เฉินเฉียวตกใจ
ขโมยหรอ?!
เขตป้านซานเป็นชุมชนพื้นที่คนร่ำรวยที่มีชื่อมาก ระบบความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณบ้านนอกจากเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนแล้วยังมีการยามรักษาความปลอดภัยทรัพย์สินคอยสอดส่องเป็นระยะดังนั้นหลายปีที่ผ่านไม่เคยได้ยินว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
แต่ถึงจะไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่ได้หมายความว่าคืนนี้จะไม่เกิด
เธอเตรียมพร้อม ลมหายใจสั่นเครือ
ในความมืดได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบา ยิ่งไปกว่านั้นเสียงฝีเท้าดังเข้ามาหาเธอจากระยะไกล
ขาของเธอสั่นมือข้างหนึ่งกำเสื้อผ้าของแน่นและอีกมือก็คลำหาทางไปทั่ว
ในที่สุดก็คว้าแจกันที่วางอยู่บนตู้ได้ เธอกำไว้แน่นราวกับมีความกล้าขึ้นมาเล็กน้อย ตะโกนออกไปเสียงดัง“ใครอยู่ตรงนั้นหน่ะ”
ร่างนั้นเข้าใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ
ราวกับได้ยินเสียงของเธออีกฝ่ายก็หยุด
‘แปะ’ทันใดนั้นโคมไฟคริสตัลในห้องโถงก็สว่างขึ้น
สายตาเฉินเฉียวชินกับความมืดแล้ว เปิดไฟจ้าไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ แสบตาจนลืมไม่ขึ้น
หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ลืมตาขึ้น
เห็นชายคนนั้นยืนอยู่ไม่ไกลก็ตกใจ
คุณมาทำอะไรที่นี่?
คนที่ยืนอยู่หน้าเธอ ไม่ใช่ขโมยแต่เป็นเจ้าของบ้านซังหลินจวินนั่นเอง
แต่เขาไปธุระต่างจังหวัดไม่อยู่บ้านไม่ใช่หรอ
ตอนนี้เขาสวมชุดนอนยืนถือแก้วน้ำอยู่หน้าเธอ เกิดอะไรขึ้น
“คำนี้ฉันต่างหากที่ต้องถามเธอ”ซังหลินจวินมองไปที่ร่างเธอที่สวมชุดนอนผู้ชายอยู่
แสงและเงาส่องในรูม่านตาบางครั้งชัดเจนบางครั้งคลุมเครือ
เฉินเฉียวนึกขึ้นได้ว่าถามเขาแบบนี้มันผิดชัดๆ
นี่คือบ้านของเขาและเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะอยู่ที่นี่
ตรงกันข้ามกับเธอ
เฉินเฉียวประหม่า กำสิ่งที่อยู่ในมือแน่น ไม่รู้ว่าจะตอบเขาอย่างไรดี
“สิ่งที่เธอถืออยู่มาจากราชวงศ์หมิงและราคาประมาณ2.6 ล้านถึง 3 ล้าน”
เขาพูดเรียบๆ
ท่าทางในการเดินเข้าหาเธอยิ่งดูสงบและอ่อนโยน
ราวกับว่าเจอเธอในบ้านนี้ไม่แปลกใจเลยสักนิด
เฉินเฉียวมองไปที่เขาแล้วหันไปมองสิ่งที่อยู่ในมือของเธอ
เพิ่งรู้ว่าตัวเองถือเครื่องเคลือบลายครามสีเขียวมรกตอยู่ในมือ
ตายแล้ว
เธอเกือบต้องเสียเงิน2ล้านกว่าซะแล้วเธอคิดว่ามันเป็นที่เขี่ยบุหรี่
เฉินเฉียววางเสื้อผ้าของเธอไว้ที่ด้านหลังของโซฟาโดยใช้มือทั้งสองข้างจับชามกระเบื้องขนาดเล็กอย่างระมัดระวังแล้ววางกลับเข้าที่
เมื่อมองย้อนกลับไปพบว่าเสื้อผ้าทั้งหมดที่วางไว้บนโซฟาได้ตกลงไปบนพื้นแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดนั้นก็คือยกทรงและกางเกงชั้นในที่เธอซ่อนไว้ข้างใต้สุดพลิกหล่นไปอยู่ข้างบน
เมื่อนึกถึงผู้ชายที่ยืนมองเธออยู่ไม่ไกลเห็นเสื้อผ้าพวกนี้เธอก็รู้สึกอายและหน้าของเธอก็ร้อนผ่าว
เธอย่อตัวลงอย่างรวดเร็วเพื่อเก็บมันขึ้นมา
ซังหลินจวินเดินมาพร้อมกับถ้วยน้ำชาและเข้ามาในสายตาทำให้เธอรู้สึกร้อนผ่าว
ในตอนกลางคืนเธอสวมเพียงเสื้อคลุม
มีเพียงสายรัดตรงกลางของเสื้อคลุมเท่านั้นที่ถูกมัดไว้อย่างหลวม ๆ แบบนี้ร่องอกรูปตัววีก็เผยให้เขาเห็นหมดแล้ว
ข้างในเธอเปลือยเปล่า ไม่ได้ใส่อะไรเลย
หน้าอกเต่งตึงภายใต้แสงไฟนั้นขาวเนียนราวกับหิมะ
ปลายยอด อกสีชมพูกระตุ้นทุกเส้นประสาทในตัวผู้ชาย
คืนนั้นเขาชิมเธอจนทั่ว
ยิ่งได้เคยลิ้มลองมาแล้ว ยิ่งรู้ว่ามันอร่อยแค่ไหน ก็ยิ่งอยากจะลิ้มลองอีก
เฉินเฉียวรู้สึกถึงพลังงานบีบคั้นบางอย่างใกล้เข้ามา เงยหน้ามองเห็นกางเกงสีเทาและรองเท้าแตะสีขาวของผู้ชายคนนั้น
อยากจะมุดดินหนีเสียจริงๆ เธอรีบๆหยิบเสื้อผ้าอย่างลวกๆและลุกขึ้น
ฉัน….ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วจะอธิบายให้ฟังทีหลัง “เฉินเฉียวรู้สึกอายที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาเธอพูดจบก็จะก้าวขาและกำลังจะขึ้นไปชั้นบน
แต่เพิ่งก้าวไปก้าวเดียว ที่เอวก็ร้อนผ่าว
แขนยาวๆของชายคนนั้น โอบเอวเธอไว้ไม่ให้เธอไป
เธอถึงกับผงะ
ในชั่วพริบตาต่อมาเธอถูกเขาโอบตัวไปและเอนกายพิงพนักโซฟา
เมื่อเห็นดวงตาที่มืดมดและน่ากลัวของชายคนนั้น เฉินเฉียวก็ใจเต้นแรง
สัญชาตญาณต้องการที่จะหลบหนี
เขาเร็วกว่าเธอหนึ่งก้าวและวางมือลงบนโซฟาโดยกั้นเธอไว้ระหว่างโซฟากับหน้าอกที่แข็งแรงของเขา
เธอหายใจเข้าลึก ๆ และจับเสื้อผ้าไว้ในมือ
อดกลั้นและตั้งสติ
ไหนๆก็เป็นแบบนี้แล้ว เธอหนีไม่ได้
“ประธานซังคุณจะทำอะไร”เธอเกร็งร่างพลางเอ่ยปากถาม
ใกล้ขนาดนี้ยากมากที่เธอจะสงบเสงี่ยม ในหัวตอนนี้ภาพเหตุการณ์เช้าวันนั้นในห้องแม่ลูกอ่อนผุดขึ้นมา
ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เป็นพวกไม่แตะต้องผู้หญิงตามที่เข้าเล่ากัน แต่จริงๆแล้วธาตุแท้ของเขาเป็นพวกหื่น
วันนั้นเธอถูกเขาเอาเปรียบ
“ คำนี้ต้องเป็นฉันไม่ใช่หรอที่ต้องถามเธอ”ดวงตาที่มีเสน่ห์ของชายคนนั้นมองมาที่เธอ
ดวงตาของเขาเป็นเหมือนวังวนลึกจ้องมองเพียงแค่แวบเดียวเขาสามารถดึงวิญญาณออกจากร่างได้
เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้จนลมหายใจรดใบหน้าของเธอ “ดึกๆดื่นๆแบบนี้ใส่ชุดนอนฉันแล้วมาโผล่ที่บ้านแบบนี้ ต้องการอะไรกันแน่”
ริมฝีปากของเฉินเฉียวสั่นและจิตใจของเธออยู่ในภาวะสับสน
ก่อนที่เธอจะพูดสายตาของเขาก็เคลื่อนออกไปจากดวงตาของเธอและมองต่ำลงไป
ริมฝีปากบางยกสูง“ ข้างในก็ไม่ได้ใส่อะไร ยังจะมานั่งยองๆต่อหน้าฉันอีก คุณเฉิน คนที่ต้องอธิบายเกรงว่าจะเป็นคุณนะ ห๊ะ
คำสุดท้ายเขาลากเสียงเซ็กซี่ยั่วยวน
ในหัวของเฉินเฉียวมีแต่เสียง‘หึ่ง’ ด้วยจิตใต้สำนึกเธอรีบจับคอเสื้อแน่น
เขา……นึกไม่ถึงว่าจะรู้ข้างในเธอไม่ได้ใส่อะไรเลย
ตอนนี้เขาเห็นทุกอย่างแล้วหรือยัง?
“ ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด”เฉินเฉียวเสียใจว่าทำไมเธอจึงลงไปนั่งยองๆเพื่อหยิบเสื้อผ้า คำอธิบายสั้น ๆ : “ฉันมาที่นี้เพราะมาช่วยดูลูกชายคุณ ถ้าฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่บ้านฉันก็จะไม่มา”
ซังหลินจวินมองเธอที่อธิบายอย่างใจจดใจจ่อสีหน้าของเธอเคร่งเครียด“หญิงที่เอาลูกฉันเป็นขออ้างเนี่ย ฉันนับได้เป็นร้อยๆคน เขาเป็นลูกฉัน ไม่ใช่ลูกเธอ มาดูแลเพื่ออะไร ”
ซังหลินจวินไม่ได้พูดมั่ว
มีผู้หญิงตั้งหลายคนที่หาช่องทางไม่ได้ เลยไปเข้าหาซังโย่วอี
เฉินเฉียวอธิบายเหตุผลของตัวเอง แต่ว่าคำที่ซังหลินจวินพูดออกมาสองประโยคเธอก็ตอบกลับไม่ได้
ที่เขาพูดก็จริง
ถ้าไม่นับครั้งนี้ก่อนหน้านี้เธอและซังโย่วอีเคยพบกันสองครั้ง จะคิดยังไงก็รู้สึกว่าที่เธอมาดูแลเขาเป็นเรื่องแก้ตัวน้ำขุ่นๆถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงก็ตาม
“ ฉันเห็นคุณตอนนี้ฉันก็เสียใจสุดๆแล้ว ต้องโทษตัวเองที่ใจอ่อนเกินไป ลูกของคุณพูดคำสองคำก็ฉันก็มาถึงที่นี่ แต่ตอนนี้มันชัดเจนแล้วว่าฉันยุ่งเรื่องของคุณมากเกินไป”
เฉินเฉียวโกรธเล็กน้อยกับคำพูดของซังหลินจวิน
พูดเสร็จมือก็ผลักเขาออกไป
แต่ว่าแรงของผู้หญิงจะต้านแรงของผู้ชายได้อย่างไร?