แต่เขารู้เรื่องที่เธอถูกตบได้อย่างไร?
เฉินเฉียวไม่กล้าคิดว่าชายคนนี้เป็นคนเหนือธรรมชาติหรือเป็นคนใส่ใจเรื่องของเธอมากเกินไป
ในใจของเธอมีความผันผวนหลายครั้งและในที่สุดความสงบก็กลับคืนมา
หลังจากนั้นเธอก็ไม่หันกลับมามอง
ราวกับว่าเธอไม่ได้ยินมันแสร้งทำเป็นเดินเงียบๆออกจากห้องแม่ลูกอ่อน
ทันทีที่เธอออกไปโทรศัพท์มือถือของซังหลินจวินก็ดังขึ้น
มันเป็นสายของอวี้เฟย
“ ท่านครับ ประธานถังตามหาท่านอยู่ครับ”
“อื้อ เดี๋ยวไป”ซังหลินจวินวางสายและเฝ้าดูเงาที่หายไปก่อนที่เขาจะละสายตาไปและยิ้มอย่างขมขื่น
ดูเหมือนว่าเขาจะตีกอล์ฟต่อไม่ได้แล้ว ความรู้สึกทรมานด้วยตัณหามันแย่จริงๆ
เฉินเฉียวยังคงอยู่ในภวังค์นั่งอยู่ในรถ
ผ่านมานานแล้วแต่ดูเหมือนว่ายังมีลมหายใจของชายคนหนึ่งติดอยู่ที่ริมฝีปากของเธอ แม้แต่ที่สะโพกของเธอ เหมือนกับว่ามือเขายังคงจับอยู่
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องแปลกสำหรับเธอและมันทำให้เธอสั่นอย่างแปลกๆว่างเปล่า
ว่างเปล่าหรอ?
เธอกัดริมฝีปากด้วยความอาย
ไม่เต็มใจที่จะยอมรับมัน
แต่เธอต้องเผชิญหน้ากับมัน
ทุกคนล้วนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ภายใต้การเร้าโลมที่ถึงใจแบบนั้นถ้าจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรก็คงจะเป็นการโกหก
ยิ่งกว่านั้นซังหลินจวินผู้ชายคนนั้นลีลาไม่ใช่เล่นๆ
เธอตบแก้มตัวเองและถอนหายใจเฮือกใหญ่
อย่าฟุ้งซ่าน ถึงจะลีลาเด็ดแค่ไหนมันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ ระหว่างเธอกับปู้อี้เฉินเป็นเหมือนเชือกป่านจะตัดยังไงก็ตัดไม่ขาด แล้วจะไปยั่วผู้ชายคนอื่นได้ยังไง
เธอเริ่มมีสติมากขึ้นสตาร์ทรถและไปที่บริษัท
ปู้อี้เฉินโทรมาเธอคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงจะกดรับ เธอชิงพูดก่อน “พัสดุเมื่อวานคุณเป็นคนส่งมาหรือเปล่า”
ปู้อี้เฉินตอบแบบงงๆ “พัสดุอะไร?”
แน่นอนว่าไม่ใช่เขา
“ไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันวางก่อนนะ”เฉินเฉียวไม่ต้องการพูดอะไรกับเขาอีกเพียงแค่กดปุ่มวางสาย
เห็นได้ชัดว่าปู้อี้เฉินยังพูดไม่ทันจบทันทีที่เธอวางสายเขาก็โทรมาอีก
เฉินเฉียวตัดสายและปิดเครื่อง
ในที่สุดก็สงบเสียที
เธอขับรถไปคิดเรื่องปู้อี้เฉินไป
เห็นกับตาว่าเขากับโหยวจิ้งหลีทำอะไรกัน เธอเองก็ไม่ถึงขนาดว่าไม่รู้สึกอะไรเลย
มันยังเจ็บอยู่
ไม่สบายใจ
ชีวิตของเธอไม่เคยล้มเหลวแบบนี้
คราวนี้แพ้ยับเยิน
ยิ่งเรื่องเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้เธออยากที่จะหย่ากับผู้ชายคนนี้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามหาก ปู้อี้เฉินไม่เซ็นหย่าเธอก็ไม่สามารถหาเงินสามร้อยล้านมาชดใช้ได้
ขับรถจนมาถึงบริษัท
เธอเดินตรงขึ้นไปชั้นบนและเข้าไปในห้องทำงานของเธอ
หลี่ชิงเดินตาม “ผู้อำนวยการคะทุกคนพร้อมแล้วสามารถเริ่มประชุมได้เลย”
เฉินเฉียวพยักหน้า “อืม ฉันขอเปลี่ยนเสื้อผ้าแปปนะ”
หลี่ชิงมองไปที่เธอและพูดด้วยรอยยิ้ม: “วันนี้ผู้อำนวยการสวยเป็นพิเศษนะคะ ดูมีน้ำมีนวล”
หรอ?
“แต่จะสวยกว่านี้ถ้าทาปากใหม่ เลอะหมดแล้วค่ะ”หลี่ชิงเปรียบเทียบริมฝีปากของเธอด้วยรอยยิ้ม หลังจากพูดเสร็จเธอก็ออกจากห้องทำงาน
เฉินเฉียวยืนอยู่หน้ากระจก ส่องกระจก
ตอนนี้บนหน้าเหมือนมีแป้งบางๆอยู่
ริมฝีปากเลอะ และบวมแดง ดูแล้วแปลกๆ
ดูก็รู้ว่าโดนจูบมา
ตะกี้รีบเดินซะจนไม่ได้ส่องกระจกเลย
เฉินเฉียวเปลี่ยนชุดกีฬาเป็นเสื้อเชิ้ตหยิบลิปสติกมาทาใหม่ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่ทิ่งร่องรอยใดๆไว้ แล้วออกจากห้องพัก
ตอนหยิบเอกสาร นึกขึ้นได้เปิดลิ้นชักที่โต๊ะทำงาน
หลอดยาวางอยู่ในนั้นยังใหม่อยู่
คิดสักพัก หลอดยาก็ถูกยัดเข้าไปในลิ้นชักอีกครั้ง
ของบางอย่างไม่ได้เป็นของตัวเองก็อย่าไปเปิดจะดีกว่า
——
หลังจากรู้ความสัมพันธ์ของโหยวจิ้งหลีกับซังหลินจวิน คนในทีมทั้งหมดของเฉินเฉียวก็ถอดใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากประสบเหตุการณ์ในวันนี้เฉินเฉียวก็ยิ่งไม่อยากเจอเขาอีกและไม่รู้ว่าจะสู้หน้าเขาอย่างไร
ปรับแผนให้เหมาะสมเป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้นจากนั้นรอผลลัพธ์
ไม่กี่วันต่อมา ทางด้านเฉินเฉียวทุกคนไม่สู้ดีนัก
โครงการของรื่ออันการแพทย์โดนโหยวจิ้งหลีคว้าไป
ทางด้านฝั่งเธอ ชนะอย่างภาคภูมิใจ
ในด้านของเฉินเฉียวมันเป็นอีกฉากหนึ่ง
ทั้งห้องทำงานบรรยากาศอึมครึม
“ มันแย่จริงๆ! เสียเวลาทำตั้งสามเดือนเพื่อให้คนอื่นชุบมือเปิบ “มีคนบ่น.
“ คนของรองผู้อำนวยการจัดงานฉลองที่นี้คงอยากจะให้พวกเราเห็น เธอเก่งนะ เพื่อจะเข้ามาทำงานก็ได้ผลงานชิ้นใหญ่ขนาดนี้ ”
“ในอนาคตโครงการของพวกเราจะไม่โดนเธอเอาไปหมดหรอ” พวกเธอนางในต่อสู้กันในที่ลับ ทั้งสองไม่มีใครบาดเจ็บ คนที่แย่ก็คือพวกเรา โบนัสก้อนนี้มันเพียงพอที่จะให้ฉันจ่ายค่าบ้านได้หลายเดือนเลยนะ แต่ตอนนี้มันล้มเหลวไม่เป็นท่า ”
เฉินเฉียวเข้ามาพร้อมกับถ้วยน้ำชาและได้ยินสิ่งที่พวกเขาบ่น
หลี่ชิงเดินตามเข้ามาข้างหลังเธอ
จริงๆแล้วเธอแปลกใจมากทำไมงานโครงการนี้อยู่ๆก็หายวับ
ตอนแรกท่าทีที่ประธานซังมีต่อผู้อำนวยการมันไม่ใช่ธรรมดา เธอคิดว่าโครงการนั้นพวกเขาเอาไปได้แล้ว
ทุกคนเงียบเมื่อเห็นเฉินเฉียว
มองหน้ากันเลิ่กลั่กก่อนจะกลับมานั่งที่
บรรยากาศค่อนข้างน่าหดหู่
เฉินเฉียวก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกันเธอไม่ต้องการแพ้โหยวจิ้งหลีต่อหน้าใคร แต่ในขณะนี้การเรียกขวัญกำลังใจของทหารนั้นสำคัญที่สุด
เธอยืนอยู่หน้าของหลี่ชิงมองไปรอบ ๆ และพูดอย่างเรียบๆ : “ทุกคนอย่าหมดกำลังใจ งานที่พวกคุณลงแรงทำทั้งหมด ฉันจะรายงานให้ท่านประธานกรรมการได้ทราบ ให้พวกคุณได้รับสวัสดิการตอบแทนไม่น้อยหน้ากว่าฝั่งรองผู้อำนวยการ ถ้าบริษัทไม่จ่ายเงินในส่วนนี้ ฉันจะเป็นคนจ่ายเอง ”
คำพูดเหล่านี้มีความชัดเจนและทรงพลังและยังรับรู้ถึงผลงานของทุกคน
ทุกคนต่างมุ่งมั่นทำงานหนักก็เพื่อชีวิตตัวเอง เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูดทุกคนก็นั่งลง
“ขอบคุณผู้อำนวยการ”
“ผู้อำนวยการกล่าวเช่นนี้พวกเราก็เบาใจ ผู้อำนวยการครับ ไม่ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นพวกเราจะทำตามอย่างไม่มีข้อยกเว้น ”
“ ผู้อำนวยการครับ คืนนี้เราทานมื้อค่ำกันเถอะ ห้องข้างๆกำลังฉลองกัน พวกเราก็ฉลองบ้าง งานนี้คือน้ำพักเราแรงของพวกเรา เราต้องภูมิใจ”
เฉินเฉียวยิ้มและตอบ“ได้เลยงั้นคืนนี้ฉันเลี้ยงเหล้าเอง เลือกสถานที่มาเลย”
โอเคครับ เจอกันคืนนี้! ”
เมื่อเห็นทุกคนผ่อนคลายเล็กน้อยเฉินเฉียวก็กลับไปที่ห้องทำงาน
ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ผู้บริหารเธอรู้สึกเหนื่อยและท้อแท้
เธอปลอบความล้มเหลวของทุกคน แต่ความล้มเหลวของเธอไม่ได้พูดออกมาสักคำ
เหมือนแบกเขาทั้งลูกอยู่บนอก ไม่สามารถระบายออกมาได้
ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ สรุปว่าเธอแพ้โหยวจิ้งหลี…
เฉินเฉียวถอนหายใจและหลับตา
โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่น