เมื่อเขาเห็นวิดีโอของครอบครัวแล้วเขาไม่สามารถระงับความโกรธในใจได้เขาจึงโยนโทรศัพท์แล้วออกไป
สถานที่ที่เขาพักชั่วคราวเป็นวิลล่าส่วนตัวที่ตระกูลกู้ซื้อมาของตกแต่งในนั้นเป็นของพ่อของกู้ ที่เลือกมาทั้งหมด คนที่ห่วงเรื่องหน้าตาอย่างพ่อของกู้ แน่นอนว่าเครื่องกระเบื้องราคาแพงๆเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ปู้อี้เฉินทุบเครื่องลายครามสีฟ้าและสีขาวในห้องจนแตก
เมื่อได้ยินเสียงแตกร้าว เขาก็ได้สติ
สองสามวันนี้เข้าใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลกู้มันไม่ง่ายเลย
แม้ว่าพ่อของกู้จะไม่คุ้นเคยกับกู้ซีในอดีต แต่เขากับกู้ซีในอดีตก็เหมือนกัน ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้กับตระกูล
กลับกันสร้างปัญหาให้กับตระกูลซังกับอีกสามตระกูลที่เป็นเพื่อนกัน ท่าทีที่มีต่อเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่าเมื่อก่อน
ปู้อี้เฉินถึงแม้จะดูคลิปนั้นแล้ว แต่ในใจก็โกรธเป็นไฟ เขาไม่ใช่เป็นเขาในตอนแรกแล้ว ไม่นานก็กลับมาสู่อารมณ์ปกติ แล้วตอบข้อความกลับไป
แกคิดจะทำอะไร
ปู้ฮวานเหยียนที่ได้รับข้อความ มือลูบขอบริมฝีปาก สายตามองด้วยความบ้าคลั่ง
“ฉันต้องการแก้แค้นทำไมพวกเขาถึงมีความสุขแต่ฉันกลับอยู่อย่างอนาถ”หลังจากรู้แล้วว่าคนข้างกายซังหลินจวินคือเฉินเฉียว ปู้ฮวานเหยียนก็ยิ่งไม่ชอบใจใหญ่
หลังจากรู้ว่าทำไมเฉินเฉียวเปลี่ยนไป เธอก็ไม่สงสัยเลยสักนิด ต้องขอบคุณพี่ชายหลังจากเห็นพี่ชายเธอเปลี่ยนหน้า เธอก็ยิ่งหลงใหลกับเทคโนโลยีศัลยกรรม
แต่คิดถึงเฉินเฉียวที่หน้าเปลี่ยนไปแล้ว น่าเกลียดกว่าเดิม ทำไมซังหลินจวินยังรัก
เธอไม่ได้คิดว่าเหตุผลคืออะไร เพราะจิตใต้สำนึกเธอปฏิเสธคำตอบ
จำได้ว่าเธอเคยดูถูกเฉินเฉียว ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ โดนเธอกดหัวมาโดยตลอด คิดแล้วก็กัดฟันด้วยความแค้น
ตอนนี้เธอมีแผนในใจอยู่แล้วและตราบใดที่พี่ชายของเธอสามารถช่วยเธอได้เธอก็จะทำ
พวกเขาไม่ได้หวานกันจนเลี่ยนบนอินเตอร์เน็ตหรอ?
จากนั้นเธอก็คิดถึงภาพลวงตานั้น คิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มมุมปาก
ปู้อี้เฉิน ยังไม่รู้ว่าน้องสาวของเขาวางแผนที่จะให้เขาเป็นเครื่องมือ
หลังจากส่งข้อความถึงน้องสาวของเขา ปู้อี้เฉิน ก็กดโทรศัพท์โทรไปหาอีกคนทันที
“ฮัลโหล คุณเชิน กลับมาจากมาเลเซียแล้วหรอ? อื้อ กลับมาแล้วโอเคเดี๋ยวผมไปหาคุณ ”
น้ำเสียงของ ปู้อี้เซินมีความเยินยอและน้ำเสียงของเขาก็แสดงความเคารพอย่างยิ่ง
หลังจากที่บุคคลที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ปฏิเสธคำขอของเขารอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หายไป
หลังจากวางสายไปแล้วปู้อี้เฉินก็ลุกขึ้นและจะไปที่บ้านพักที่เตรียมไว้สำหรับคุณเซิน
ยังไงซะตอนนี้คุณเซินกำลังเล่นอยู่ข้างนอก เขาใช้โอกาสนี้เตรียมของทั้งหมดที่ควรจะทำ
หลังจากได้เห็นปราสาทและสวนสนุกที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะครอบครัวของเฉินเฉียว และซังหลินจวินก็เหนื่อยมาก ซังหลินจวินเห็น เฉินเฉียวที่เดินลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรงและลากเธอไปนั่งในร้านไอศกรีมในเมืองหิมะ
เมื่อพูดถึงเรื่องของคนเราก็ฟุ่มเฟือยขึ้นเรื่อยๆ ไอศกรีมของแบบนี้ไม่ได้กินเฉพาะฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน หรือฤดูใบไม้ร่วง ถึงแม้เป็นฤดูหนาวที่มีหิมะ แต่ก็มีคนไม่น้อยนั่งกินในร้าน
