ซังหลินจวินเฝ้าดูเฉินเฉียวที่ปกติจะมีรอยยิ้มอ่อนโยนบางๆ แต่ตอนนี้กลับนอนนิ่งอยู่บนเตียง สายตาของเขาแฝงไปด้วยความรู้สึกผิดและไม่สบายใจ
ถ้ารู้ว่าเฉียวเฉียวจะเกิดเรื่อง เขาคงไม่มาอิตาลี
เรื่องของซังอวิ๋นเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย ทั้งๆที่สิ่งที่เขาต้องการคือความสงบสุขในครอบครัว และการได้อยู่กับเฉียวเฉียวอย่างมีความสุข
“หมอมาแล้ว หลบหน่อย”เก๋อหลุนเดินมาพร้อมกับหมอ ซังหลินจวินที่กำลังเสียใจอยู่ข้างๆเตียงก็ลุกขึ้นหลีกทางให้หมอ
หมอเอาเครื่องช่วยฟังไปแนบที่บริเวณหน้าอกของเฉินเฉียว ขมวดคิ้วเป็นเวลานานก่อนจะพูดว่า: “การเต้นของหัวใจของคนไข้เร็วเกินไปพวกคุณควรส่งเธอไปโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด .”
ซังหลินจวินตัวแข็งทื่อ เขาพยายามหาที่จับ เพื่อให้ร่างกายของเขาไม่เซ
ซังหลินจวินก้าวเข้าไป จะพาเธอไปส่งโรงพยาบาล
ในตอนนี้ใจของเขาว้าวุ่น จนลืมเรื่องราวที่วุ่นวายในเวนิส
แต่คนข้างๆเขาไม่ได้ลืม ซังอวิ๋นจับแขนของเขา และเตือนสติ: “ในเวลานี้สถานการณ์ภายนอกยังไม่ปกติ ขืนคุณออกไปตอนนี้ก็นับว่าส่งเฉียวเฉียวไปตายไม่ใช่หรอ?”
ซังหลินจวินเงยหน้ามอง ดวงตาสีเข้มของเขาราวกับพายุที่กำลังจะพัดมาสายตาเหมือนเข็มแหลมๆทิ่มแทงไปทั่วร่าง เขาหัวเราะเบาๆ”แล้วจะให้ทำยังไง ให้ดูเฉียวเฉียวนอนอยู่แบบนี้อย่างงั้นหรือ ทำเหมือนกับว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร ในฐานะตัวซวยที่นำความฉิบหายมาทั้งหมด แกควรจะรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดนี้ ”
ซังหลินจวินยอมรับว่าเขาโกรธเขา ถ้าไม่ใช่เพราะซังอวิ๋น เฉียวเฉียวจะลำบากลำบนข้ามประเทศมาหา จนตอนนี้นอนหมดสติได้ยังไง
ซังอวิ๋นไม่ได้หันมองไปที่ซังหลินจวิน เขาหันไปเล็กน้อยเพื่อมองไปที่เฉินเฉียวที่หน้าซีด เขายิ้มมุมปากและพูด “ฉันยินดีที่จะแบกรับความรับผิดชอบทั้งหมด ถ้าคุณอยากจะส่งเฉียวเฉียวไปโรงพยาบาล ฉันจะพาเธอไปแทนเอง… ”
ซังอวิ๋นเพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงครวญครางดังในห้อง
ตาที่ปิดสนิทของเฉินเฉียวสั่นไหวอยู่นานก่อนที่เธอจะค่อยๆฟื้นจากการหลับใหล ดวงตาที่เต็มไปด้วยภาพมัวของเธอหายและหลังจากที่ได้เห็นมือหลินจวินอยู่ใกล้ๆเธอ เธอก็ไม่พูดอะไรสองมือกอดแขนซังหลินจวินทันที
ซังหลินจวินรู้สึกประหลาดใจกับการกระทำของเฉียวเฉียว แต่ในไม่ช้าเขาก็ได้สติและพูดด้วยรอยยิ้ม: “ทำไมจู่ๆก็มาอ้อน ในห้องคนอยู่ตั้งเยอะนะ”
คำพูดนี้ของซังหลินจวินเบามาก แต่ก็ทำให้เฉินเฉียวตกใจ
สายตาเธอมองออกไปรอบ ๆ และหลังจากพบว่าทุกคนกำลังจ้องมองมาที่เธอ เธอหลับตาแน่นและซุกหน้าไว้ในอ้อมแขนของหลินจวินไม่ยอมออกมา
ซังหลินจวินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเขาไม่สนใจว่าหมอจะหน้าแตก เพราะเขาคิดว่า เฉียวเฉียวฟื้นขึ้นมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว
พวกเขาต้องรีบกลับประเทศ อยู่อิตาลีต่อไปไม่ได้แล้ว
เนื่องจากจู่ๆเฉินเฉียวก็ฟื้นขึ้นมา หมอตรวจร่างกายเธออีกครั้ง พบว่าไม่มีปัญหาอะไร แต่ครั้งนี้ทุกคนไม่ค่อยอยากจะเชื่อเขาพูดหมอ
เพราะว่าเป็นหมอที่เก๋อหลุนพามา สุดท้ายเขาก็ไปส่งหมอกลับ
ไหนๆก็หาคนเจอแล้ว เรื่องที่ต้องเตรียมกลับประเทศ ไม่ต้องรอให้ซังหลินจวินโทรไปจองตั๋วเครื่องบิน
เซินหยูที่ยืนเงียบอยู่นานก็หยิบตั๋วสองใบมาให้พวกเขา
