แต่ถึงแม้ในใจจะมีความรู้สึกซับซ้อนและยากที่จะบรรยายต่อซังอวิน แต่ถ้าเขาอยากให้ความซาบซึ้งเหล่านั้นเป็นการมอบเฉินเฉียวให้กับเขา นั่นก็เป็นไปไม่ได้แน่นอน
ซังหลินจวินคิด ในเมื่อเขาช่วยเฉียวเฉียวมากมายที่อิตาลี งั้นคราวหน้าร่วมงานกับเขา ก็ให้เขาเพิ่มสิบเปอร์เซ็นต์แล้วกัน
สิ่งของชดเชยความรู้สึกไม่ได้ ก็ใช้เงินแล้วกัน ยังไงแล้วนอกจากคนในครอบครัว เขาก็เหลือแค่เงินเท่านั้น
ซังหลินจวินหรี่ตาเล็กน้อย แอบถามเฉียวเฉียวด้วยสีหน้าสงสัยว่าคนที่ช่วยเธอในตอนนั้นคือใคร พูดแทรกขึ้นโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “เธอกลับมาจากอเมริกา ไม่ได้บอกหลินหย่วน เขารู้เรื่องที่เธอกลับมาหรือยัง?”
ตอนนี้คนที่ซังเวยกลัวมากที่สุดคือใคร ซังหลินจวินรู้ดีอย่างมาก
ถึงหลินหย่วนจะเป็นคนค่อนข้างอ่อนโยน โย่วอีก็ชอบเขา แต่ถ้ารู้ว่าซังเวยกลับมาจากอเมริกาแล้วไม่บอกสักคำ เกรงว่าจะรีบมาหาเธอทันที
ได้ยินชื่อสามีตัวเอง สีหน้าซังเวยก็เปลี่ยนไปทันที พูดขึ้นขอร้องขมขื่น “พี่ พี่ไม่ได้ใจแคบขนาดนั้นใช่ไหม ยังไงเราก็เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็กๆ ห้ามเพิกเฉยฉันสิ”
ตอนแรกที่ซังเวยไปอเมริกาก็เพราะทะเลาะกับสามี ก่อนไปต่างประเทศ ซังเวยก็ตั้งท้องลูกคนที่สอง แต่เพราะลูกคนแรกคลอดยากและอันตรายมาก ทำให้หลังจากรู้ว่าซังเวยตั้งท้องลูกคนที่สอง หลินหย่วนจึงดูแลเธอเข้มงวดมาก
จองแผนฝึกอบรมคลอดบุตรให้เธอทุกวัน ให้พักผ่อนตรงเวลา กินข้าวตรงเวลา สิ่งที่ควรทำ ไม่ควรแตะต้อง จดไว้ทั้งหมด
ก่อนหน้านี้ซังเวยชอบให้เขาดูแลแบบนี้มากจริงๆ ยังไงก็เป็นคนที่เธอชอบ เขาดูแลเธอ แปลว่าเขาใส่ใจเธอ
แต่หลังจากท้องลูกคนที่สอง ซังเวยก็เกลียดที่เขาเอาแต่เฝ้าดูอย่างใกล้ชิด เหมือนเฝ้าดูนักโทษยังไงอย่างงั้น ดังนั้นสองสามวันผ่านไป ซังเวยก็ฉวยโอกาสตอนที่หลินหย่วนไปทำงานที่โรงพยาบาล ก็แอบหยิบพาสปอร์ตแล้วไปต่างประเทศ
เธอไปต่างประเทศได้หนึ่งเดือน แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ หนึ่งเดือนนี้หลินหย่วนไม่ได้มาหาเธอที่อเมริกาเลย
ซังเวยทั้งโกรธ ทั้งน้อยใจ
เมื่อได้รับโทรศัพท์จากที่บ้านบอกว่าจะจัดงานเลี้ยงประจำปี ก็ตัดสินใจทันที ก็เก็บข้าวเก็บของมาจิ้งหย่วน
