มองไปที่เฉินเฉียวด้วยความสับสนเขาถามว่า: “เฉียวเฉียวคุณตาถึงจริงๆ ภาพวาดที่คุณถือนี้ผมไปประมูลมาจากอิตาลีครั้งที่แล้ว”
เฉินเฉียวกลอกตาแล้วลูบตราประทับสีแดงที่นักวาดทำทิ้งไว้ด้วยปลายนิ้วเรียวๆแล้วพูดว่า “ไม่คิดว่าชื่อนี้คุ้น ๆ หรอ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นซังหลินจวินก็เหลือบมองไปที่บนภาพเป็นสิ่งที่เฉินเฉียวบอกเขาเมื่อไม่นานมานี้ไม่ใช่หรอ?
“เฉียวเฉียวนี่คือภาพวาดของคุณ”ดวงตาของซังหลินจวินเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เขาเคยเห็นแบบการวาดของเธอ แต่เขาไม่ค่อยเห็นเธอวาดภาพจีน
ดูเหมือนว่ากรอบแบบนี้เธอไม่เคยวาด
“เฉียวเฉียวคุณทำให้ผมประหลาดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ “เขาจะไม่ภูมิใจกับผู้หญิงของตัวเองที่เก่งขนาดนี้ได้ยังไงเมื่อเห็นว่าเฉียวเฉียวเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆ
เฉินเฉียวฮึดฮัดเบา ๆ พร้อมกับนัยน์ตาไม่พอใจ: “ตอนนี้คุณรู้แล้วหรือยัง?”
ซังหลินจวินต้องการที่จะง้อเธอ แต่เมื่อเขาพบว่าเหมิงเหมิงกระพริบตาและมองพวกเขาอย่างอยากรู้อยากเห็นเขาก็วางมือปิดตาเล็ก ๆ ของเหมิงเหมิงและโน้มตัวเข้ามาและจูบเธอเบา ๆ
ด้วยการจูบที่ยากลำบากเช่นนี้เฉินเฉียว ทำได้เพียงแค่ปล่อยให้ตัวเองเข้าใกล้มากขึ้นเท่านั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ซังหลินจวินล้มทับลูกสาวของเธอ
เธอคร่ำครวญในปากทั้งสองคนที่จูบกันนานจนลืมลูกสาวไปแล้วในที่สุดก็ละจากกันหลังจากมองหน้ากันเฉินเฉียว ก็พาลูกสาวของเธอออกไปทันทีและเดินออกจาห้องทำงานของซังหลินจวิน
ซางหลินจุนยืนอยู่ข้างโต๊ะทำงานเก็บภาพวาดของเฉินเฉียวและต้องการนำภาพเหล่านี้ไปไว้ที่อื่น แต่เสียงของความไม่พอใจของลูกสาวของเขาดังมาจากด้านนอกประตู
“แม่ หนูยังไม่ได้ดูภาพวาดที่พ่อจะให้ดูเลย”น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยคำบ่นเล็ก ๆ
มองไม่เห็นแต่ก็นึกภาพออกตอนนี้ลูกสาวเขา ต้องยืนเท้าเอว เบ้ปาก หน้าบึ้งแน่ๆ
ภาพที่น่าสนใจนี้ทำให้อารมณ์ดี ซังหลินจวินเก็บภาพวาดและเดินลงไปชั้นล่าง
เพราะเรื่องภาพวาดนั้นทำให้ทั้งสองใกล้ชิดกันมากขึ้น
ซังหลินจวินรู้สึกได้แล้วว่าเขาอยู่ห่างจากหัวใจของเฉินเฉียวเพียงก้าวเดียว
เขาไม่รีบร้อนอีกต่อไปเพราะเขารู้ดีว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นความรู้สึกของเขาที่มีต่ออีกฝ่ายจะไม่เปลี่ยนไป
ในที่สุดเจียงฉยงฉยงก็หายไปจากเมืองเป่ยเฉิงเนื่องจากเหตุการณ์ในตอนนั้นถูกเปิดเผยซึ่งทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่
ความผันผวนครั้งใหญ่เกิดขึ้นในครอบครัวของเจียง พ่อเธอซึ่งกำลังตามหาภรรยา กลัยมาถึงก่อน
เจียงอี้เอาแต่สนใจแต่ลูกชายของเขามาโดยตลอดและเขาไม่เข้าใจเรื่องของบริษัท และเนื่องจากมีข่าวเรื่องลูกสาวของเขา พ่อของเจียงอี้ฝานมักจะโดนมองด้วยสายตาแปลกๆ
โชคดีที่เจียงอี้ฝานทิ้งคนที่ไว้ใจได้และช่วยเหลือเขาทำให้บริษัทเจียงอี้กลับมาเสถียรในที่สุด
ท้ายที่สุดก็ขาดเพียงกระดูกสันหลังเท่านั้นการมาของพ่อเจียงอี้ฝานทำให้ทุกคนมีความหวัง
เมื่อซังหลินจวินรู้เรื่องนี้เขาก็ยังค่อนข้างประหลาดใจ
เดิมทีเขาคิดว่าถ้าตระกูลเจียงเกิดปัญหาเขาจะต้องไปช่วย แต่เขาคิดไม่ถึงว่า จะไม่ได้รับโอกาสนั้น
หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้วซังหลินจวินก็ตระหนักได้
เหมือนว่าอี้ฝานจะเตรียมไปตั้งนานแล้ว
ไม่รู้ว่าถ้าวันนั้นถ้าไม่เกิดเรื่อง เขาจะหนีตามกันไปหรือไม่
