ตามหลักแล้ว เป็นว่าที่สามีภรรยากัน พอรู้ว่าภรรยาเหนื่อยเพื่อเขาขนาดนี้ ควรปลอบใจเธอไม่ใช่เหรอ
แต่กู้ซีกลับเอาแต่เหลือบมองห้องลองชุด จนตอนที่หันกลับมาเจียงฉยงฉยงก็รู้สึกได้ เธอขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “กู้ซี นายทำอะไร? นายอย่าบอกฉันนะว่านายอยากแอบดูเฉียวเฉียว ฉันบอกนายไว้เลย เฉียวเฉียวเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ถ้านายกล้าคิดอะไรกับเธอ ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่”
เจียงฉยงฉยงไม่รู้สึกอะไรกับกู้ซีอยู่แล้ว ถ้าเขากล้าคิดอะไรจริงๆ เจียงฉยงฉยงก็จะยกเลิกงานแต่งนี้ทันที
กู้ซีเหมือนเข้าใจว่าเธอคิดอะไร เลยรีบเก็บสายตากลับมาแล้วพูดล้อเล่น “ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอต้องหึง เธอไว้ใจเถอะ ในใจฉันมีแค่เธอคนเดียว ผู้หญิงคนอื่นจะเทียบกับเธอได้ยังไง”
เจียงฉยงฉยงเบะปากอย่างไม่เชื่อ ไม่ใส่ใจคำพูดของเขาเลย
พอเห็นสายตาที่ไม่แยแสของฉยงฉยง ในตากู้ซีเลยแฝงไปด้วยความเสียดสีมีเลศนัย
ยังโชคดีที่เฉินเฉียวเปิดประตูออกมาพอดี
ตอนที่เฉินเฉียวเดินออกมา เพราะเจียงฉยงฉยงดูไปหลายชุดแล้วเลยเหนื่อยตา แต่เพื่อให้กำลังใจเพื่อนตัวเอง เจียงฉยงฉยงก็ยังปรบมือให้ “สวย สวยจริงๆ เฉียวเฉียวถ้าแกใส่ชุดนี้ต้องสวยที่สุดในงานแน่ๆ”
เฉินเฉียวถือชายกระโปรงเดินมาแล้วมองบนใส่เธอ “งานแต่งแก ฉันจะสวยที่สุดทำไม ช่างเถอะ ถึงเวลาฉันทำตัวเงียบๆแล้วกัน”
เธอส่องกระจก เห็นว่าชุดเดรสสีชมพูนี้แนบตัวมาก จนเห็นหุ่นเธอหมด อยู่ๆเธอก็คิดได้ ถ้าซังหลินจวินเห็นเธอใส่ชุดนี้จะแสดงสีหน้ายังไง
เธอแค่ลองจินตนาการหน้าก็แดงแล้ว
ตอนที่เฉินเฉียวเหม่อ เจียงฉยงฉยงก็มองสำรวจเฉินเฉียว ตอนที่ทั้งสองไม่รู้ตัว ในตาผู้ชายข้างๆกลับมีประกาย
สายตาที่เร้าร้อนของกู้ซีมองเห็นหุ่นนั้นจนอยากจะกลืนกิน อาจจะเพราะรู้สึกตัว เขาเลยรีบดึงสายตากลับมา แล้วแอบคิดในใจต่อ
ตอนที่เจียงฉยงฉยงกับกู้ซีไปถ่ายรูป เฉินเฉียวก็แอบซื้อสุดเมื่อกี้ที่ลอง แถมยังถามพนักงานด้วยว่ามีสีแดงหรือเปล่า
พอได้คำตอบแล้ว เธอก็ซื้ออีกชุดอย่างไม่ลังเลเลย
ตอนจะกลับ ซังหลินจวินก็มารับเธอก่อนเวลา
พอเห็นร่างซังหลินจวินแล้ว เฉินเฉียวเห็นปุ๊บก็มุดเข้ารถปั๊บ จนซังหลินจวินตกใจ
ก่อนขึ้นรถ เธอยังหันไปถามเจียงฉยงฉยงอีกว่า “วันนี้พวกแกเป็นอะไรหรือเปล่า?”
เจียงฉยงฉยงส่ายหน้า “เปล่า แค่ลองชุดเยอะเกินไป”
เจียงฉยงฉยงเลยนึกขึ้นได้ว่าซังหลินจวินกับเฉินเฉียวยังไม่ได้แต่งงานกันจริงๆ เลยเอ่ยเตือนว่า “คุณชายซังคะ คุณมีลูกกับเฉียวเฉียวตั้งสองคนแล้ว ทำไมยังไม่จัดงานแต่งให้เธออีกล่ะ หรือว่าคุณไม่รู้ว่าสำหรับผู้หญิง เธอรอคอยงานแต่งขนาดไหน?”
ซังหลินจวินยิ้มอย่างขมขื่น
เขาจะไม่ยอมได้ยังไง แต่ปัญหาคือเฉินเฉียวไม่รับต่างหาก
แต่ว่าเรื่องพวกนี้ เขาไม่บอกเจียงฉยงฉยง แค่พยักหน้ากับเธอว่าเข้าใจแล้ว
ก่อนกลับไป ซังหลินจวินก็แอบไปคุยอะไรบางอย่างกับพนักงาน
เฉินเฉียวรอเขากลับมาแล้วถามอย่างสงสัย “ทำไมนายอยู่ในนั้นนานจัง มีอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไร” ซังหลินจวินส่ายหน้า
เฉินเฉียวเอียงหัว ในสายตาเขียนว่าไม่เชื่อ แต่เฉินเฉียวรู้ดี ถ้าซังหลินจวินไม่อยากพูด ถึงเธอจะบังคับเขา เขาก็คงไม่พูดความจริงหรอก
แล้วในขณะนั้น เฉินเฉียวคงลืมไปว่า เขาเคยบอกเธอว่าจะไม่โกหกเธออีก
ถ้าเธอถามจริงๆ ซังหลินจวินก็จะไม่ปิดบัง
แต่เฉินเฉียวก็ปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปอย่างไม่รู้เรื่อง
จนกระทั่งวันต่อมาที่ป้ามั่วเรียกเธอ
“ใครซื้อเสื้อผ้าเยอะขนาดนี้เนี่ย” เห็นถุงวางเต็มห้องโถง เฉินเฉียวหยิบออกมาดู พอเห็นว่าเป็นชุดเพื่อนเจ้าสาว เลยรีบเอาถุงอื่นออกมาดูด้วย เลยเห็นว่าเป็นชุดเพื่อนเจ้าสาวหมดเลย แล้วรู้สึกคุ้นๆด้วย
เฉินเฉียวดึงสติกลับมา เธอลุกขึ้นมองชุดพวกนั้น นี่เป็นชุดที่เธอลองเมื่อวานไม่ใช่เหรอ
คิดไม่ถึงจริงๆ หลินจวินจะซื้อทุกชุดที่เธอลองกลับมา
ตาเฉินเฉียวกระตุก หักห้ามความดีใจไม่ไหว
รอตอนที่ซังหลินจวินกลับจากที่ทำงานมากินข้าว เลยเห็นเทียนหอมสีขาววางเต็มโต๊ะอาหาร
ซังหลินจวินอึ้ง แต่เขาก็รู้ว่านี่ใครเป็นคนทำ
ในใจเลยแอบสงสัย เขาอยากดูว่าเฉินเฉียวจะเซอร์ไพรส์อะไรเขา น่าตั้งตารอจริงๆ
ไม่นาน ก็มีเสียงดนตรีบรรเลงขึ้น
เฉินเฉียวใส่ชุดเพื่อนเจ้าสาวสีแดงเดินลงมาจากบันได
ครึ่งบนประดับด้วยเกร็ดปลา แสงเทียนสีขาวส่องไปจนทำให้เกิดประกาย ชุดเดรสสีแดงก็พริ้วไปมาตอนที่เธอเดิน
ซังหลินจวินรู้สึกว่าเขาหลงไหลกับเธอมาก
บนหน้าเฉินเฉียวแต่งหน้าสวยมาก แล้วกรีดอายไลเนอร์ยาวเลยขอบตา
สีปากก็น่าดึงดูด จนอยากให้คนอื่นมาลิ้มลองอย่างนั้น
ตอนที่เฉินเฉียวเดินไปหาซังหลินจวิน เธอก็นิ้วมือที่เรียวยาวดึงเน็กไทของซังหลินจวินที่ปลดออก
พอออกแรงดึง ซังหลินจวินก็มาตามแรงเธอ
เฉินเฉียวเลิกคิ้วจงใจเอ่ย “ทำไมผู้บริหารซังทนกับการยั่วแบบนี้ไม่ได้เลยล่ะคะ อยากจะกดฉันลงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ซังหลินจวินยิ้มอย่างมีเลศนัย ฝ่ามือไปกอดเอวของเฉินเฉียวตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
มือก็เอาแต่จับเอวเธอจนเฉินเฉียวรู้สึกจักจี้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เฉินเฉียวก็ไม่ยอมเขา
เธอกลับปล่อยตัวไปในอ้อมกอดเขา แขยงเท้าขึ้น ใช้ริมฝีปากแหย่ที่หูของซังหลินจวินเลยเอ่ย “ร้อนจัง”
จากนั้นก็ลากเสียงสาว
“เจ้าเล่ห์จริงๆ” ซังหลินจวินห้ามความอยากของตัวเองไม่ได้แล้ว
จากนั้นก็กดตัวเธอลงกลางห้องโถง แล้วก้มมองเธอ “วันนี้เธอปล่อยสัตว์ร้ายในตัวฉันออกมา เธอต้องกำจัดมันทิ้ง”
เฉินเฉียวคล้องคอเขาไว้ “วันนี้เป็นวันของนาย”