ซังหลินจวินรู้เรื่องระหว่างซังเวยและหลินหย่วน แต่เขาไม่ชอบลูกพี่ลูกน้องคนนี้มาตลอด เขาจึงพูดอย่างไม่ให้เกียรติเลยสักนิด “ถ้าวันนี้เธอทำตัวดีๆ ไปที่ที่ฉันเตรียมไว้ให้เธอ ฉันจะไม่บอกเขาเรื่องที่เธอกลับมา แต่ถ้าเธออยากอยู่จิ้งหย่วน ฉันก็อาจจะต้องบอกเขา”
เมื่อซังเวยได้ยิน ก็รีบยิ้มแล้วพูดขึ้น “พี่ ฉันไม่พูดแล้ว ฉันจะย้ายเดี๋ยวนี้”
ซังเวยเอาของมาน้อยตลอด แค่หยิบกระเป๋าเงินหนึ่งใบ แล้วรีบเดินไปที่ประตูทางเข้าอย่างรวดเร็ว
ซังหลินจวินเดินมาแล้วพูดกับลุงฟู่ที่อยู่ข้างๆ “ลุงฟู่ คุณไปส่งซังเวยที่บ้านเขต A ย่านใจกลาง นี่กุญแจ รีบไปรีบกลับ”
ลุงฟู่รับกุญแจมาแล้วก็พยักหน้าอย่างจริงจัง
เมื่อซังเวยเดินออกไปจากประตูไม่เห็นเงาแล้ว ซังหลินจวินก็ลูบศีรษะเฉินเฉียวแล้วพูดขึ้น “วันนี้จู่ๆ ซังเวยก็มาที่บ้าน เธอต้องตกใจแน่เลยใช่ไหม ฉันก็ไม่คิดว่าเธอจะมาที่นี่ ถ้ารู้ตั้งนานแล้วว่าหล่อนจะไม่มีอะไรทำแล้วไปไหนมาไหนซี้ซั้ว ฉันคงบอกเธอนานแล้ว”
เฉินเฉียวส่ายหน้าพูดขึ้น “ไม่เป็นไร ถึงซังเวยจะหยิ่งและเอาแต่ใจบ้าง แต่ก็คุยกันดีมาก”
“มันเป็นสิ่งที่เธอรู้สึก” ซังหลินจวินส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง สำหรับผู้หญิงที่มีนิสัยร่าเริงแบบซังเวย เขาขอบคุณไม่ลงจริงๆ
“จริงสิ เฉียวเฉียว วันนี้เธอไม่โทรหาคนพวกนั้นเหรอ?” ซังหลินจวินถามขึ้นทันที
เขารู้ดีว่าช่วงนี้เฉียวเฉียวใช้ความพยายามมากแค่ไหนเพื่องานเลี้ยงประจำปี ไม่ใช่แค่ต้องเรียนรู้เรื่องอาหารเท่านั้น
แต่ยังต้องโทรหาคนที่เตรียมส่งของพวกนั้นด้วย ถามรายละเอียดเวลาของพวกเขา
ไม่บ่อยนักที่วันนี้ไม่ได้โทรศัพท์ จึงแปลกใจอย่างแน่นอน
เมื่อเฉินเฉียวได้ยินหลินจวินถามเรื่องนี้ ก็จูงมือเขาเดินไปที่ประตูทางเข้าทันที
สถานที่วางพรมเข้าประตูตรงประตูใหญ่นั้นสะดุดตาอย่างมาก
เธอชี้ไปที่ห้องแล้วพูดขึ้น “หลินจวิน บ้านเราเกิดการเปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้ นี่คุณมองไม่ออกสักนิดเลยเหรอ? คุณเห็นกำแพงม่านสีแดงสดกลายเป็นสีเหลืองทอง ดูแล้วได้บรรยากาศมากเลย พรมฉันเปลี่ยนเป็นพรมเปอร์เซีย เพื่อให้มีความหมายที่ดี ตั้งใจเลือกมังกรและหงส์นำพาความเจริญ ส่วนพวกเหล้า ฉันใส่ไว้ในตู้เก็บเหล้า คุณอยากไปดูไหม”
