ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 316 ฉันไม่บังคับเธอ

หน้าประตูมีคนยืนอยู่สองคน คนหนึ่งอ่อนโยน อีกคนเข้มขรึม

แต่ว่าบนใบหน้าทั้งสองคนมีอารมณ์โกรธเหมือนกัน

ซังหลินจวินโกรธที่เฉินเฉียวไม่บอกอะไรเขาเลย แล้วมากับฉยงฉยงคนเดียว เหมือนไม่ใส่ใจเขาอย่างนั้น

แต่พอเปิดประตูแล้ว สายตาเห็นศีรษะเฉินเฉียวบาดเจ็บ ตาทั้งสองข้างเลยแดงแล้วถามเสียงเข้ม “เกิดเรื่องอะไร?”

เขาไม่สนเจียงฉยงฉยงที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วกอดตัวเธอไว้ อยากใช้มือแตะเบาๆ แต่ก็กลัวเธอเจ็บ

เฉินเฉียวกลับตกใจที่เขาแบบนี้ ท่าทางที่ลนลานของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเธอที่บาดเจ็บ เธอคงต้องสงสัยมากแน่ๆว่าเขาตกใจมากแค่ไหน

แต่พอเห็นสายตาที่เป็นห่วงของเขา เฉินเฉียวเลยหยุดบ่น เธอยื่นมือไปจับมือซังหลินจวินไว้ ประสานมือกับเขาแน่นๆแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน “อย่าเป็นห่วงฉันเลย ฉันไม่เป็นอะไร ก็แค่แผลถลอก”

พอซังหลินจวินได้ยินเลยจ้องเธออย่างโมโห “แค่แผลถลอกเหรอ เธอเป็นของฉัน เธอจะบาดเจ็บได้ยังไง”

คำพูดที่เขาประกาศเป็นเจ้าของทำให้เฉินเฉียวหูแดง รีบใช้มือปิดปากเขาไว้ “คำพูดพวกนี้นายพูดตรงนี้ได้ยังไง ไปเถอะ รีบไปเถอะ”

เทียบกับเฉินเฉียวกับซังหลินจวินที่สวีทหวาน เจียงอี้ฟานกับเจียงฉยงฉยงยืนอยู่ต่อหน้ากัน แต่กลับไม่พูดอะไรเลย

ประตูเปิดแค่ครึ่งเดียว เพราะเฉินเฉียวกับฉยงฉยงเอาแต่ยืนอยู่หน้าประตู เลยทำให้คนในบ้านสนใจ

แม่เจียงเดินไป เห็นว่าลูกชายกลับมาแล้ว เลยรีบโบกมือให้เขา “อี้ฟาน ทำไมยืนอยู่หน้าประตูล่ะ รีบเข้ามาสิ”

ตามหลักแล้ว เจียงอี้ฟานควรแกล้งทำเป็นความจำเสื่อมเหมือนก่อนหน้านี้

แต่ว่า พอเขาได้ยินกับหูว่าคุณแม่บอกว่าฉยงฉยงไม่ใช่น้องสาวเขา เจียงอี้ฟานเลยไม่อยากแกล้งอีก

เรื่องพวกนั้นเกี่ยวอะไรกับเขา สำนักไหนจะมีหนอนบ่อนไส้เกี่ยวอะไรกับเขา

เยี่ยนเฟิงโดนลอบทำร้าย แต่เขาก็ไม่สนใจ งั้นจะหาตัวการลับหลังนั่นอีกทำไม?

