“คุณน่าจะเคยได้ข่าวเกมส์เทพเก้าวิมานที่กำลังดังใช่ไหม”
คุณหญิงซังพยักหน้า
ช่วงนี้ท่านได้ยินบ่อยจริงๆ เพราะท่านก็เล่นเกมส์นี้อยู่
เพราะเกมส์นี้มีโมเดลที่เหมาะกับชีวิตคนแก่ โดยเฉพาะคนแก่ตัวคนเดียวอย่างท่าน
“นั่นเป็นเกมส์ที่เขาทำ เขาเป็นคนก่อตั้ง” ซังหลีหย่วนเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง
สายตากับน้ำเสียงของท่านดูไม่ออกเลยว่าดีใจหรือภูมิใจกับลูกชายที่เก่งขนาดนี้
เพราะท่านเข้าใจดีว่าถึงเด็กคนนี้จะประสบความสำเร็จมากแค่ไหนก็ไม่เกี่ยวกับตัวเอง
พวกเขาเคยเจอกันแค่กี่ครั้ง แล้วเงินกับบัตรที่ให้เขาต้องไปเรียนต่างประเทศก็ไม่ได้แตะเลย
เขาสร้างทุกอย่างด้วยมือของเขาเอง
คนที่มุ่งมั่นแบบนี้ ถึงจะโดนกดทับอยู่ชั้นล่างสุดก็สามารถเดินออกมาเองได้
ตามหลักแล้ว ท่านควรจะภูมิใจที่เขาเก่งขนาดนี้ เพราะในตัวเขาก็มีเลือดท่าน แต่แค่นึกถึงว่าแม่ของเขาได้ลูกคนนี้มาได้ยังไง ถึงในใจท่านจะมีความรู้สึก แต่ก็รีบขจัดทิ้งทันที
แล้วอีกอย่าง ท่านก็ไม่ใช่คนที่หวั่นไหวง่ายด้วย
คุณหญิงซังมองสำรวจเขา จากนั้นก็ได้ข้อสรุป “คุณก็ยังไร้ความรู้สึกเหมือนแต่ก่อน ไม่เปลี่ยนเลย”
เฉินเฉียวที่นั่งอยู่ข้างๆทีแรกอยากรอซังหลินจวินกลับมาก่อนค่อยถามรายละเอียดเขา
แต่เพราะไม่สบายท้อง เธอเลยไปที่ห้องน้ำก่อน
ตอนที่ออกมาจากห้องน้ำ เฉินเฉียวกลับเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูที่คาดไม่ถึง
“คุณหญิง ทำไมคุณถึงยืนอยู่หน้าประตูไม่เข้าไปคะ?” เฉินเฉียวเดินไปที่หน้าประตู เอ่ยถามคนที่หันหลังให้เธอ
พอได้ยินเสียงของเฉินเฉียว เฉียวยวี่หมินจึงหันไปแล้วยิ้มเอ่ย “พ่อของหลินจวินกำลังคุยกับคุณหญิงซังอยู่ น้านั่งอยู่ข้างๆไม่มีอะไรทำเลยออกมาเดินเล่น ไม่คิดเลยว่าจะเจอเธอ”
เฉินเฉียวไม่ได้เชื่อในสิ่งที่ท่านพูด
เดินเล่นแต่เดินมาห้องน้ำแบบนี้ เป็นไปไม่ได้หรอก
ท่านอาจจะรู้สึกอึดอัดแล้วไม่อยากอยู่ที่นั่น หรือว่าท่านมีอะไรจะคุยกับเธอ
ในใจเฉินเฉียวเดาว่าท่านต้องมีอะไรคุยด้วย
“คุณหญิงจะกลับไปพร้อมกันไหมคะ?”
เฉียวยวี่หมินส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ล่ะกัน ฉันอยากออกมาเดินเล่น แต่น้าไม่ค่อยรู้ทางที่นี่ เฉินเฉียว หนูไปเดินเล่นกับน้าได้ไหม?”
เฉินเฉียวคิดตอนนี้เธอก็ไม่มีอะไรทำ เลยพยักหน้าตกลง
เฉินเฉียวกับเฉียวยวี่หมินไม่ได้เดินไกลมากนัก เดินรอบๆบ้านเหมือนที่เธอชอบมาเดินย่อย รองเท้าของเฉินเฉียวเอาแต่ส่งเสียงดัง
เพื่อไม่ให้เสียหน้างานเลี้ยง เฉินเฉียวเลยใส่ส้นสูงสิบเซน เธอที่สูงอยู่แล้วดูสูงขึ้นไปอีก
ถึงจะยืนข้างซังหลินจวิน ส่วนสูงก็ไม่ได้ต่างกันมาก
แต่เฉียวยวี่หมินเป็นคนตัวเล็ก ยืนข้างเฉินเฉียวดูเสียเปรียบมาก
ถึงแม้วันนี้ท่านจะใส่ส้นสูงเหมือนกัน แต่เป็นส้นเตี้ย เพราะอายุเริ่มมากแล้ว ท่านเลยไม่ได้แต่งตัวจัดจ้าน
ส้นเตี้ยที่เหยียบบนพื้นหินอ่อน แค่วางเท้าเบาๆก็ไม่ได้ยินเสียงแล้ว เพราะแบบนั้น เฉินเฉียวที่ก้าวเป็นจังหวะ เลยส่งเสียงเหมือนหยดน้ำที่ใสสะอาด
ทั้งสองบอกว่าเดินเล่น ก็เดินเล่นกันจริงๆ
ไม่มีใครพูด เหมือนกลัวทำลายบรรยากาศ
จนกระทั่งที่พวกเธอเดินวนกลับมา ห่างจากประตูจิ้งหย่วนประมาณสิบกว่าเมตร เฉินเฉียวค่อยหยุดฝีเท้า หันไปถามคนข้างๆ “คุณหญิง ไม่รู้ว่าทำไม ตอนที่หนูเห็นคุณ รู้สึกว่าคุ้นหน้าคุณหญิงมาก เหมือนเป็นคนที่หนูทำหาย คุณหญิงคะ เราเคยเจอกันไหมคะ?”
