ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 358 จ่ายโดยไม่มีผลตอบแทน

หยูเหม่ยเหรินที่อยู่ไม่ไกลออกไป เธอก็เป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในทั้งสามคน

และระดับขั้นของเธออยู่ที่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสุดยอดเท่านั้น เช่นเดียวกับฉินเฉิง

แต่ในเวลาหนึ่งวัน หยูเหม่ยเหรินก็ก้าวเข้ามาสู่ระดับขั้นของจอมยุทธ์

ฮั่นจิ่วเถียนเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในสามคนและพลังหยินพวกนี้มันก็ไม่สามารถทำให้เค้าก้าวหน้าไปสู่ขั้นที่เหนือกว่านี้ได้เลย

อีกวันต่อมา หยูเหม่ยเหรินที่อยู่ในโลหิตแห่งจิตวิญญาณก็ลืมตาขึ้นมาในทันที

เธอมองไปที่ฉินเฉิงอย่างเงียบๆโดยไม่พูดอะไรอยู่นาน

จากนั้นหยูเหม่ยเหรินก็ค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากโลหิตแห่งจิตวิญญาณนี้

พลังหยินที่ดูราวกับเมฆหมอก มันก็ทำให้ร่างของหยูเหม่ยเหรินค่อนข้างคลุมเครือ

เธอมองไปที่ฉินเฉิงแล้วพูดขึ้นมาช้าๆว่า: “ฉันไปหละ ฉันหวังว่าในตอนที่ฉันเจอนายครั้งต่อไป นายจะไร้เทียมทานไม่มีใครสามารถสู้ได้”

การเดินทางครั้งนี้มันต้องใช้เวลาเป็นปี

และเมื่อทั้งสองได้พบกันอีกครั้ง หยูเหม่ยเหรินอาจได้กลายเป็นปีศาจที่มีชื่อเสียงในโลกศิลปะการต่อสู้ไปแล้วก็ได้

พลังหยินในเส้นกระแสโลหิตแห่งจิตวิญญาณก็ค่อยๆหายไปทีละน้อย

จากในตอนแรก มันหนาแน่นราวกับเมฆหมอก ตอนนี้มันกลายเป็นแค่หมอกจางๆก็เท่านั้น

ที่มันก็เป็นเวลากว่าสี่วันเต็ม

ทั้งฉินเฉิงกับฮั่นจิ่วเถียนก็ไม่ใครก้าวออกไปจากเส้นกระแสโลหิตแห่งจิตวิญญาณนี้เลย

ในวันที่สี่ ฮั่นจิ่วเถียนก็ลืมตาขึ้นมาก่อน

ในตอนนี้เอง พลังหยินในกระแสโลหิตแห่งจิตวิญญาณมันก็ได้กลายเป็นสภาวะที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

“ถ้ามีกระแสโลหิตแห่งจิตวิญญาณแบบนี้อีก อย่างน้อยๆฉันก็จะสามารถก้าวเข้าสู่จอมยุทธ์ขั้นสี่ได้” ฮั่นจิ่วเถียนพูดขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อย

ในเวลาเดียวกันนี้เอง ฉินเฉิงก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับเสียง “วืด”

คิ้วของฉินเฉิงยังคงขมวดคิ้วขึ้นมา มันไม่เหมือนกับฮั่นจิ่วเถียนเลย สีหน้าของเค้ามันดูไม่ดีซะเท่าไหร่

“พี่ฉิน” ฮั่นจิ่วเถียนเดินเข้าไปพร้อมกับรอยยิ้ม “การเก็บเกี่ยวครั้งนี้มันไม่เลวเลยทีเดียว”

ฉินเฉิงเหลือบมองฮั่นจิ่วเถียน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

ประสบการณ์ที่โชกโชนครั้งนี้มันไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ฉินเฉิงจินตนาการไว้เลย

กระแสโลหิตแห่งจิตวิญญาณขนาดใหญ่แบบนี้ มันก็ยังไม่สามารถทำให้เค้าก้าวสู่ขอบเขตของจอมยุทธ์ได้เลย!

ฉินเฉิงในตอนนี้ยังอยู่ห่างจากขอบเขตของจอมยุทธ์อีกเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น มันเป็นเพียงแค่เส้นบางๆที่ขั้นระหว่างคำว่าจอมยุทธ์

“ดูเหมือนพี่ฉินจะยังก้าวเข้าสู้ขอบเขตของจอมยุทธ์ไม่ได้นะ?” ฮั่นจิ่วเถียนมองออกเร็วมาก

ฉินเฉิงไม่ได้ปกปิดอะไร เค้าพยักหน้าแล้วพูดว่า: “ถ้าหากว่านายไม่เข้ามาด้วย ฉันก็น่าจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตของจอมยุทธ์ได้อย่างแน่นอน”

ฮั่นจิ่วเถียนยิ้มแล้วพูดว่า: “พี่ฉิน อย่างงั้นก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”