คนพวกนี้หาเรื่องไอ่ซัง ความสามารถของไอ่ซัง จะหาตัวการคนนั้นไม่เจอได้ยังไง พูดตามตรง เขาเป็นคนที่เห็นแก่ตัวอยู่แล้ว จะเสียคนที่รักไปแล้ว เขาจะทนอีกทำไม

“ฉยงฉยง ฉันมีอะไรจะพูดกับเธอ” ความรู้สึกของเจียงอี้ฟานเอ่อล้นออกมา ในสายตาเขามีความปล่อยวางกับความลึกซึ้ง

เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว

ในเมื่อเธอรู้หมดแล้ว งั้นเขาก็ไม่ต้องปิดบังคำพูดพวกนั้นอีก เขาจะบอกเธอเกี่ยวกับความหักห้ามใจที่มีแต่เธอ คำพูดที่เก็บไว้ในใจไม่ได้แล้ว

“อย่าพูด ฉันไม่อยากฟัง” เจียงฉยงฉยงห้ามเขาไว้

เธอก้มหน้าอย่างเย็นชา เอาแต่จ้องพื้น ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

เจียงอี้ฟานหยุดชะงัก เขาหักห้ามความเยือกเย็นในใจ แล้วพูดออกมาทีละคำ

“ทำไมล่ะฉยงฉยง ฉันรู้ว่าตอนนี้เธออาจจะยอมรับไม่ได้ที่เราไม่ใช่พี่น้องกัน แต่ฉยงฉยง ฉันรอเธอมาตั้งนาน เธอให้โอกาสฉันไม่ได้เหรอ?”

เจียงฉยงฉยงก้มหน้าไว้ ในตามีแต่น้ำตา ในใจก็เศร้ามาก

เธอจะให้โอกาสเขาได้ยังไง เพราะความรักของเขาเหรอ?

แต่เธอไม่กล้าเชื่อ ทั้งๆที่เขารู้ทุกอย่าง แต่กลับไม่บอกอะไรเธอเลย ในใจเธอ ความเชื่อใจที่มีต่อเขาเป็นศูนย์ เธอจะหลอกให้ตัวเองเชื่อเขาได้ยังไง

เจียงฉยงฉยงรู้แล้วว่าตอนนั้นเฉินเฉียวรู้สึกยังไงที่ซังหลินจวินไม่บอกอะไรเธอแล้วหมั้นกับเถียนเถียน

ความผิดหวังแบบนั้น ทำลายความเชื่อใจหมดเลย

อีกอย่าง เธอไม่เหมือนเฉียวเฉียว

ในท้องเธอยังมีลูก แล้วไม่ใช่ของเขาด้วย ถ้าวันหนึ่งเขาเกลียดเธอ งั้นลูกจะทำยังไง

เจียงฉยงฉยงไม่เคยรู้สึกได้สติขนาดนี้มาก่อน เรื่องทั้งหมดกำลังบอกเธอว่า เธอต้องปล่อยมือกับความรู้สึกที่มีต่อเขา

“พี่ ในใจหนู พี่เป็นพี่ชายตลอด ขอโทษนะคะ หนูเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์พี่ในใจไม่ได้” เสียงเจียงฉยงฉยงแหบ มองเขาทั้งน้ำตา

ดวงตาบวมแดงคู่นั้น ท่าทางที่ร้องไห้ทำให้เจียงอี้ฟานเจ็บใจ เขากำมือแน่น พยายามฝืนยิ้มอย่างขมขื่น

เขาพยักหน้า “ได้ เข้าใจแล้ว พี่จะไม่บังคับเราอีก”

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยนึกถึงสถานการณ์แบบนี้ แต่เขาเอาแต่ห้ามอารมณ์แบบนี้ไว้ไม่ให้มันหลุดออกมา

แต่ความจริงกลับทำให้เขาตื่น

เขาไม่สามารถโกหกตัวเองได้อีกว่า เธอยังรักเขา

เจียงอี้ฟานหันกลับไป เขาพยายามควบคุมสติ “ไปเถอะฉยงฉยง เดี๋ยวพี่ส่งเรากลับไป”

“ไม่ต้องหรอก หนูนั่งรถเฉียวเฉียวก็ได้” เจียงฉยงฉยงหันมองไปทางเฉียวเฉียว เห็นว่าทั้งสองกำลังฟังเธอกับพี่ชายคุยกัน ปากเลยกระตุก

เจียงอี้ฟานยังอยากพูดอีก แต่แม่เจียงเดินออกมาแล้วจับมือลูกชายไว้ “อี้ฟาน ทำไมลูกยังไม่เข้าไปอีกล่ะ พ่อลูกมีเรื่องจะคุยด้วย”

