ตอนที่ซังหลินจวินลงจากเครื่องบิน นั่นเป็นเช้าของวันต่อมาแล้ว ขณะนั้นในหยวนเซิ่งกำลังประชุมครั้งสำคัญอยู่ อวี้เฟยก็อยู่ในนั้นด้วย ตอนที่เขาอยากเอาโทรศัพท์ออกมาโทร แต่กลับโดนซังเสี่ยนที่นั่งเป็นประธานเรียกชื่อ
“ผู้ช่วยอวี้ การประชุมครั้งนี้ เหมือนจะเคยแจ้งว่าต้องปิดเครื่องมือสื่อสาร คุณดูเหมือนไม่ใส่ใจคำพูดของผมเลย”
มือของอวี้เฟยหยุดชะงัก ปรับสีหน้านิ่งเฉยแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “ขอโทษครับ ผมลืม”
สุดท้ายเขาก็กดปิดโทรศัพท์
ซังหลินจวินที่รู้สึกผิดปกติมองไปทางพวกเขา “เฉียวเฉียว เธอพาลูกกลับบ้านก่อน ฉันต้องไปบริษัท”
“ได้ เดี๋ยวฉันกับลูกรอนายที่บ้าน” เฉินเฉียวตอบตกลงอย่างไม่ลังเลเลย
เพราะซังหลินจวินทิ้งบริษัทเพราะเธอมาตั้งนาน เฉินเฉียวรู้สึกผิดมาก
รอซังหลินจวินโบกรถไปทิศทางบริษัทแล้ว เฉินเฉียว ลุงฟู่กับเด็กอีกสองคนค่อยกลับบ้าน
ตอนที่ซังหลินจวินไปถึงบริษัท นั่นเป็นครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น
ตอนที่ก้าวเข้าประตูหยวนเซิ่ง ซังหลินจวินสังเกตเห็นสายตาแปลกๆของพนักงาน
ในใจไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ก็รู้แล้วว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน
พอขึ้นไปชั้นสิบเก้าแล้ว กลับเห็นว่าห้องทำงานตัวเองว่างเปล่าไม่มีใครเลย
จากนั้นจึงเรียกเลขามาถาม “ผู้ช่วยอวี้อยู่ไหน”
พอเห็นบอสซังที่หายตัวไปนานอยู่ๆก็โผล่มา เลขาชายที่โดนเรียกถามตกใจมาก แต่ก็รีบตอบคำถามเขา
“บอสซังครับ ตอนนี้ผู้ช่วยอวี้กำลังประชุมอยู่ครับ วันนี้คณะกรรมการบริษัทมาพร้อมหน้าพร้อมตาเลยครับ”
เลขาชายพยายามบอกแบบอ้อมๆด้วยสีหน้าเข้มงวด
ซังหลินจวินพยักหน้า กำลังบอกว่ารู้แล้ว
จากนั้นจึงก้าวเดินไปที่ห้องประชุม
เลขามองบอสที่เดินไปไม่เคยคิดเลยว่าถ้าที่ประชุมทำสำเร็จ เขาที่เหมือนยืนอยู่ข้างบอสซังจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน
หรือว่า เขารู้ว่าจะเป็นยังไง แต่ก็เลือกฝั่งได้อย่างไม่ลังเลเลย
ในสายตาพนักงานเก่าอย่างพวกเขา เจ้าของจริงๆของหยวนเซิ่งมีแค่คนเดียว
ตอนที่ซังหลินจวินเดินไปถึงหน้าห้องประชุม ได้ยินเสียที่กำลังพูดว่า “ขอบคุณทุกท่านที่สนับสนุนผมนะครับ ผมจะนำพาหยวนเซิ่งให้ก้าวหน้ากว่าเดิมแน่นอนครับ”
ซังหลินจวินผลักเปิดประตูห้องประชุม เขาหัวเราะในลำคอ ตอนที่สายตาทุกคนในห้องประชุมมองมาที่เขา เขาจึงเอ่ยว่า “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่หุ้นของผม พวกคุณสามารถมาตัดสินใจแทนได้”
น้ำเสียงที่เยือกเย็นของเขา “หลินจวิน นายอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ซังเสี่ยนที่ได้ดั่งหวังกลับตกใจเพราะซังหลินจวิน
ซังหลินจวินยิ้มกับอาสามของเขาแล้วเอ่ย “คุณอาสามก็ต้องไม่อยากให้ผมอยู่ที่นี่อยู่แล้ว ไม่งั้นตำแหน่งของผมคงต้องเป็นของอา”
ซังเสี่ยนที่โดนพูดแทงใจหน้าซีดหน้าแดง แต่เขาก็ยังแสร้งใจเย็น “จะเป็นไปได้ยังไง เราเป็นครอบครัวเดียวกัน จะคิดแบบนั้นได้ยังไง”
“อาสามคิดแบบนี้หรือเปล่า ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ อาสามอยากมานั่งตำแหน่งของผม เหมือนยังไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง หุ้นของผม ผมมีสิทธิ์คนเดียว ไม่ใช่ว่าอาเป็นคนตระกูลซัง แล้วสามารถยึดหุ้นของผมได้ แล้วอีกอย่าง เชื่อว่าตอนนี้อาก็คงยังไม่ได้หุ้นของผม”
เขาได้แบ่งหุ้นของเขาไว้หลายๆที่ มีแค่เขาคนเดียวที่รู้
สิบห้าเปอร์เซ็นต์ในนั้นให้อวี้เฟยดูแล แล้วตอนนี้เห็นอวี้เฟยอยู่ในห้องประชุมด้วย ไม่ต้องคิดเยอะก็รู้ว่าซังเสี่ยนยังไม่ได้หุ้นไปครอง
กับคนของตัวเอง เขารู้ดีกว่าใครๆ
หลังจากสี่ปีก่อนที่มีคนแอบซื้อหุ้นแล้วล้มเหลว ซังหลินจวินก็เอาหุ้นทั้งหมดมาอยู่ในมือแล้ว
เพราะแบบนี้ ครั้งนี้ซังเสี่ยนที่เล็งมานานรู้ว่าซังหลินจวินหายตัวไป นี่เลยเป็นโอกาสดีที่พลาดไม่ได้
โดยเฉพาะถ้าเขาหายไปยิ่งนานยิ่งมีประโยชน์ต่อเขา เขาแอบให้คนไปสืบซังหลินจวินกับเฉินเฉียว แต่พอไม่มีข่าวคราวพวกเขามาเป็นอาทิตย์ เขาเลยค่อยวางใจ
เพื่อไม่ให้เสียเวลากว่านี้ เขาเลยให้คนปล่อยข่าวที่เกิดเรื่องกับซังหลินจวิน ตอนที่ทุกคนกำลังหวั่นกลัว เลยเรียกประชุมครั้งนี้
เขามั่นใจเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์เลยว่า คณะกรรมการทุกคนต้องยืนฝั่งเขา
แต่เรื่องทั้งหมดกลับพังทลายเพราะซังหลินจวินที่โผล่มา
ซังเสี่ยนที่สิ้นหวังแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ เขายังยิ้มอย่างขมขื่นแล้วเอ่ย “หลินจวิน เราพูดผิดแล้วล่ะ เราหายตัวไปตั้งนาน บริษัทเกือบจะวุ่นวาย อาก็ทำเพื่อบริษัท เลยตกลงให้อาเล็กของเราเรียกประชุมครั้งนี้ ถ้ารู้แต่แรกว่าเราไม่เป็นอะไร พวกอาก็ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
เขาพูดแล้วก้มหน้า จากนั้นจึงถอนหายใจ
“พวกอาก็แก่แล้ว ไม่เหมือนกับคนหนุ่มๆอย่างเราอยากไปก็ไป ทำอะไรตามใจตัวเองได้”
ซังเสี่ยนเหมือนกำลังเรียกร้องความเห็นใจ ความจริงกำลังแฉซังหลินจวินต่อหน้าคณะกรรมการ
เพราะทุกคนกำลังยุ่งเรื่องบริษัท เขาเป็นผู้บริหาร ทิ้งงานในบริษัทตามอำเภอใจ ก็เหมือนไม่แคร์บริษัท นี่เป็นเรื่องที่คณะกรรมการบริษัทไม่อยากเห็น
เพราะหยวนเซิ่งเป็นหยาดเหงื่อของทุกคน ตอนที่มีกำไร ทุกคนดีใจ แต่ถ้ามีเรื่องที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารหรือว่าใคร ทุกคนก็จะยืนเป็นฝ่ายค้าน
“ทุกท่านคิดแบบนี้เหมือนกันเหรอครับ?” ซังหลินจวินไม่ได้แก้ตัว แต่กลับเดินผ่านตั้งแต่คนแรกจนถึงคนสุดท้าย แล้วพูดอย่างเรียบนิ่ง
เสียงของเขาเบามาก แต่ทุกคนไม่มีทางลืมความเด็ดขาดของเขาเด็ดขาด
จากนั้นแต่ละคนเลยรีบส่ายหน้า “จะเป็นไปได้ยังไงครับ คุณซังก็ต้องติดธุระเลยไม่ได้สนใจเรื่องบริษัท เราทุกคนจะจับผิดคุณซังได้ยังไงครับ”
มีคณะกรรมการกลับคำแล้ว จากนั้น คนอื่นๆก็กลับคำตามด้วย
ซังเสี่ยนเห็นพวกเขากลับคำกัน โกรธจนตาแดง
วินาทีนั้น ซังหลินจวินเดินไปที่อาเล็กพอดี เขายืนอยู่ที่นั่น สายตาแหลมคมเหมือนพายุกำลังจะเข้า