เฉินเฉียวถึงแม้จะรู้สึกว่าเรื่องมันไม่ง่ายแบบนั้น แต่เธอที่ไม่เคยโดนซังหลินจวินปิดบังเรื่องใดๆ ก็เชื่อคำพูดเขา
ถึงเขาจะไม่ได้หลอกลวง แต่ซังหลินจวินก็ปิดบังสถานการณ์ที่แท้จริงของบริษัทซังอวินเนื่องจากไม่เคยปิดบังเธอมานานมากแล้ว จึงเกิดร่องรอยไม่เป็นธรรมชาติขึ้นใบหน้าเขา แต่เฉินเฉียวไม่ได้มองดีๆ จึงไม่ได้สังเกตเห็น
แต่โย่วอีที่สังเกตเห็นการตอบสนองพ่อกลับเห็นสิ่งผิดปกติเล็กน้อย
ตอนกลางคืนเฉินเฉียวพักผ่อนที่บ้านคุณผู้หญิงซัง แน่นอนว่าอายที่จะนอนห้องเดียวกับซังหลินจวิน
คุยกับคุณผู้หญิงสองสามประโยค เฉินเฉียวก็อุ้มลูกไปนอนอีกห้องหนึ่ง ถึงซังหลินจวินจะชอบเหมิงเหมิงอยู่เสมอ แต่ความเหงาที่ไม่สามารถนอนกับเฉียวเฉียวได้ก็ห่อหุ้มเขาเอาไว้สักพัก
โชคดีที่เขามีบางอย่างต้องทำจริงๆ ถึงจะไม่มีความสุขในใจ แต่ก็จัดการธุระได้อย่างรวดเร็ว
และซังอวินที่วางสายจากซังหลินจวินแล้วก็รีบโทรหาผู้รับผิดชอบแต่ละแผนก เนื่องจากบริษัทเป็นของครอบครัวเขา เขาสามารถไล่นักวางแผนคนนั้นออกไปได้ทันที โดยไม่ต้องแจ้งคนอื่น
เพื่อให้เรื่องนี้เป็นการกระตุ้นความตื่นตัวของเหล่าพนักงานในบริษัท และเป็นการเตือนด้วย
เขาจัดประชุมพิเศษขึ้นมา
พนักงานคนอื่นๆ ถึงที่เกือบครบแล้ว นักวางแผนคนที่ทำผิดก็เดินก้มหน้าเข้ามาช้าๆ เมื่อเห็นนักวางแผนคนนี้แสร้งทำตัวเป็นนกกระทา เดินสงบเสงี่ยมมานั่งตำแหน่งปกติของตัวเอง
ซังอวินโกรธจนยิ้มออกมา
“เดี๋ยวก่อน” เสียงคมชัดของซังอวินจู่ๆ ก็ดังขึ้นขณะที่นักวางแผนคนนั้นกำลังจะนั่งลง
ผู้รับผิดชอบในแผนกอื่นๆ ก็นั่งหมดแล้ว เหลือนักวางแผนคนนั้นที่มืออยู่ด้านหลังเก้าอี้ตัวแข็งทื่อไม่ขยับไปไหน ถ้ามองดีๆ มืออีกข้างหนึ่งที่ห้อยอยู่กำลังสั่น
ช่วงเวลาที่เขายืนคนเดียวนั้นดึงดูดสายตาทุกคนที่อยู่ที่นั่น
คนข้างๆ เขาดึงเสื้อผ้าเขาแล้วพูดว่า “นายเป็นอะไร ยังไม่รีบนั่ง”
นักวางแผนไม่กล้าหายใจเสียงดังด้วยซ้ำ
คนอื่นๆ ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรลงไป แต่เขารู้ดีแก่ใจ
คนเราไม่สามารถทำเรื่องที่น่าอับอายได้ ถ้าทำลงไปแล้ว ก็จะกังวลใจไปตลอดชีวิต
เขาเสียใจมากที่เคยตกลงผู้ชายคนนั้นไปตอนแรก ที่จะช่วยเขาจัดการเรื่องนี้
แต่เขาไม่มีทางเลือก เขาติดหนี้ดอกเบี้ยสูง มีแค่คนคนนั้นเท่านั้นที่ยอมให้เขายืมเงิน ถึงขนาดบอกว่าไม่ต้องคืนเงินที่ยืมไป
ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่ทำเรื่องที่เป็นอันตรายต่อผู้อื่นโดยที่ตัวเองไม่ได้รับผลประโยชน์แบบนี้หรอก