เจียงอี้ฟานเอามือออกจากคุณแม่ มองคุณแม่อย่างผิดหวัง เขาไม่เชื่อว่าเมื่อกี้แม่ได้ยินขนาดนั้นแล้ว ยังไม่รู้อีกว่าเขาไม่ได้ความจำเสื่อม

คุณแม่ทำแบบนี้ ก็แค่อยากให้เรื่องนี้ผ่านไปแล้วทำเหมือนไม่รู้

แต่ว่า จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ

เขาดึงมือออก แล้วเดินไปทางรถยนต์ที่จอดอยู่

พอเฉินเฉียวเห็นว่าเรื่องเป็นแบบนี้ เลยสะกิดซังหลินจวิน “เราส่งฉยงฉยงกลับไปเถอะ”

ซังหลินจวินหน้าบึ้ง “ไม่ได้ เธอต้องไปโรงพยาบาลก่อน เมื่อกี้เธอเป็นคนพูดเองว่ารอพวกเขาคุยกันเสร็จก่อนค่อยไป ตอนนี้เธอกลับคำ ฉันไม่เชื่อหรอก

เฉินเฉียวทำอะไรไม่ได้ ทำไมตอนที่เธอบาดเจ็บเขาต้องอารมณ์เสียด้วย ทั้งๆที่เป็นแผลเล็กๆ

พอเฉินเฉียวพูดแล้วไม่มีประโยชน์ ซังหลินจวินยืนยันว่าเธอต้องไปโรงพยาบาล เจียงฉยงฉยงเลยตามพวกเขาไปด้วย

พอตรวจอย่างละเอียดแล้ว แผลเฉินเฉียวไม่สาหัสมาก แค่ถลอกเล็กน้อย แต่ที่เวียนหัวก็เพราะสมองกระทบกระเทือนเล็กน้อย

พอซังหลินจวินได้ยินว่าสมองกระทบกระเทือน เกือบจะขังเธอไว้ในโรงพยาบาลแล้ว

หน้าประตูมีคนยืนอยู่สองคน คนหนึ่งอ่อนโยน อีกคนเข้มขรึม

แต่ว่าบนใบหน้าทั้งสองคนมีอารมณ์โกรธเหมือนกัน

ซังหลินจวินโกรธที่เฉินเฉียวไม่บอกอะไรเขาเลย แล้วมากับฉยงฉยงคนเดียว เหมือนไม่ใส่ใจเขาอย่างนั้น

แต่พอเปิดประตูแล้ว สายตาเห็นศีรษะเฉินเฉียวบาดเจ็บ ตาทั้งสองข้างเลยแดงแล้วถามเสียงเข้ม “เกิดเรื่องอะไร?”

เขาไม่สนเจียงฉยงฉยงที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วกอดตัวเธอไว้ อยากใช้มือแตะเบาๆ แต่ก็กลัวเธอเจ็บ

เฉินเฉียวกลับตกใจที่เขาแบบนี้ ท่าทางที่ลนลานของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเธอที่บาดเจ็บ เธอคงต้องสงสัยมากแน่ๆว่าเขาตกใจมากแค่ไหน

แต่พอเห็นสายตาที่เป็นห่วงของเขา เฉินเฉียวเลยหยุดบ่น เธอยื่นมือไปจับมือซังหลินจวินไว้ ประสานมือกับเขาแน่นๆแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน “อย่าเป็นห่วงฉันเลย ฉันไม่เป็นอะไร ก็แค่แผลถลอก”

พอซังหลินจวินได้ยินเลยจ้องเธออย่างโมโห “แค่แผลถลอกเหรอ เธอเป็นของฉัน เธอจะบาดเจ็บได้ยังไง”

คำพูดที่เขาประกาศเป็นเจ้าของทำให้เฉินเฉียวหูแดง รีบใช้มือปิดปากเขาไว้ “คำพูดพวกนี้นายพูดตรงนี้ได้ยังไง ไปเถอะ รีบไปเถอะ”