ซังหลินจวินเห็นท่าทางพูดคุยอย่างอิสระของเฉียวเฉียว ขณะที่ชื่นชมท่าทางจริงจังและมั่นใจของเธอ ก็รู้สึกแย่เล็กน้อยไปด้วย ที่เรื่องทั้งหมดในครอบครัวให้เธอรับผิดชอบเพียงคนเดียว
ดึงมือเธอจูงเธอไปนั่งโซฟา จากนั้นก็เอาสองมือวางบนไหล่เธอ มือใหญ่หนาของซังหลินจวินนวดไหล่เธอเบาๆ
เฉินเฉียวตกใจกับท่าทางแบบนี้ของหลินจวิน เพราะไม่กี่วันนี้พักผ่อนไม่ดี เมื่อมือเขานวดไหล่เธอ ทันใดนั้นก็เจ็บ ทำให้เฉินเฉียวสูดปากหายใจทันที
“เฉียวเฉียว เธอเป็นอะไร บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวของเฉียวเฉียว ทั้งร่างซังหลินจวินก็ตกใจสะดุ้ง ลุกจากโซฟาอ้อมมาตรงหน้าเฉินเฉียว ย่อตัวลง ตรวจสอบอาการเธอ
แค่ซังหลินจวินไม่เห็นว่าเฉินเฉียวบาดเจ็บตรงไหน แค่ดึงเธอขึ้นมา สองมือคลำบนไหล่เธอ กังวลอย่างเห็นได้ชัดว่าเธอได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือไม่
“หลินจวิน คุณอย่ากระต่ายตื่นตูมสิ ฉันไม่เป็นไร แค่เมื่อวานนอกตกหมอน เลยปวดไหล่นิดหน่อย” เฉินเฉียวตกใจเพราะเขา รีบดึงเขาขึ้นมา
พูดตามตรง ตอนที่เห็นหลินจวินย่อตัวตรงหน้าเธอกับตาตัวเอง ในใจเฉินเฉียวก็อึดอัดมาก
อาจจะเพราะเขามีภาพลักษณ์ที่สูงใหญ่ในใจเธอมาตลอด เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรล่ะ
ซังหลินจวินขมวดคิ้ว บนใบหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “เฉียวเฉียว ถ้าเธอป่วยหรือบาดเจ็บ ฉันอยากให้เธอบอกฉันให้เร็วที่สุด ฉันไม่อยากให้เธอปิดบังฉัน โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพร่างกาย”
นึกถึงวันนี้ถ้าซังเวยไม่ได้เปิดปมให้เฉียวเฉียวพูด เกรงว่าเขาจะไม่รู้ตลอดไป ว่าตอนแรกเฉียวเฉียวจ่ายไปมากเท่าไรเพื่อลูก
ในเรื่องนี้ เขาต้องขอบคุณซังเวย
เฉินเฉียวรู้ว่าเขาเป็นห่วงตน จึงพยักหน้า
เพราะเรื่องสุขภาพร่างกายเฉียวเฉียว แม้เฉียวเฉียวบอกว่าไม่เป็นไร ซังหลินจวินก็ยังเอาแต่ใจสั่งให้เธอไปพักฟื้นที่บ้าน เพื่อไม่ให้เธอแอบไปทำอะไรเหนื่อยๆ เขาเตรียมคนให้ดูแลเธอที่บ้านโดยเฉพาะด้วย
แต่เรื่องพวกนี้เฉินเฉียวไม่รู้เลย ความคิดในใจเธอเต็มไปด้วยโย่วอีเจ้าเด็กดื้อ
ได้เห็นกับตาตัวเองว่าโย่วอีถูกเด็กผู้หญิงสกัดกั้นเอาไว้ เฉินเฉียวก็รู้สึกว่าโย่วอีเด็กคนนี้มีเสน่ห์มากในขณะที่กังวลว่าเรื่องนี้จะเพิ่มความกดดันด้านการเรียนกับโย่วอีหรือไม่ เฉินเฉียวก็พยายามคิดหาวิธีอย่างเต็มที่