แต่ตอนนี้เสียใจไปก็ไม่มีมีประโยชน์ เขาทำมันไปแล้ว เขาทำได้แค่หวังว่าท่านประธานจะไม่พบเห็นอะไรทั้งนั้น
แต่ความหวังนี้ก็แตกสลายอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นนักวางแผนบัดซบคนนั้นนั่งลงไปตำแหน่งเดิมของเขาจริงๆ ซังอวินก็เอามือตบโต๊ะทำงาน
ในช่วงแรกซังอวินเป็นนักเลง ด้วยแรงมือของเขา โต๊ะทำงานจึงถูกเขาตบจนสั่นไหวอยู่หลายที
เหล่าผู้รับผิดชอบที่นั่งอยู่ก็หัวหดทีละคน ในใจก็สั่นไหวด้วยความกลัว ในเวลานี้ จู่ๆ ซังอวินก็หัวเราะ เมื่อดวงตาเรียวเล็กน้อยของเขายิ้มให้กับผู้คน ดูเหมือนเป็นวิญญาณร้ายที่แตกต่าง แต่เมื่อมุมปากเขากระตุกขึ้นเล็กน้อย เมื่อดวงตาเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง กลับรู้สึกเหมือนเสือกำลังยิ้ม
เขาเอนกายลงบนโต๊ะ มองเหล่าผู้รับผิดชอบที่นั่งอยู่ผู้ได้รับเงินเดือนจากบริษัทเขาทีละคน หัวเราะเบาๆ แล้วพูดขึ้น “ฉันคิดว่าฉันดีกับพวกนายมากพอ ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าจะมีคนเนรคุณกลุ่มหนึ่งในบริษัท”
คำพูดที่ไม่มีความรู้สึกสักนิด แค่พูดในที่สาธารณะแบบนี้
เดิมทีประโยคนี้ ซังอวินไม่ควรเป็นคนพูด เขาควรให้แต่ละคนบอกว่าตัวเองจะลาออกโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
แต่อาจจะเพราะใช้ความคิดไปกับเทพเก้าวิมานมากเกินไป มันเหมือนเด็กน้อยที่เขาดูแลเป็นอย่างดี เขาให้ทุกอย่างที่เขาสามารถให้ได้ ไม่คิดเลยว่าจะมีคนกล้าทำร้ายเขาจริงๆ นี่มันรบกวนทำให้หัวใจเขาปั่นป่วน
ดังนั้น เขาจึงโมโห
แทนที่จะปกปิดอารมณ์ตัวเอง ก็ชี้ไปทันที
“นาย ยืนออกมา”
ซังอวินชี้ไปที่นักวางแผนคนนั้น
นักวางแผนที่ถูกเรียกชื่อ ในใจก็สั่นไหว รู้ว่าเขาอาจจะไม่รอดพ้นจากหายนะครั้งนี้
เมื่อเห็นนักวางแผนก้าวออกมาทีละก้าว ซังอวินก็ยังไม่ทันหัวเราะเยาะออกมา ก็ไม่คิดว่าจะมีคนมาร้องขอแทนเขา
“ท่านประธาน นักวางแผนหยางตั้งแต่เข้าทำงานที่บริษัทก็ขยันขันแข็ง ไม่เคยทำสิ่งไม่ดีต่อบริษัทเลย ทำไมคุณต้องเรียกเขาออกมา หรือไม่กลัวทำให้หัวใจพนักงานบริษัทหวาดกลัวเหรอ? ”
เสียงนี้เป็นเสียงของเกาเสี่ยวเย่ว์ผู้รับผิดชอบวาดภาพการ์ตูนเคลื่อนไหวที่ดึงเสื้อผ้านักวางแผนหยางให้เขานั่งลงเมื่อครู่นี้ เธอเป็นผู้รับผิดชอบด้านการวาดภาพการ์ตูนเคลื่อนไหว ปกติมักจะคุยเกี่ยวกับบุคลิกและภูมิหลังตัวละครกับนักวางแผน ทั้งคู่จึงสนิทกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
