หยูเหม่ยเหรินที่อยู่ไม่ไกลออกไป เธอก็เป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในทั้งสามคน
และระดับขั้นของเธออยู่ที่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสุดยอดเท่านั้น เช่นเดียวกับฉินเฉิง
แต่ในเวลาหนึ่งวัน หยูเหม่ยเหรินก็ก้าวเข้ามาสู่ระดับขั้นของจอมยุทธ์
ฮั่นจิ่วเถียนเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในสามคนและพลังหยินพวกนี้มันก็ไม่สามารถทำให้เค้าก้าวหน้าไปสู่ขั้นที่เหนือกว่านี้ได้เลย
อีกวันต่อมา หยูเหม่ยเหรินที่อยู่ในโลหิตแห่งจิตวิญญาณก็ลืมตาขึ้นมาในทันที
เธอมองไปที่ฉินเฉิงอย่างเงียบๆโดยไม่พูดอะไรอยู่นาน
จากนั้นหยูเหม่ยเหรินก็ค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากโลหิตแห่งจิตวิญญาณนี้
พลังหยินที่ดูราวกับเมฆหมอก มันก็ทำให้ร่างของหยูเหม่ยเหรินค่อนข้างคลุมเครือ
เธอมองไปที่ฉินเฉิงแล้วพูดขึ้นมาช้าๆว่า: “ฉันไปหละ ฉันหวังว่าในตอนที่ฉันเจอนายครั้งต่อไป นายจะไร้เทียมทานไม่มีใครสามารถสู้ได้”
การเดินทางครั้งนี้มันต้องใช้เวลาเป็นปี
และเมื่อทั้งสองได้พบกันอีกครั้ง หยูเหม่ยเหรินอาจได้กลายเป็นปีศาจที่มีชื่อเสียงในโลกศิลปะการต่อสู้ไปแล้วก็ได้
…
พลังหยินในเส้นกระแสโลหิตแห่งจิตวิญญาณก็ค่อยๆหายไปทีละน้อย
จากในตอนแรก มันหนาแน่นราวกับเมฆหมอก ตอนนี้มันกลายเป็นแค่หมอกจางๆก็เท่านั้น
ที่มันก็เป็นเวลากว่าสี่วันเต็ม
ทั้งฉินเฉิงกับฮั่นจิ่วเถียนก็ไม่ใครก้าวออกไปจากเส้นกระแสโลหิตแห่งจิตวิญญาณนี้เลย
ในวันที่สี่ ฮั่นจิ่วเถียนก็ลืมตาขึ้นมาก่อน
ในตอนนี้เอง พลังหยินในกระแสโลหิตแห่งจิตวิญญาณมันก็ได้กลายเป็นสภาวะที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“ถ้ามีกระแสโลหิตแห่งจิตวิญญาณแบบนี้อีก อย่างน้อยๆฉันก็จะสามารถก้าวเข้าสู่จอมยุทธ์ขั้นสี่ได้” ฮั่นจิ่วเถียนพูดขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกันนี้เอง ฉินเฉิงก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับเสียง “วืด”
คิ้วของฉินเฉิงยังคงขมวดคิ้วขึ้นมา มันไม่เหมือนกับฮั่นจิ่วเถียนเลย สีหน้าของเค้ามันดูไม่ดีซะเท่าไหร่
“พี่ฉิน” ฮั่นจิ่วเถียนเดินเข้าไปพร้อมกับรอยยิ้ม “การเก็บเกี่ยวครั้งนี้มันไม่เลวเลยทีเดียว”
ฉินเฉิงเหลือบมองฮั่นจิ่วเถียน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ประสบการณ์ที่โชกโชนครั้งนี้มันไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ฉินเฉิงจินตนาการไว้เลย
กระแสโลหิตแห่งจิตวิญญาณขนาดใหญ่แบบนี้ มันก็ยังไม่สามารถทำให้เค้าก้าวสู่ขอบเขตของจอมยุทธ์ได้เลย!
ฉินเฉิงในตอนนี้ยังอยู่ห่างจากขอบเขตของจอมยุทธ์อีกเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น มันเป็นเพียงแค่เส้นบางๆที่ขั้นระหว่างคำว่าจอมยุทธ์
“ดูเหมือนพี่ฉินจะยังก้าวเข้าสู้ขอบเขตของจอมยุทธ์ไม่ได้นะ?” ฮั่นจิ่วเถียนมองออกเร็วมาก
ฉินเฉิงไม่ได้ปกปิดอะไร เค้าพยักหน้าแล้วพูดว่า: “ถ้าหากว่านายไม่เข้ามาด้วย ฉันก็น่าจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตของจอมยุทธ์ได้อย่างแน่นอน”
ฮั่นจิ่วเถียนยิ้มแล้วพูดว่า: “พี่ฉิน อย่างงั้นก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
ฉินเฉิงถอนหายใจออกมา ฮั่นจิ่วเถียนเป็นคนที่มีท่าทีอบอุ่นกับคนอื่นอยู่เสมอๆ แต่ฉินเฉิงกลับไม่ได้รู้สึกอย่างงั้น เค้าคิดว่าคนๆนี้ร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง
ในตอนนี้เอง คิ้วของฉินเฉิงก็ขมวดขึ้นมา
เค้ามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เจอหยูเหม่ยเหริน
“แล้วหยูเหม่ยเหรินล่ะ?” สีหน้าของฉินเฉิงก็เปลี่ยนไป เค้ามองไปที่ฮั่นจิ่วเถียนโดยไม่รู้ตัว
ฮั่นจิ่วเถียนพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ: “เฮ้ ผู้หญิงคนนั้นเธอหายไปไหนกัน?”