ความสงสัยนี้เธออัดอั้นมานานแล้ว ตอนนี้มีโอกาสอยู่สองต่อสองด้วย
เฉินเฉียวแค่อยากได้คำตอบของเธอ
ถึงจะเป็นคำตอบที่พูดออกมาได้เลย แต่อาจจะสร้างผลกระทบให้เธอ
เฉียวยวี่หมินมองเฉินเฉียวด้วยสายตาซับซ้อน ท่านจะมองไม่ออกได้ยังไง เฉินเฉียวกำลังอยากได้คำตอบจากท่าน
คำตอบที่จะแสดงตัวตนของเธอ
มองเห็นประตูตรงหน้า ในใจท่านเริ่มสั่นคลอ “คำตอบสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ? บางเรื่องไม่รู้ก็ดี”
เฉินเฉียวยืนขวางทางท่านไว้ แล้วพูดบีบบังคับ “หนูแค่อยากได้คำตอบผิดเหรอคะ? ในสายตาคุณหญิงหนูอาจจะไร้เดียงสาเกินไป อยากจะรับผลกระทบที่ไม่ควรรับ แต่คุณหญิงคะ คำตอบมันยากที่ยอมรับแล้วยังไงคะ ในใจหนู หนูอยากได้คำตอบนี้มาก หนูรอมานานแล้ว ไม่อยากรออีก บางที การที่ไม่พูดก็เหมืนกำลังปิดบัง”
เผชิญหน้ากับสายตาที่มุ่งมั่นของเฉินเฉียว เฉียวยวี่หมินก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว
วินาทีนั้น ท่านมองออกว่าคนตรงหน้าเหมือนสังเกตอะไรได้
แต่ว่าท่านควรบอกเธอไหม?
ถ้าบอกเฉินเฉียว บอกว่าเธอคือลูกของท่านที่หายไปยี่สิบปี
เธอจะยังรับได้เหรอ?
กับความคำถามมากมายในใจ แต่ท่านกลับไม่มีคำตอบเลย
“น้าอยากจะเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้หนูฟัง” สุดท้ายเฉียวยวี่หมินก็ตัดสินใจจะบอกเธอ
“แต่ก่อนมีสามีภรรยาคู่หนึ่งที่มีความสุขมาก พวกเขามีลูกสาวที่น่ารักมาก ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายสงบสุข ในสายตาภรรยา สามีเป็คนที่ขยันมาก เขาสร้างบริษัทที่บ้านให้ใหญ่โต ในช่วงเวลาที่ภรรยากำลังเป็นห่วงสามีที่ทำงานหนักถึงเช้าทุกวัน ข้างกายสามีก็มีผู้หญิงคนใหม่ เธอเอาแต่ส่งรูปของพวกเขามาให้ จนมีวันหนึ่ง มีรูปที่พวกเขานอนอยู่บนเตียงด้วยกัน”
ตอนที่เฉียวยวี่หมินเล่าเรื่องนี้ เธอเล่าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
เหมือนไม่ใช่เรื่องตัวเอง
เฉินเฉียวฟังออก นี่เป็นสิ่งที่ท่านเจอมากับตัว ในใจเธอเป็นห่วงภรรยาในเรื่องจึงรีบเอ่ยถาม “หลังจากนั้นล่ะคะ?”
เฉียวยวี่หมินยิ้ม สายตาเริ่มคลอ “ตอนที่เธอกำลังเสียใจกับรูปพวกนั้น เธอเลยหนีออกจากบ้าน อาจจะเพราะสวรรค์กำลังเล่นตลกกับเธอ วันที่เธอหนีออกจากบ้าน เธอเกิดอุบัติเหตุที่เกือบจะคร่าชีวิตเธอไป ตอนที่เธอพยายามดิ้นรนในรถ มีคนคนหนึ่งมาช่วยเธอไว้”
“คนคนนั้นดูแลเธอดีมาก สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจไปจากสามี ตอนที่เธอกลับไปเผชิญหน้ากับสามี เธอคิดไม่ถึงเลยว่า เธอกลับโดนสวนก่อน สามีกับผู้หญิงคนนั้นเอาแต่จี้ถามเธอ เธอพยายามอธิบายแล้ว แต่กลับโดนตอกกลับมาว่าแก้ตัว เธอเลยยอมแพ้ อยากจะจากไป แต่กลับทิ้งลูกสาวที่ยังเด็กไม่ได้”