สามเดือนต่อมา
การพัฒนาส่วนสุดท้ายของเซินซิงจิ่วเทียนซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ซังหลินจวินและซังอวิ๋นได้เข้าสู่ช่วงการตรวจสอบขั้นสุดท้ายของตลาดในที่สุด
เกมเริ่มเข้าสู่ช่วงเปิดทดลองให้เล่น
ในวันนี้ขณะที่ เฉินเฉียวกำลังช่วย ซังหลินจวิน แปลเอกสารจู่ๆ ซังหลินจวิน ก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้เธอ
อะไรหรอเฉินเฉียววางเอกสารหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถามอย่างสงสัย
สองสามเดือนนี้งานวาดภาพไม่ได้ทำทุกวันเมื่อเฉินเฉียว ว่างเธอก็จะแปลเอกสารให้ซังหลินจวินเมื่อมีการแปลสิ่งต่างๆมากขึ้นทักษะของเฉินเฉียวก็มีความชำนาญมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนนี้เธอสามารถแปลเอกสารเหล่านั้นได้โดยตรงโดยไม่ต้องใช้ไป่ตู้
เดิมทีวันนี้เฉินเฉียวต้องการไปซื้อของให้เหมิงเหมิงหลังจากแปลเอกสารเสร็จ
เพราะเหมิงเหมิงจะเข้าโรงเรียนแล้ว
แม้ว่าจะเป็นโรงเรียนอนุบาล แต่ในฐานะแม่ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องเตรียมทุกอย่างล่วงหน้า
ตอนเที่ยงเธอได้พูดกับหลินจวินแล้วดังนั้นเฉินเฉียวจึงไม่เข้าใจว่าทำไม เฉินเฉียวจึงหยิบโทรศัพท์ส่งให้เธอ
“เวอร์ชันทดลองของเซินซิงจิ่วเทียนผมให้รหัสNPCของจีเอ็มคุณอยากลองเล่นไหม”ซังหลินจวินยิ้มมุมปากพร้อมสายตาขี้เล่น
“จริงหรอ?” เวอร์ชันเบต้า ว้าว หลินจวินคุณเก่งจังเลย “ทันทีที่ได้ยินว่าเป็นเวอร์ชันเบต้าของเซินซิงจิ่วเทียน เฉินเฉียวก็รีบไปจุ๊บเขาทันที
เกือบทุกคนจะเล่นเกม “เซินซิงจิ่วเทียน” รหัสทดลองสำหรับเวอร์ชันพัฒนาใหม่จึงขาดตลาด
แต่เนื่องจากเมื่อวางจำหน่ายเพียง 30,000 รหัสเท่านั้น
คนที่แย่งมาได้มี หนึ่งในหมื่นคน
ซังหลินจวินมีความสุขในหัวใจ แต่เขาไม่ได้เปิดเผย
หลังจากที่เฉินเฉียวจูบซังหลินจวินหลายครั้งเธอก็ทุ่มเทให้กับเกมนี้ ซังหลินจวินไม่รบกวนเธอและกลับไปทำงานอีกครั้ง
เขายิ้มมุมปาก
อยากจะทิ้งให้เขาไว้แล้วไปซื้อของให้เหมิงเหมิงคนเดียว ไม่ให้ไปหรอก
ซังหลินจวินไม่บอกเฉินเฉียว ว่าเขาได้รับรหัสนานแล้วและเหตุผลที่เขาเอาออกมาตอนนี้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเธอ
หลังจากที่ซังหลินจวินจัดการเอกสารที่กองไว้ทั้งหมดแล้วเขาก็ลุกขึ้นและเดินไปที่โต๊ะของ เฉินเฉียวเคาะที่มุมโต๊ะของเธอ
เฉินเฉียว กลับมามีสติอีกครั้งและกระซิบ: “แย่แล้วฉันลืมแปลเอกสารแล้วต้องไปซื้อของเตรียมไว้ให้เหมิงเหมิงไปโรงเรียนอีก”
ซังหลินจวินปลอบเธอและแตะศีรษะของเธอแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมพาคุณไปตอนนี้”
“แต่เอกสารยังไม่ได้แปล”เฉินเฉียวกล่าวด้วยใบหน้าเศร้า
“ไปเถอะพรุ่งนี้ ค่อยแปล เอกสารนี้ไม่รีบหรือไม่ก็เอากลับไปทำที่บ้านก็ได้ซังหลินจวินต้องการเกลี้ยกล่อมให้เฉินเฉียวทำพรุ่งนี้ แต่เมื่อนึกถึงนิสัยดื้อรั้นของเธอเขาจึงพูดเสริม
เฉินเฉียวขมวดคิ้วและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะออกไปยังไงซะก็เหลืออีกไม่มาก ถ้าเอากลับไปทำที่บ้าน อาจจะลืม
ท้ายที่สุดแล้วความทรงจำในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาแย่มาก
ไม่น่าละมีคนบอกว่า คลอดลูกแล้วจะโง่ไปสามปี เธอคลอดลูกสองคน น่าจะโง่ไปหกปีเลย
รอจนเฉินเฉียวแปลเอกสารเสร็จหมด ก็ผ่านไปสิบนาทีแล้ว
ไม่ว่าจะรีบแค่ไหน ก็ต้องตั้งใจและจริงจัง
หลังจากการตรวจสอบอย่างรอบคอบจะพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติกับเอกสารแล้ว