ฉินเฉิงเหล่ตามองแล้วพูดว่า: “ฮั่นจิ่วเฉียน นายทำอะไรกับเธอ?”
ฮั่นจิ่วเถียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้: “พี่ฉิน ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะครับ ถ้าผมทำอะไรเธอ พี่คงไม่ปล่อยผมไปอย่างแน่นอน”
ที่พูดมามันก็จริง ถ้าหากว่าไม่มีพลังปราณ ความแข็งแกร่งของฮั่นจิ่งเถียนก็ยังไกลกว่าฉินเฉิงอยู่มาก
“แปลก” สีหน้าของฉินเฉิงก็ดูน่าเกลียดเล็กน้อย เมื่อคิดถึงหยูเหม่ยเหรินที่เปลี่ยนไป เค้าก็ไม่สบายใจเล็กน้อย
“พี่ฉินไม่ต้องกังวลไป ผมคิดว่าเธอน่าจะจากไปก่อนก็เท่านั้น” ฮั่นจิ่วเถียนพูดว่า “ถ้าเธอไปกับพี่ มันก็อาจจะมีอันตรายถึงชีวิต พี่คิดว่าอย่างงั้นไหม?”
ฉินเฉิงพยักหน้าแล้วพูดว่า: “บางทีก็อาจจะ”
“พี่ฉิน ทำไมพี่กับผมเราไม่ออกไปจากที่นี่ด้วยกันหละ?” ฮันจิ่วเถียนก็เสนอขึ้นมา
ฉินเฉิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ นายออกไปก่อนเลยเถอะ”
“พี่ฉินไม่พอใจ?” ฮั่นจิ่วเถียนพูดด้วยความประหลาดใจว่า “เนื่องจากสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูเจอซากปรักหักพังนี่ก่อนแล้วก็เข้ามาตรวจสอบทั้งหมดอย่างละเอียด นอกจากกระแสโลหิตแห่งจิตวิญญาณนี้แล้ว ผมคิดว่ามันน่าจะมีอะไรที่มีค่าอย่างอื่นอีก”
“อย่างงั้นเหรอ” ฉินเฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม “มังกรที่หลับไหลอยู่นี่ พวกเค้าก็ยังไม่เจอมันเลย?”
ฮั่นจิ่วเถียนเงียบไป เค้าผายมือแล้วพูดว่า: “เอาหละ ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปก่อน ขอให้พี่ชายราบลื่นนะครับ”
หลังจากพูดออกมาแบบนี้แล้ว ฮั่นจิ่วเถียนก็จากไป
ฉินเฉิงกำหมัด แม้ว่าตอนนี้เค้าจะมีความแข็งแกร่งเพียงครึ่งเดียวของจอมยุทธ์ เพียงแค่เค้าได้ขึ้นเชื่อว่า”จอมยุทธ์”สองคำนี้ เค้าจะแตกต่างไปจากจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
การที่ฉินเฉิงเป็นจอมยุทธ์ได้ครึ่งก้าว อันที่จริงมันก็อยู่เหนือกว่าระดับปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แล้ว
สิ่งที่น่ากังวลของฉินเฉิงก็คือถ้าเค้าไม่สามารถก้าวเข้าสู่ระดับขั้นของจอมยุทธ์ได้ เค้าก็จะไม่มั่นใจพอที่จะเผชิญหน้ากับฉินเฉิง
“ฉันหวังว่าจะซากโบราณสถานนี่มันจะไม่มีอะไรเหลือแล้วนะ” ฉินเฉิงถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เค้าทำได้เพียงแค่ทิ้งความหวังไว้ที่นี่
…
ที่ทางเข้าซากโบราณสถาน ในตอนนี้เอง ผู้คนจำนวนมากก็กำลังรวมตัวกัน
ในเวลาสี่วัน อาการบาดเจ็บของโจวติ่งก็หายดีแล้ว เค้าเฝ้ารออยู่ที่นี่มาสี่วันแล้ว
“อาจารย์โจว ท่านต้องไม่ปล่อยไอ่เด็กนี่ไปนะครับ!” คนรอบข้างก็ตะโกนขึ้นมาว่า “มันเอากระแสโลหิตแห่งจิตวิญญาณนี่ไปคนเดียวเลย มันต้องได้รับการลงโทษ!”
“ใช่แล้ว ไอ่นี่มันจองหองจริงๆ อย่าไปอ่อนข้อให้มันนะครับ!”
โจวติ่งเยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ต้องบอกเค้า เค้าก็จะไม่มีวันปล่อยฉินเฉิงไปอย่างแน่นอน
การโดนกระทำแบบนี้ โจวติ่งก็ไม่เคยได้รับความอับอายเช่นนี้มาก่อนเลย!
ในตอนนี้เอง ฮั่นจิ่วเถียนก็ค่อยๆก้าวเดินออกมาจากด้านใน
“พี่ฮั่น!” ในตอนนี้เองหลายคนก็รีบเข้าไปทักทาย เมื่อมองไปที่ด้านหลังของฮั่นจิ่วเถียน หลายคนก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “พี่ฮั่น แล้วฉินเฉิงล่ะ?”
ฮั่นจิ่วเถียนส่ายหัวแล้วพูดว่า: “เค้ายังอยู่ข้างใน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของพวกเค้าก็เปลี่ยนไป พวกเค้าต่างก็พูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจว่า: “หรือว่าฉินเฉิงมันกำลังจะหนี?”
“หนี?” โจวติ่งเยาะเย้ย “ซากโบราณสถานนี่มันมีทางเข้าเพียงทางเดียวเท่านั้น มันจะหนีไปไหนได้?”
จากนั้นโจวติ่งก็มองไปที่ฮั่นจิ่วเถียนแล้วพูดว่า: “จิ่วเถียน ทำไมฉินเฉิงยังไม่ออกมาอีก?”
ฮั่นจิ่วเถียนครุ่นคิดอยู่ซักพัก จากนั้นก็พูดว่า: “ดูเหมือนว่าเค้าอาจจะอยากลองเสี่ยงโชคดู ดูแล้วสถานที่แห่งประสบการณ์ที่โชกโชนนี้มันน่าจะมีสมบัติอย่างอื่นที่ยังหลงเหลืออยู่”
เมื่อโจวติ่งได้ยินแบบนี้ เค้าก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“โลภมากจริงๆ! ซากปรักหักพังโบราณนี้มันยังมีพลังสังหารอยู่ ถ้าไม่ระวัง มันก็อาจจะตายได้เลย! มันโง่จริงๆเลย!” โจวติ่งเยาะเย้ย
ฮั่นจิ่วเถียนยิ้มแล้วก็ไม่พูดอะไร
นอกจากนี้แล้วเรื่องครอบครองโลหิตแห่งจิตวิญญาณ ฉินเฉิงก็ถูกตำหนิอย่างต่อเนื่อง แต่ฮั่นจิ่วเถียนกลับไปไม่มีใครตำหนิเค้าเลย
นี่คือความแตกต่างของสถานะ บางทีโลกนี้มันอาจจะไม่มีความยุติธรรม
“จิ่วเถียน ทำไมฉินเฉิงถึงยอมให้เธอเข้าไปในโลหิตแห่งจิตวิญญาณด้วยหละ?” จู่ๆโจวติ่งก็ถามขึ้นมา
ฮั่นจิ่วเถียนยิ้มแล้วพูดว่า: “ฉันบอกว่าฉันจะช่วยเหลือเค้าได้ เค้าก็เลยตกลง”
“ช่วยเหลือได้?” จู่ๆก็มีคนไม่พอใจขึ้นมา “ฉันเองก็พูดแบบนี้เหมือนกัน ทำไมเค้าถึงปฏิเสธ”
ฮั่นจิ่วเถียนก็พูดขึ้นมาอย่างไร้เดียงสาว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนโกรธมากยิ่งขึ้นในทันที ในความคิดของพวกเค้า ฉินเฉิงกำลังดูถูกตระกูลของพวกเค้า!
“ได้ ไอ่ฉินเฉิง” ในตอนนี้เองก็มีคนพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “มันก็แค่รากหญ้า มันกล้ามาดูถูกพวกเราอย่างงั้นเหรอ? มันน่าตลกจริงๆ!”
“หัวหน้าโจว พวกเราจะรอกันต่อไหม?” ฮั่นจิ่วเถียนก็ถามขึ้นมา
โจวติ่งพูดอย่างเย็นชาว่า: “รอ! รอจนกว่ามันจะออกมา!”
“มันจะไม่ตายอยู่ข้างในใช่ไหม?”
“ถ้าจะปล่อยให้มันตายอยู่ข้างใน มันก็น่าเสียดายนะ!”
“ใช่แล้ว อย่างน้อยก็ต้องให้มันยอมรับการพิพากษาจากสมาคมศิลปะการต่อสู้เมืองจิงตู!”