“ คุณเตรียมไว้นานแล้วเหรอ”หลังจากรับตั๋วเครื่องบินแล้ว ซังหลินจวินที่หรี่ตามองเซินหยู ถามออกมา
“ใช่”เซินหยูไม่ปฏิเสธและเขายังให้เหตุผลว่าทำไมเขาถึงแน่ใจว่าพวกเขาจะต้องหนีออกมาได้
“ ฉันรู้ตั้งนานแล้วว่าเจ้าหน้าที่ซูคอยช่วยพวกคุณ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคนที่เขาหามาจะพาคุณออกมาได้อย่างปลอดภัยเลยหาอีกคนส่งไปช่วยพวกคุณ แต่ยังไม่ทันใช้ คุณอาจจะรู้สึกคุ้นมากแน่ๆ คนพวกนั้นที่คุณเคยพูดให้ผมฟัง ตอนที่คุณโดนกลุ่มมาเฟียจับไปในคืนนั้น พวกเขาก็มาหาฉัน ”
เซินหยูอธิบายทุกอย่างอย่างชัดเจน ซังหลินจวินไม่มีอะไรสงสัยอีกต่อไป แต่เขาอยากรู้ว่าตอนนี้เซินหยูส่งคนเหล่านั้นไปไว้ที่ไหน
เซินหยูมองออกว่าซังหลินจวินคิดอะไรจึงบอกเขาว่า: “พวกเขาพักที่โรงแรมนี้ชั่วคราวถ้าคุณต้องการพบพวกเขา ให้โทรหาเจ้านายพวกเขา เขาชื่อหนานอวี่ เขาบอกว่ารู้จักคุณ”
เมื่อได้ยินชื่อของหนานอวี่ ซังหลินจวินก็ผ่อนคลายลง ยังไงซะหนานอวี่กับเขานับว่าสนิทกันมาก ทั้งสองเริ่มทำงานร่วมกันตั้งแต่สี่ปีก่อน ตอนนั้นที่เฉียวเฉียวไม่อยู่ บริษัทก็เคยเกิดเรื่องแย่ๆมากมาย มีหนานอวี่ช่วยออกหน้าให้
แต่เจียงอี้ฝานไม่ต้องการแปดเปื้อนด้วย
แต่บางเรื่อง เขาเหมาะที่จะอยู่ในที่ลับๆมากกว่า
เฉินเฉียวเห็นว่าหลินจวินต้องการไปเจอคนที่พวกเขาพูดถึงเลยลงมือช่วย
“หลินจวินฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย อยากพักผ่อน พวกคุณออกไปได้ไหม”เนื่องจากดูจากตั๋วเครื่องบินแล้วยังมีเวลาเหลือห้าถึงหกชั่วโมงจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะหยุดพัก
“นี่ไม่ใช่ห้องของพวกเรา เดี๋ยวผมพาคุณไปห้องของเรานะ”
คำพูดของซังหลินจวินทำให้เฉินเฉียวหน้าแดง เธอนึกไม่ถึงว่านี่ไม่ใช่ห้องของเขา โชคดีที่ทุกคนไม่ทันได้สังเกต ซังอวิ๋นถึงอยากจะพูดอะไร แต่เรื่องทั้งหมดก็เป็นเพราะเขา เขาเลยกลืนคำพูดนั้นลงไปไม่พูดออกมา
หลังจากที่ซังหลินจวินช่วยพาเฉินเฉียวกลับไปที่ห้องของพวกเขา ซังหลินจวินก็อยากจะนั่งลงข้างเตียง แต่เฉินเฉียวจับมือเขาไว้และพูดด้วยสายตาที่สับสน “คุณไปหาคนพวกนั้นที่คุณเชินพูดถึงเถอพ จริงๆแล้วฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก ”
จู่ๆซังหลินจวินก็เข้าใจว่าทำไมเฉียวเฉียวถึงพูดแบบนั้น มันไม่มีอะไรมากไปกว่าเหตุผลที่ทำให้เขาออกไปได้
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะอยากพบหนานอวี่ เพียงแต่เมื่อเทียบกับเฉียวเฉียวแล้ว เขาอยากจะอยู่กับเธอในตอนนี้มากกว่า
เมื่อเห็นว่าแม้ว่าเฉียวเฉียวจะได้รับบาดเจ็บสิ่งแรกที่เธอนึกถึงก็คือเขาซังหลินจวินรู้สึกทั้งกระอักกระอ่วนและเสียใจ
เห็นได้ชัดว่าเธอสูญเสียความทรงจำและยังคงรักเขาเหมือนเดิมเขารู้สึกมีความสุขกับมันและคิดว่าถ้าเฉียวเฉียวไม่สนใจเขามากขนาดนั้นเธอคงไม่มาหาเขาอย่างหุนหันพลันแล่นแบบนี้
เมื่อซังหลินจวินคิดเช่นนี้เขาก็ไม่สนใจคนอื่นอีกต่อไป
ในสายตาของเขามีแค่ชีวิตของเฉียวเฉียวเท่านั้น
และซังอวิ๋นเป็นแค่เรื่องรอง เขาไม่ได้จะมาหึงเพราะเรื่องแบบนี้
เฉินเฉียวเห็นว่าเขาเงียบเป็นเวลานาน สายตาเหม่อมองไปยังทิศๆหนึ่ง ไม่พูดไม่จาเธอเลยตีมือเขาหนึ่งที ทำให้เขาได้สติ
ตอนซังหลินจวินได้สติยังคง งุงงง ว่าทำไมเฉียวเฉียวถึงตีเขา
เฉินเฉียวยั้งมือที่จะตีเขาอีกรอบ: “คุณรีบไปเถอะค่ะ ฉันอยากจะพักผ่อนจริงๆแล้ว