวินเห็นเฉินเฉียวกอดโน้ตบุ๊คอยู่ เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“ทำไมหน้าเครียดๆ ไม่สวยเลย” ซังหลินจวินอุ้มเฉินเฉียวขึ้นมา
เฉินเฉียวสะดุ้งตกใจ มือไม้กระเจิง พอได้ยินเสียงซังหลินจวินค่อยใช้มือดันหน้าอกเขาไว้ มองเขาอย่างกังวล “นายไม่เจ็บที่ไหนใช่ไหม นายก็ อยู่ๆก็อุ้มฉันขึ้นมา ฉันตกใจหมด”
เธอเหม่อเกินไป เลยไม่รู้สึกว่าใครมา
“อยู่ในบ้าน คนที่อุ้มเธอมีแค่ฉัน” ซังหลินจวินพูดอย่างมั่นใจ
“เฉียวเฉียว เมื่อกี้เธอคิดอะไรอยู่” เพราะเธอเหม่อ กับเรื่องที่ทำให้เธอสนใจขนาดนี้ ซังหลินจวินอยากรู้มาก
เฉินเฉียวไม่รู้ว่าควรบอกเขาเรื่องเมื่อกี้ดีไหม แต่พอคิดไปมา เลยพูดความจริง “เมื่อกี้ อาอวินส่งข้อความมาหาฉัน เขาบอกว่าเกมส์เทพเก้าวิมานของพวกเขามีโมเดลใหม่ แต่เงินทุนไม่พอ เขาถามฉัน ถ้าเขาจะร่วมงานกับนาย มีความเป็นไปได้กี่เปอร์เซ็นต์”
“เรื่องแบบนี้ทำไมเขาไม่ถามฉันต่อหน้าล่ะ” เขาก็ยังระแวงซังอวินอยู่ดี นี่ไม่เกี่ยวกับเฉินเฉียว อาจจะเพราะตั้งแต่ที่พวกเขาได้เลือดมาจากเถ้าแก่ พวกเขาก็ถูกลิขิตไว้ให้เป็นศัตรูกัน
แต่ก่อนเขาไม่เคยคิดอยากร่วมงานกับเขา แต่ตอนนี้มาถามเฉินเฉียว นี่ก็อยากรู้เรื่องเขาจากทางอ้อมไม่ใช่เหรอ
ซังหลินจวินปล่อยเฉินเฉียวลงมา หยิบโทรศัพท์ออกมากดหมายเลข จากนั้นก็ส่งข้อความไป
เฉินเฉียวยื่นหน้าไปดูอย่างสงสัย แต่กลับไม่เห็นอะไรเลย
ในใจแอบบ่นที่เขาปิดมิดขนาดนี้ แต่ก็ลองเดาว่า ซังหลินจวินส่งข้อความหาอาอวินหรือเปล่า
ไม่โทษเธอหรอกที่มีความคิดแบบนี้
เมื่อกี้เธอเพิ่งพูดเรื่องนี้กับเขา แล้วอยู่ๆหลินจวินก็ส่งข้อความไป คงต้องส่งไปหาอาอวินแน่นอน
แต่ไม่รู้ว่าเขาตอบตกลงหรือปฏิเสธ
เรื่องนี้เฉินเฉียวไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่
จนกระทั่งวันต่อมาซังอวินเป็นแขกที่มาบ้าน
“คุณชาย คุณชายอวินถึงแล้วครับ” เฉินเฉียวที่กำลังดื่มด่ำชีวิตในยามเช้าอยู่ในห้องโถง รู้สึกสงสัยกับสิ่งที่ลุงฟู่เอ่ย
ซังหลินจวินวางหนังสือพิมพ์ในมือลงแล้วจัดเสื้อสูท จากนั้นก็ลุกขึ้น
“วันนี้ไปทำงานเช้าขนาดนี้เลยเหรอ” เฉินเฉียวมองนาฬิกา นี่ยังไม่เจ็ดโมงครึ่งเลย
ปกติหลินจวินจะไปตอนแปดโมง
ถึงจะถึงบริษัทแล้ว เวลาก็ไม่แน่นอน แต่ตอนบ่ายเขาจะเคลียร์งานทุกอย่างให้เร็วขึ้น เลยไม่ค่อยมีปัญหาอะไรมาก
อยู่ๆวันนี้ก็ออกไปเช้าเลยทำให้เฉินเฉียวสงสัย
“เปล่า ไปเปิดประตู มีแขกมา” ซังหลินจวินยิ้มกับเธออย่างอ่อนโยน
เฉินเฉียวหลงเขาจนลืมถามว่าใครที่ทำให้เขาลุกไปเปิดประตูให้
ยังดีไม่ต้องถามคำถามนี้แล้ว
“อาอวิน นายมาได้ยังไง” เห็นซังอวินที่เดินคุยเข้ามาพร้อมหลินจวิน เฉินเฉียวเลยอ้าปากค้างไม่อยากเชื่อ