หลังจากที่ซังหลินจวินหาที่นั่งให้กับ เฉินเฉียว และ เหมิงเหมิง โย่วอีแล้วเขาก็เดินไปสั่งอาหารและสั่งชานมร้อน
เขาไม่ได้สนใจไอศกรีมซิกเนเจอร์ด้วยซ้ำ
ซังหลินจวินมักจะรู้สึกว่าสิ่งนอกฤดูเป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์มากเกินไปดังนั้นแม้ว่าสายตาของเฉียวเฉียวและลูกสาวของเขาที่มองไปที่ไอศกรีมขนาดนั้น
หลังจากที่ซังหลินจวิน นั่งลงในที่ของเขา เฉินเฉียวก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้เขาพร้อมกับเปิดหน้าจอและพูดว่า “หลินจวิน ดูสิ เราขึ้นอันดับยอดฮิตที่คนค้นหาอีกแล้ว”
สำหรับการขึ้นหัวข้อยอดฮิตของทั้งสอง เฉินเฉียวฉุนจริงๆ เหมือนว่าหลังจากกลับจากอิตาลีก็โดนไปแล้วสองครั้ง เฉินเฉียวกังวลว่า หลังจากนี้เดินบนถนนจะมีคนจำได้ไหม
คิดถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้
ซังหลินจวินรับโทรศัพท์ไปดู ดูอย่างละเอียดเกี่ยวกับข้อความหัวข้อยอดฮิต พบว่าส่วนมากเป็นคอมเม้นท์ในทางที่ดี
แต่ยังคงขมวดคิ้วโทรหาอวี้เฟยทันทีให้เขาจัดการเรื่องนี้
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ซังหลินจวิน ต้องการขอความเห็นจากเฉินเฉียวแต่พบว่าเฉินเฉียวไม่ได้สนใจเขาเลย
เมืองน้ำแข็งที่คึกคักในวันนี้มีคู่รักมาไม่น้อย
ในเวลานี้มีเรื่องตลกร้ายในร้านไอศกรีม
ผู้หญิงที่แต่งตัวหรูหราสวมชุดลำลองนั่งตรงข้ามกับเธอ กำลังนั่งพูดกับผู้ชาย
เมื่อมองใกล้ ๆเห็นว่าสีหน้าของเธอดูน้อยอกน้อยใจ
เฉินเฉียวตั้งใจฟังสักพักและได้ยินเรื่องน้ำเน่า
ชายหญิงคู่นี้และชายอีกคนที่อยู่ข้างๆเคยมาร้านไอศกรีมนี้เมื่อนานมาแล้ว
ตอนแรกผู้หญิงคนนั้นกำลังดื่มชานมอยู่ที่นี่กับผู้ชายอีกคนที่มีรูปร่างผอม แต่หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นรับโทรศัพท์เธอก็ทักทายผู้ชายคนนั้นและจากไป
แต่ไม่คาดคิดว่าเธอจะมาที่ร้านนี้อีกครั้งในช่วงบ่ายพร้อมกับผู้ชายคนที่สวมชุดลำลอง
บางทีเธออาจจะคิดว่าร้านนี้รสชาติดีก็เลยจะแวะมาอีกเรื่อย ๆ
แต่หลังจากเห็นเธอมาที่นี่กับผู้ชายสองคนที่แตกต่างกันในวันเดียว คิดว่าต่อมรับรู้ตัวเองคงจะแย่
หากสิ่งต่าง ๆ จบลงเพียงเท่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องน้ำเน่า
บังเอิญผู้ชายที่มาดื่มชานมกับเธอในตอนเช้าไม่ได้ออกไปเขาอยู่ในร้านนี้ทั้งวันและเมื่อเขากำลังจะออกไปเขาก็บังเอิญไปชนกับคนทั้งสองที่เข้ามา
มันเหมือนกับถังไฟที่เต็มไปด้วยวัตถุระเบิด
ชายร่างผอมรีบถามพวกเขาทันที
นั่นคือฉากที่เฉินเฉียวเพิ่งเห็น
เมื่อซังหลินจวินมองไปเรื่องนี้ก็เกือบจะจบลงแล้ว
เห็นผู้หญิงคนนั้นโยนเงินจำนวนหนึ่งบนใบหน้าของชายคนนั้นและพูดว่า: “ใครอยากได้เงินมึง กูก็มีเงิน”
หลังจากพูดอย่างโมโหก็หันและเดินจากไป
รอจนผู้หญิงเดินลับหายไป เรื่องก็กลับตาลปัตรทันที
เฉินเฉียวกล่าวเบา ๆ“อี๋”
ซังหลินจวินโน้มตัวไปข้างหน้าและถามว่า “มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”
เฉินเฉียว มองกลับไปที่เขาส่ายหัวและพูดว่า “ฉันแค่คิดไม่ถึงว่า คนสมัยนี้จะซับซ้อนมากขนาดนี้ คิดไม่ถึงจริงๆ”
เมื่อเฉินเฉียวกำลังพูดสายตาของเธอยังคงจ้องมองไปที่คนที่โต๊ะอยู่ไม่ไกลเพียงแค่ตำแหน่งของผู้หญิงที่จากไปนั้นตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยผู้ชาย
เมื่อตั้งใจฟังดีๆจะยังคงได้ยินเสียงของชายคนนั้นพูดว่า: “คุณเซินผมขอค่าแสดงได้ไหม”