และถึงแม้นักวางแผนหยางจะขายผลประโยชน์บริษัทเพื่อเงิน แต่ภายนอกของเขาก็ดูไม่เลวจริงๆ
ผิวขาวเนียน โครงหน้าสง่างาม เหมือนนักศึกษามหาวิทยาลัยเพิ่งเลิกเรียน
เกาเสี่ยวเย่ว์เป็นหญิงสาววัยสามสิบกว่า สองปีก่อนเพิ่งหย่ากับสามี ชอบหมาน้อยขี้อ้อนตัวขาวเนียนแบบนี้มากที่สุด จึงต่อสู้กับเขาอย่างดุเดือดด้วยเหตุผลส่วนตัว
ตอนนี้เห็นว่าท่านประธานจะจัดการหมาน้อยขี้อ้อนของเธอ ก็ออกตัวยืนขึ้น
น้ำเสียงเธอไม่พอใจ ในแววตาซ่อนความหยิ่งผยองเอาไว้ ถ้าไม่รู้จักอาจจะคิดว่าเธอเป็นลูกคุณหนูร่ำรวย
ในสายตาซังหลินจวิน เธอก็แค่พนักงานธรรมดากินเงินเดือน เป็นแค่คนธรรมดาที่สุดคนหนึ่ง คนประเภทนี้ เขาไม่อยากสนใจ
ชี้ไปที่ประตูทันที “ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เกาเสี่ยวเย่ว์ถูกไล่ออก ต่อไปเธอจะไม่ใช่คนของบริษัทเราอีก ถ้าใครให้ฉันรู้ว่าติดต่อเธอเป็นการส่วนตัว พวกเธอไม่ต้องมาบอกฉัน ก็แค่ลาออกไปซะ โอเคนะ”
“ตอนนี้ ออกไปได้”
น้ำเสียงเย็นยะเยือก ไม่มีการตัดสินใจใดๆ
ในตอนนี้ เกาเสี่ยวเย่ว์จิตใจลุกลี้ลุกลนขึ้นมาจริงๆ แล้ว
อยู่บริษัทมาสองสามปี เธอลืมไปเลยว่าตอนแรกเธอเหยียบหัวคนอื่นขึ้นตำแหน่งมา ลืมไปจริงๆ แค่ประโยคเดียวจากผู้บังคับบัญชา ก็สามารถบิดเธอกลับไปยังตำแหน่งเดิมในอดีตได้
เธออยากร้องไห้อ้อนวอน แต่ความหยิ่งผยองในใจไม่อนุญาตให้ทำแบบนั้น ทำได้แค่ทิ้งประโยครุนแรงเอาไว้
“ท่านประธานที่โหดร้ายกับพนักงาน ได้รับผลประโยชน์แล้วก็ถีบหัวส่งแบบนี้ ฉันจะดูสิว่า เกมของคุณจะได้รับความนิยมกี่ปี เฮอะ บริษัทที่ไร้เหตุผลแบบนี้ไม่อยู่ได้ก็ดี”
ขณะที่พูด เธอก็เดินไปข้างๆ นักวางแผนหยางแล้วดึงแขนเขา อยากจะดึงเขาไปด้วยกัน
แต่ซังอวินหัวเราะเยาะพูดขึ้น “ฉันไล่เธอออก ไม่ได้ไล่เขาออก ฟังภาษาคนไม่เข้าใจเหรอ? ”
“คุณเกา คุณไปก่อนเถอะ” นักวางแผนหยางแกะมือเกาเสี่ยวเย่ว์ออก พูดขึ้นอย่างเฉยเมย
เมื่อก่อนมักได้ยินเขาเรียกว่าเสี่ยวเย่ว์ เรียกเกาเสี่ยวเย่ว์ว่าเสี่ยวเย่ว์ ไม่คิดเลยว่าผู้ชายคนนี้ที่เธอปกป้องจะแตกคอกันตรงนี้ โกรธจนอยากจะตบเขาสักที แต่ความแตกต่างระหว่างแรงผู้ชายกับผู้หญิง ทำให้เธอโดนนักวางแผนหยางผลักออกไป
ซังอวินเห็นเธอไม่ยอมไป ก็สั่งให้พนักงานสองคนพาเธอลงไป
เห็นห้องประชุมสงบอีกครั้ง ทันใดนั้นซังอวินก็ควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า พูดในโทรศัพท์ว่า “ละครเรื่องนี้ สนุกไหม?”