เทียบกับเฉินเฉียวกับซังหลินจวินที่สวีทหวาน เจียงอี้ฟานกับเจียงฉยงฉยงยืนอยู่ต่อหน้ากัน แต่กลับไม่พูดอะไรเลย

ประตูเปิดแค่ครึ่งเดียว เพราะเฉินเฉียวกับฉยงฉยงเอาแต่ยืนอยู่หน้าประตู เลยทำให้คนในบ้านสนใจ

แม่เจียงเดินไป เห็นว่าลูกชายกลับมาแล้ว เลยรีบโบกมือให้เขา “อี้ฟาน ทำไมยืนอยู่หน้าประตูล่ะ รีบเข้ามาสิ”

ตามหลักแล้ว เจียงอี้ฟานควรแกล้งทำเป็นความจำเสื่อมเหมือนก่อนหน้านี้

แต่ว่า พอเขาได้ยินกับหูว่าคุณแม่บอกว่าฉยงฉยงไม่ใช่น้องสาวเขา เจียงอี้ฟานเลยไม่อยากแกล้งอีก

เรื่องพวกนั้นเกี่ยวอะไรกับเขา สำนักไหนจะมีหนอนบ่อนไส้เกี่ยวอะไรกับเขา

เยี่ยนเฟิงโดนลอบทำร้าย แต่เขาก็ไม่สนใจ งั้นจะหาตัวการลับหลังนั่นอีกทำไม?

คนพวกนี้หาเรื่องไอ่ซัง ความสามารถของไอ่ซัง จะหาตัวการคนนั้นไม่เจอได้ยังไง พูดตามตรง เขาเป็นคนที่เห็นแก่ตัวอยู่แล้ว จะเสียคนที่รักไปแล้ว เขาจะทนอีกทำไม

“ฉยงฉยง ฉันมีอะไรจะพูดกับเธอ” ความรู้สึกของเจียงอี้ฟานเอ่อล้นออกมา ในสายตาเขามีความปล่อยวางกับความลึกซึ้ง

เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว

ในเมื่อเธอรู้หมดแล้ว งั้นเขาก็ไม่ต้องปิดบังคำพูดพวกนั้นอีก เขาจะบอกเธอเกี่ยวกับความหักห้ามใจที่มีแต่เธอ คำพูดที่เก็บไว้ในใจไม่ได้แล้ว

“อย่าพูด ฉันไม่อยากฟัง” เจียงฉยงฉยงห้ามเขาไว้

เธอก้มหน้าอย่างเย็นชา เอาแต่จ้องพื้น ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

เจียงอี้ฟานหยุดชะงัก เขาหักห้ามความเยือกเย็นในใจ แล้วพูดออกมาทีละคำ

“ทำไมล่ะฉยงฉยง ฉันรู้ว่าตอนนี้เธออาจจะยอมรับไม่ได้ที่เราไม่ใช่พี่น้องกัน แต่ฉยงฉยง ฉันรอเธอมาตั้งนาน เธอให้โอกาสฉันไม่ได้เหรอ?”

เจียงฉยงฉยงก้มหน้าไว้ ในตามีแต่น้ำตา ในใจก็เศร้ามาก

เธอจะให้โอกาสเขาได้ยังไง เพราะความรักของเขาเหรอ?

แต่เธอไม่กล้าเชื่อ ทั้งๆที่เขารู้ทุกอย่าง แต่กลับไม่บอกอะไรเธอเลย ในใจเธอ ความเชื่อใจที่มีต่อเขาเป็นศูนย์ เธอจะหลอกให้ตัวเองเชื่อเขาได้ยังไง

เจียงฉยงฉยงรู้แล้วว่าตอนนั้นเฉินเฉียวรู้สึกยังไงที่ซังหลินจวินไม่บอกอะไรเธอแล้วหมั้นกับเถียนเถียน

ความผิดหวังแบบนั้น ทำลายความเชื่อใจหมดเลย

อีกอย่าง เธอไม่เหมือนเฉียวเฉียว

ในท้องเธอยังมีลูก แล้วไม่ใช่ของเขาด้วย ถ้าวันหนึ่งเขาเกลียดเธอ งั้นลูกจะทำยังไง

เจียงฉยงฉยงไม่เคยรู้สึกได้สติขนาดนี้มาก่อน เรื่องทั้งหมดกำลังบอกเธอว่า เธอต้องปล่อยมือกับความรู้สึกที่มีต่อเขา

“พี่ ในใจหนู พี่เป็นพี่ชายตลอด ขอโทษนะคะ หนูเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์พี่ในใจไม่ได้” เสียงเจียงฉยงฉยงแหบ มองเขาทั้งน้ำตา

ดวงตาบวมแดงคู่นั้น ท่าทางที่ร้องไห้ทำให้เจียงอี้ฟานเจ็บใจ เขากำมือแน่น พยายามฝืนยิ้มอย่างขมขื่น

เขาพยักหน้า “ได้ เข้าใจแล้ว พี่จะไม่บังคับเราอีก”

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยนึกถึงสถานการณ์แบบนี้ แต่เขาเอาแต่ห้ามอารมณ์แบบนี้ไว้ไม่ให้มันหลุดออกมา

แต่ความจริงกลับทำให้เขาตื่น

เขาไม่สามารถโกหกตัวเองได้อีกว่า เธอยังรักเขา

เจียงอี้ฟานหันกลับไป เขาพยายามควบคุมสติ “ไปเถอะฉยงฉยง เดี๋ยวพี่ส่งเรากลับไป”

“ไม่ต้องหรอก หนูนั่งรถเฉียวเฉียวก็ได้” เจียงฉยงฉยงหันมองไปทางเฉียวเฉียว เห็นว่าทั้งสองกำลังฟังเธอกับพี่ชายคุยกัน ปากเลยกระตุก

เจียงอี้ฟานยังอยากพูดอีก แต่แม่เจียงเดินออกมาแล้วจับมือลูกชายไว้ “อี้ฟาน ทำไมลูกยังไม่เข้าไปอีกล่ะ พ่อลูกมีเรื่องจะคุยด้วย”

เจียงอี้ฟานเอามือออกจากคุณแม่ มองคุณแม่อย่างผิดหวัง เขาไม่เชื่อว่าเมื่อกี้แม่ได้ยินขนาดนั้นแล้ว ยังไม่รู้อีกว่าเขาไม่ได้ความจำเสื่อม

คุณแม่ทำแบบนี้ ก็แค่อยากให้เรื่องนี้ผ่านไปแล้วทำเหมือนไม่รู้

แต่ว่า จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ

เขาดึงมือออก แล้วเดินไปทางรถยนต์ที่จอดอยู่

พอเฉินเฉียวเห็นว่าเรื่องเป็นแบบนี้ เลยสะกิดซังหลินจวิน “เราส่งฉยงฉยงกลับไปเถอะ”

ซังหลินจวินหน้าบึ้ง “ไม่ได้ เธอต้องไปโรงพยาบาลก่อน เมื่อกี้เธอเป็นคนพูดเองว่ารอพวกเขาคุยกันเสร็จก่อนค่อยไป ตอนนี้เธอกลับคำ ฉันไม่เชื่อหรอก

เฉินเฉียวทำอะไรไม่ได้ ทำไมตอนที่เธอบาดเจ็บเขาต้องอารมณ์เสียด้วย ทั้งๆที่เป็นแผลเล็กๆ

พอเฉินเฉียวพูดแล้วไม่มีประโยชน์ ซังหลินจวินยืนยันว่าเธอต้องไปโรงพยาบาล เจียงฉยงฉยงเลยตามพวกเขาไปด้วย

พอตรวจอย่างละเอียดแล้ว แผลเฉินเฉียวไม่สาหัสมาก แค่ถลอกเล็กน้อย แต่ที่เวียนหัวก็เพราะสมองกระทบกระเทือนเล็กน้อย

พอซังหลินจวินได้ยินว่าสมองกระทบกระเทือน เกือบจะขังเธอไว้ในโรงพยาบาลแล้ว

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset