ซังหลินจวินแอบสะกิดด้วยความโกรธ
ของทั้งหมดคือเสื้อผ้า แต่ทำไมซื้อให้เขาแค่เทคไนเส้นเดียว
ซื้อให้ลูกในอนาคตของเฉียงฉยงฉยง จริงๆแล้วลูกยังอยู่ในท้อง จะรีบใช้ขนาดนี้เลยหรอ?
นี่เป็นการปฏิบัติที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากซื้อของเสร็จ ซังหลินจวินก็โกรธ แผ่รังสีไปตลอดทาง แต่เฉินเฉียวที่มัวแต่ดูของเล่นที่เพิ่งซื้อให้น้องน้อยอยู่ด้านหลังไม่ได้สังเกตเห็น
ซังหลินจวินจึงยิ่งโกรธมากขึ้น
ทันทีที่เฉินเฉียวกลับถึงบ้านเธอก็รีบกลับไปที่ห้องไปหาเหมิงเหมิง
จากนั้นซังหลินจวินมองไปที่ลูกสาวที่ถือของเล่นที่เฉียวเฉียวซื้อมาให้พลางจุ๊บแก้มเฉียวเฉียว
และเห็นได้ชัดว่าลืมเขาแล้ว
โอ้ ผู้หญิงหนอผู้หญิง
เมื่อเห็นสองแม่ลูกทิ้งเขาแล้ว ซังหลินจวินที่จิตใจบอบบางก็ไปคุยกับลูกชายตัวเองเกี่ยวกับชีวิตของเขา
นับตั้งแต่รู้ข่าวการท้องของฉยงฉยง ซังหลินจวินก็เฝ้าดูสถานะของเขาเองต่ำลงเรื่อยๆ
ตอนที่กินข้าว
“ ฮัลโหล ฉยงฉยง เธอต้องกินเยอะๆนะอย่าลืมกินผักผลไม้เยอะๆ ได้ยินมาว่าผักเมืองนอกไม่อร่อยเท่าที่นี้ ถ้างั้นฉยงฉยงเธอมากลับจีนมาดีไหม”
ตอนนอน
“ ฉยงฉยง ตอนนอน อยู่ห่างๆเจียงอี้ฝานหน่อยนะ พวกผู้ชายมันหลายใจ เขาอาจจะควบคุมตัวเองไม่ได้ เพื่อความปลอดภัยของเธอกับลูก อยู่ห่างๆเจียงอี้ฝานหน่อย ”
ตอนตื่นนอน
“ฉยงฉยง ตอนแปรงฟัน ใช้แปรงแบบนั้น ฉันส่งให้เอาไหม แปรงที่ฉันใช้ตอนท้อง โอ๊ย ปวดขมับมาก จู่ๆก็นึกถึงตอนคลอดลูกที่อิตาลี่ ”
ตอนส่งเขาไปทำงาน
เห็นเฉินเฉียวจับโทรศัพท์ไม่ปล่อย ตอนตื่นนอนผูกเทคไนให้ ผูกจนแน่นตาถลน ตอนกินข้าว รินน้ำให้เขา เขาหกใส่เขา ตอนนี้แม้กระทั่งตอนไปทำงาน จูบลาตอนเช้าก็ไม่มีแล้ว
มันเหลือทนจริงๆ
ซังหลินจวินเดินตรงไปที่ เฉินเฉียว และคว้าโทรศัพท์มือถือของเธอ
เฉินเฉียวขมวดคิ้วและเขย่งเท้าพยายามเอาโทรศัพท์คืน
ซังหลินจวินยิ้มเยาะและพูดว่า “เฉินเฉียว คุณรู้ไหมว่าวันนี้คุณเมินผมไปแล้วกี่ครั้ง”
เฉินเฉียวหน้าเหวอ: “ฉันเมินคุณหรอ”
พอแล้ว ไม่อยากคุยกับเธอแล้ว
ซังหลินจวินต้องการที่จะหันหลังกลับเดินจากไป อดกลั้นอารมณ์และพูดว่า “เจียงฉยงฉยงอยู่ต่างประเทศ ตอนคุณโทรหาเธอ เธออาจจะหลับไปแล้วก็ได้ คุณยังคุยอะไรกับเธอได้อีก”
เฉินเฉียวกล่าวอย่างไม่เกรงใจ: ไปที่
“ไม่เชื่อ.”ซังหลินจวินเลิกคิ้วและมองเธอด้วยรอยยิ้ม
สายตาของซังหลินจวินเหมือนยั่วยุ เฉียวเฉียวพยักหน้า
จากนั้นเฉินเฉียวก็มองซังหลินจวินที่ถือโทรศัพท์เธอ กดเปิดลำโพง จากนั้นได้ยินเสียงกรนดังออกมา
จากนั้นปลายสายก็กดตัดสายทันที
เฉินเฉียวดูตกตะลึงและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ซังหลินจวินไม่ต้องการอธิบายกับเธอเขาแค่ต้องการชดเชยจูบเฉียวเฉียวที่เป็นหนี้เขา และดึงเธอมาไว้ในอ้อมกอด ตอนที่ทั้งคู่กอดกัน สัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
เฉินเฉียวสังเกตเห็นว่าอุณหภูมิร่างกายของหลินจวินสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนที่เธออยากจะผลักเขาออก
จู่ๆคนตรงหน้าก็ยกมือเชยคางของเธอและตอนเธอตกใจก็มีจูบอันอบอุ่นที่ริมฝีปากของเธอ
หลังจากไม่ได้จูบดูดดื่มเป็นเวลานานซังหลินจวินก็รู้ว่าเขาคิดถึงจูบของเธอมากแค่ไหน
ขณะที่ทั้งสองจูบกันดูดดื่มขึ้นเรื่อย ๆ เฉินเฉียวก็เสพติดมันเช่นกันและเธอไม่รู้ว่าท่าทางต่อต้านของเธอได้กลายเป็นกอดเขาอย่างแน่น
ผ่านไปเป็นเวลานานทั้งสองคนหอบและหายใจแรงหน้าผากของพวกเขาชนกันสายตาของซังหลินจวินเต็มไปด้วยความอ่อนโยน: “เฉียวเฉียว รอผมเลิกงานก่อนนะ เรื่องคุยโทรศัพท์กับเจียงฉยงฉยงเอาแค่พอดีก็พอ ทุกครั้งที่คุณโทรไปเป็นอี้ฝานที่รับ ตอนนี้เจียงฉยงฉยงหลับไปแล้ว”
ใบหน้าของเฉินเฉียวแดงขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเธอได้ยิน
รู้สึกอายมาก คาดไม่ถึงว่า เพื่อนเขาจะรับโทรศัพท์เธอ
หลังจากที่เฉินเฉียวรู้อย่างนี้ เธอก็ไม่กล้าโทรหาฉยงฉยงอีก
เปลี่ยนเป็นซังหลินจวินได้รับความสนใจกำลังจะเดินจากไป
เฉินเฉียว รีบจับแขนของเขาและถามอย่างงง ๆ : หลินจวินคุณรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”
ซังหลินจวินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงโดยไม่พูดอะไรแล้วกดที่ข้อความข้อความที่โชว์อยู่ข้างใน
“รีบๆมาเอาเมียแกไปเลย เธอโทรหาฉยงฉยงของฉันทุกวันเลย”
เห็นชื่อด้านบน ก็รู้เลยว่าใครส่งมา
เฉินเฉียวแอบคิดบัญชีแค้นกับเจียงอี้ฝานไว้ในใจ และรีบปิดประตูเข้าบ้าน ทิ้งให้ซังหลินจวินที่จะไปทำงานอยู่ข้างนอก
หลังจากเหตุการณ์นี้เฉินเฉียวไม่ได้โทรหา ฉยงฉยงอีกต่อไป
หลังจากที่รู้ว่าเธอสร้างปัญหาให้กับฉยงฉยง เฉินเฉียวก็จงใจอยู่ห่างๆ
อย่างไรก็ตามเฉินเฉียวรู้สึกว่าตัวเองขี้กลัว
จะไม่มีงานเลี้ยงในบ้านสำหรับเธออีกแล้ว
เฉินเฉียวได้ยินหลินจวิน บอกว่าเขาเตรียมของสำหรับวันปีใหม่ไว้แล้วและไม่มีโทรศัพท์เข้ามาแทรก
จากนั้นหลังจากเธอสอนป้ามั่วทำอาหารได้แล้ว เธอก็วางมือเพราะป้ามั่วเรียนรู้ทุกอย่างแล้ว
เฉินเฉียวที่เอนตัวอยู่บนโซฟา รู้สึกว่าชีวิตน่าเบื่อ อยากจะไปทำงาน
เฉินเฉียวมักจะทำในสิ่งที่เธอคิดเสมอ
หลังจากฉยงฉยงไปแล้ว เรื่องในบริษัทก็ไม่มีคนจัดการ เฉินเฉียวเป็นหนึ่งในบอสของบริษัทรับปากไว้ว่าจะประคองบริษัทไว้ให้ได้
จากนั้นเฉินเฉียวก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ จนกระทั่งว่างเสียจนตระหนกเลยคิดถึงมัน
ทันทีใดเธอก็คิดด้วยสีหน้ากังวล บริษัทคงจะไม่ได้เละเทะอะไรหรอกมั้ง
เฉินเฉียวเปลี่ยนเป็นชุดทำงานและรีบออกไป
ทันทีที่เธอเดินไปที่ประตูเฉินเฉียวก็มีสายเข้า เป็นเบอร์แปลก
เมื่อมองไปที่หมายเลขที่ไม่คุ้นเคย เฉินเฉียวก็คิดว่าคงมีใครกำลังตามหาเธออยู่ เลยกดรับ
จากนั้นเฉินเฉียวก็ฟังเสียงที่คุ้นเคย คนอีกด้านหนึ่งก็พูดว่า: “เฉินเฉียว ฉันอยากเจอคุณ ฉันมีเรื่องจะคุณด้วย”
เฉินเฉียวต้องการปฏิเสธเพราะเธอคิดว่าพวกเขาไม่ได้มีอะไรให้อยากไปพบ
แต่พอจะพูด กลับพูดไม่ออก
เธอถอนหายใจในใจและตกลงในที่สุด: “จะให้ไปเจอที่ไหนก็บอกแล้วกันนะ”
เห็นได้ชัดว่าคนปลายสายไม่คิดว่าเธอจะตอบตกลงง่ายๆดูเหมือนจะมีความสุขมากและพูดว่า “โอเคอยู่ในร้านชางอิงถนนย่งชาง”
โอเคเฉินเฉียวรอให้อีกฝ่ายวางสายจากนั้นขึ้นไปชั้นบนและเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้ง
กระโปรงและเสื้อผ้าเรียบง่ายไหวปลิวไปพร้อมกับการก้าวเดินของเฉินเฉียว เพียงแต่การก้าวเธอของเธอสะท้อนความกังวลในใจ
เธอถอนหายใจ คนๆนั้นตกลงมีอะไรอยากจะคุยกับเธอกันนะ