ฉินเฉิงถอนหายใจออกมา ฮั่นจิ่วเถียนเป็นคนที่มีท่าทีอบอุ่นกับคนอื่นอยู่เสมอๆ แต่ฉินเฉิงกลับไม่ได้รู้สึกอย่างงั้น เค้าคิดว่าคนๆนี้ร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง

ในตอนนี้เอง คิ้วของฉินเฉิงก็ขมวดขึ้นมา

เค้ามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เจอหยูเหม่ยเหริน

“แล้วหยูเหม่ยเหรินล่ะ?” สีหน้าของฉินเฉิงก็เปลี่ยนไป เค้ามองไปที่ฮั่นจิ่วเถียนโดยไม่รู้ตัว

ฮั่นจิ่วเถียนพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ: “เฮ้ ผู้หญิงคนนั้นเธอหายไปไหนกัน?”

ฉินเฉิงเหล่ตามองแล้วพูดว่า: “ฮั่นจิ่วเฉียน นายทำอะไรกับเธอ?”

ฮั่นจิ่วเถียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้: “พี่ฉิน ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะครับ ถ้าผมทำอะไรเธอ พี่คงไม่ปล่อยผมไปอย่างแน่นอน”

ที่พูดมามันก็จริง ถ้าหากว่าไม่มีพลังปราณ ความแข็งแกร่งของฮั่นจิ่งเถียนก็ยังไกลกว่าฉินเฉิงอยู่มาก

“แปลก” สีหน้าของฉินเฉิงก็ดูน่าเกลียดเล็กน้อย เมื่อคิดถึงหยูเหม่ยเหรินที่เปลี่ยนไป เค้าก็ไม่สบายใจเล็กน้อย

“พี่ฉินไม่ต้องกังวลไป ผมคิดว่าเธอน่าจะจากไปก่อนก็เท่านั้น” ฮั่นจิ่วเถียนพูดว่า “ถ้าเธอไปกับพี่ มันก็อาจจะมีอันตรายถึงชีวิต พี่คิดว่าอย่างงั้นไหม?”

ฉินเฉิงพยักหน้าแล้วพูดว่า: “บางทีก็อาจจะ”

“พี่ฉิน ทำไมพี่กับผมเราไม่ออกไปจากที่นี่ด้วยกันหละ?” ฮันจิ่วเถียนก็เสนอขึ้นมา

ฉินเฉิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ นายออกไปก่อนเลยเถอะ”

“พี่ฉินไม่พอใจ?” ฮั่นจิ่วเถียนพูดด้วยความประหลาดใจว่า “เนื่องจากสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูเจอซากปรักหักพังนี่ก่อนแล้วก็เข้ามาตรวจสอบทั้งหมดอย่างละเอียด นอกจากกระแสโลหิตแห่งจิตวิญญาณนี้แล้ว ผมคิดว่ามันน่าจะมีอะไรที่มีค่าอย่างอื่นอีก”

“อย่างงั้นเหรอ” ฉินเฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม “มังกรที่หลับไหลอยู่นี่ พวกเค้าก็ยังไม่เจอมันเลย?”

ฮั่นจิ่วเถียนเงียบไป เค้าผายมือแล้วพูดว่า: “เอาหละ ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปก่อน ขอให้พี่ชายราบลื่นนะครับ”

หลังจากพูดออกมาแบบนี้แล้ว ฮั่นจิ่วเถียนก็จากไป

ฉินเฉิงกำหมัด แม้ว่าตอนนี้เค้าจะมีความแข็งแกร่งเพียงครึ่งเดียวของจอมยุทธ์ เพียงแค่เค้าได้ขึ้นเชื่อว่า”จอมยุทธ์”สองคำนี้ เค้าจะแตกต่างไปจากจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน

การที่ฉินเฉิงเป็นจอมยุทธ์ได้ครึ่งก้าว อันที่จริงมันก็อยู่เหนือกว่าระดับปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แล้ว

สิ่งที่น่ากังวลของฉินเฉิงก็คือถ้าเค้าไม่สามารถก้าวเข้าสู่ระดับขั้นของจอมยุทธ์ได้ เค้าก็จะไม่มั่นใจพอที่จะเผชิญหน้ากับฉินเฉิง

“ฉันหวังว่าจะซากโบราณสถานนี่มันจะไม่มีอะไรเหลือแล้วนะ” ฉินเฉิงถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เค้าทำได้เพียงแค่ทิ้งความหวังไว้ที่นี่

ที่ทางเข้าซากโบราณสถาน ในตอนนี้เอง ผู้คนจำนวนมากก็กำลังรวมตัวกัน

ในเวลาสี่วัน อาการบาดเจ็บของโจวติ่งก็หายดีแล้ว เค้าเฝ้ารออยู่ที่นี่มาสี่วันแล้ว

“อาจารย์โจว ท่านต้องไม่ปล่อยไอ่เด็กนี่ไปนะครับ!” คนรอบข้างก็ตะโกนขึ้นมาว่า “มันเอากระแสโลหิตแห่งจิตวิญญาณนี่ไปคนเดียวเลย มันต้องได้รับการลงโทษ!”

“ใช่แล้ว ไอ่นี่มันจองหองจริงๆ อย่าไปอ่อนข้อให้มันนะครับ!”

โจวติ่งเยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ต้องบอกเค้า เค้าก็จะไม่มีวันปล่อยฉินเฉิงไปอย่างแน่นอน

การโดนกระทำแบบนี้ โจวติ่งก็ไม่เคยได้รับความอับอายเช่นนี้มาก่อนเลย!

ในตอนนี้เอง ฮั่นจิ่วเถียนก็ค่อยๆก้าวเดินออกมาจากด้านใน

“พี่ฮั่น!” ในตอนนี้เองหลายคนก็รีบเข้าไปทักทาย เมื่อมองไปที่ด้านหลังของฮั่นจิ่วเถียน หลายคนก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “พี่ฮั่น แล้วฉินเฉิงล่ะ?”

ฮั่นจิ่วเถียนส่ายหัวแล้วพูดว่า: “เค้ายังอยู่ข้างใน”

เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของพวกเค้าก็เปลี่ยนไป พวกเค้าต่างก็พูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจว่า: “หรือว่าฉินเฉิงมันกำลังจะหนี?”

“หนี?” โจวติ่งเยาะเย้ย “ซากโบราณสถานนี่มันมีทางเข้าเพียงทางเดียวเท่านั้น มันจะหนีไปไหนได้?”

จากนั้นโจวติ่งก็มองไปที่ฮั่นจิ่วเถียนแล้วพูดว่า: “จิ่วเถียน ทำไมฉินเฉิงยังไม่ออกมาอีก?”

ฮั่นจิ่วเถียนครุ่นคิดอยู่ซักพัก จากนั้นก็พูดว่า: “ดูเหมือนว่าเค้าอาจจะอยากลองเสี่ยงโชคดู ดูแล้วสถานที่แห่งประสบการณ์ที่โชกโชนนี้มันน่าจะมีสมบัติอย่างอื่นที่ยังหลงเหลืออยู่”

เมื่อโจวติ่งได้ยินแบบนี้ เค้าก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“โลภมากจริงๆ! ซากปรักหักพังโบราณนี้มันยังมีพลังสังหารอยู่ ถ้าไม่ระวัง มันก็อาจจะตายได้เลย! มันโง่จริงๆเลย!” โจวติ่งเยาะเย้ย

ฮั่นจิ่วเถียนยิ้มแล้วก็ไม่พูดอะไร

นอกจากนี้แล้วเรื่องครอบครองโลหิตแห่งจิตวิญญาณ ฉินเฉิงก็ถูกตำหนิอย่างต่อเนื่อง แต่ฮั่นจิ่วเถียนกลับไปไม่มีใครตำหนิเค้าเลย

นี่คือความแตกต่างของสถานะ บางทีโลกนี้มันอาจจะไม่มีความยุติธรรม

“จิ่วเถียน ทำไมฉินเฉิงถึงยอมให้เธอเข้าไปในโลหิตแห่งจิตวิญญาณด้วยหละ?” จู่ๆโจวติ่งก็ถามขึ้นมา

ฮั่นจิ่วเถียนยิ้มแล้วพูดว่า: “ฉันบอกว่าฉันจะช่วยเหลือเค้าได้ เค้าก็เลยตกลง”

“ช่วยเหลือได้?” จู่ๆก็มีคนไม่พอใจขึ้นมา “ฉันเองก็พูดแบบนี้เหมือนกัน ทำไมเค้าถึงปฏิเสธ”

ฮั่นจิ่วเถียนก็พูดขึ้นมาอย่างไร้เดียงสาว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”

สิ่งนี้ทำให้ทุกคนโกรธมากยิ่งขึ้นในทันที ในความคิดของพวกเค้า ฉินเฉิงกำลังดูถูกตระกูลของพวกเค้า!

“ได้ ไอ่ฉินเฉิง” ในตอนนี้เองก็มีคนพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “มันก็แค่รากหญ้า มันกล้ามาดูถูกพวกเราอย่างงั้นเหรอ? มันน่าตลกจริงๆ!”

“หัวหน้าโจว พวกเราจะรอกันต่อไหม?” ฮั่นจิ่วเถียนก็ถามขึ้นมา

โจวติ่งพูดอย่างเย็นชาว่า: “รอ! รอจนกว่ามันจะออกมา!”

“มันจะไม่ตายอยู่ข้างในใช่ไหม?”

“ถ้าจะปล่อยให้มันตายอยู่ข้างใน มันก็น่าเสียดายนะ!”

“ใช่แล้ว อย่างน้อยก็ต้องให้มันยอมรับการพิพากษาจากสมาคมศิลปะการต่อสู้เมืองจิงตู!”

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset