แต่กับซังหลินจวินที่โทรมา เซิ่งยวี่ก็ยังคงขอโทษกับเขาอย่างมีมารยาท
“ขอโทษนะครับคุณชายซัง น้องสาวผมใจร้อนน่ะครับ เธอคงคิดว่าผู้หญิงกับผู้หญิงคุยกันน่าจะสะดวกกว่าเลยไปหาภรรยาคุณ คุณอย่าโทษเธอเลยนะครับ”
พอได้ยินพี่ชายพูดกับซังหลินจวินด้วยน้ำเสียงแบบนี้ เซิ่งโหรวเลยหงุดหงิดแล้วลุกขึ้น
แต่เธอกลับโดนน้องสาวที่นั่งอยู่ข้างๆรั้งตัวไว้
“เธอทำอะไร เธอไม่ได้ยินที่พี่ชายพูดก้มหัวให้คนอื่นเหรอ? พี่ชายเราเคยโดนอะไรแบบนี้เมื่อไหร่ ซังหลินจวินก็แค่มีหยวนเซิ่งหนุนหลัง เซิ่งกรุ๊ปของเรากลัวเขาเหรอ” เซิ่งโหรวเบิกตากว้าง เอาแต่จ้องน้องสาวที่ไม่ยอมปล่อยมือ น้ำเสียงก็เอ่ยด้วยความไม่แยแส
เซิ่งชิงที่อ่อนโยนเถียงเป็นครั้งแรก
“พอแล้วพี่ พี่ก็รู้ว่าพี่ชายกำลังพูดขอโทษคนอื่น ทำไมพี่ไม่คิดดูล่ะ พี่ชายทำแบบนี้เพราะใคร พี่อย่าไร้เดียงสาหน่อยเลย” แววตาที่ใสสะอาดของเซิ่งชิงมองพี่สาวที่ไม่เอาไหน
เรื่องงาน เธอเทียบพี่สาวไม่ได้ เพราะเธอไม่มีความเด็ดขาดกับความกล้า
เธอเหมือนเจ้าหญิงในปราสาท ถึงจะแปลกใจกับโลกข้างนอก แต่ก็ไม่กล้าเดินออกไปดู
นิสัยเธอเลยใจดีอ่อนโยน เห็นพี่ชายที่เธอเคารพโดนคนอื่นเหยียบหยามเพราะความวู่วามของพี่สาว เธอเองก็รู้สึกไม่สบายใจ
แล้วพี่สาวที่ก่อเรื่องยังจะไปป่วนพี่ชายอีก นี่จะทำให้เรื่องแย่กว่าเดิม
เธอเลยทนดูไม่ได้
เซิ่งโหรวที่โดนน้องสาวว่าอึ้ง ผ่านไปครู่หนึ่งค่อยเอ่ย “ที่พี่ชายเป็นแบบนี้เพราะฉันเหรอ?”
แววตาที่ดุดันของเธอมีความลังเล จากนั้นเธอก็เยาะเย้ยตัวเอง “ใช่สิ ที่พี่ชายต้องทำแบบนี้ก็เป็นเพราะฉัน”
“แต่ ฉันก็ไม่ได้ขอให้พี่ทำแบบนี้” เซิ่งโหรวชี้พี่ชายที่กำลังคุยโทรศัพท์ จากนั้นก็พุ่งไปหาตัดสายเขา แล้วพูดว่า “เรื่องของหนู หนูจัดการเองได้”
จากนั้นก็วิ่งหนีไป
เซิ่งชิงเดินไปหาพี่ชาย มองพี่สาวที่วิ่งหายไปแล้ว เธอสลดใจมาก
“พี่ชาย เมื่อกี้หนูไม่ควรพูดใช่ไหมคะ ถ้าหนูไม่พูดแบบนั้น พี่สาวก็คงไม่วู่วามแล้ววิ่งออกไป” เซิ่งชิงก้มหน้า ท่าทางเสียใจมาก
เซิ่งยวี่ตบไหล่น้องสาวเบาๆแล้วพูดเสียงเบาว่า “น้องเล็ก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรา นิสัยของพี่สาวเราทุกคนรู้ดี แต่ก่อนที่พ่อแม่ตั้งชื่อพวกเธอว่าโหรวกับชิง คงไม่คิดว่าน้องโหรวนิสัยจะหัวดื้อขนาดนี้”
เซิ่งชิงยังสลดใจอยู่ แต่เพื่อไม่ให้พี่ชายกังวล เลยรีบปรับสีหน้าตัวเอง
ทันใดนั้น ก็มีสายโทรเข้ามาพอดี
“ซูเยี่ยนใช่ไหม” พอเห็นสายตาที่ดีใจหลังจากมีสายโทรเข้า เซิ่งยวี่เลยขมวดคิ้วถามอย่างอารมณ์ไม่ดี
“ค่ะ” เซิ่งชิงพยักหน้า แต่ความสัมพันธ์ของพี่ชายกับแฟนเธอไม่ค่อยดี เซิ่งชิงเลยไม่ได้พูดอะไรมาก จากนั้นก็ถือโทรศัพท์เดินออกไป
ซังหลินจวินโดนตัดสาย แล้วเมื่อกี้เหมือนได้ยินเสียงผู้หญิงที่ไม่พอใจอีก
ซังหลินจวินขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเห็นเฉียวเฉียวที่มาเรียกเขาไปกินข้าว เห็นว่าเธอเอาแต่มองเขาเลยเอ่ยปลอบใจว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อกี้กำลังคุยกับเซิ่งกรุ๊ป แต่ตอนนี้เรื่องจัดการเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลา เดี๋ยวฉันให้อวี้เฟยไปตามงานที่C&J ถ้าอีกหน่อยธุรกิจนี้สร้างกำไรได้ก็ไม่เสียหายอะไร ถ้าไม่เหมาะสมกับหยวนเซิ่ง ก็จะไม่เก็บไว้”
เฉินเฉียวรีบพยักหน้าบอกว่าเข้าใจ
ซังหลินจวินกอดเอวเธอเดินไปกินข้าวที่ชั้นล่าง
เมื่อเทียบกับซังหลินจวินกับเฉินเฉียวที่เข้าใจกัน เซิ่งโหรวที่เพิ่งวิ่งออกจากบ้านพี่ชาย พอเห็นรถของเธอที่จอดอยู่ บวกกับความหงุดหงิดในใจ เธอเลยเตะประตูรถ
พอได้ยินเสียงเตือนจากรถ เซิ่งโหรวก็ขยี้ดวงตาที่แดงแล้วเข้าไปในรถ
ตามหลักแล้ว ตอนนี้อารมณ์เซิ่งโหรวไม่คงที่ ไม่ควรขับรถ
แต่เธอเป็นคนหัวดื้อ วู่วามง่าย เธอเลยไม่ได้สนใจ เพราะฉะนั้นตอนที่ชนกับรถอีกคัน เธอเลยเหยียบคันเร่งไม่ถอยให้เลย
นี่แหละนิสัยของเซิ่งโหรว ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไร เธอก็ไม่ยอมถอยเด็ดขาด
มองเห็นรถปอร์เช่คาร์เยนน์สีขาวที่ชนกัน เซิ่งโหรวเลยเหยียบรองเท้าส้นสูงลงไปหา
พอเดินไปข้างประตูคนขับแล้ว เลยเคาะกระจกรถเบาๆ
กระจกรถที่ปิดสนิท ไม่มีทีท่าจะเปิดเลย
ตอนที่เซิ่งโหรวหงุดหงิดจะไม่สนใจแล้วกำลังจะไป กระจกรถค่อยลดลงมา
ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างใน หน้าตาดูดีผิวขาว เป็นผู้ชายสเปคที่เซิ่งโหรวชอบ
แต่หน้าผากเขามีเลือดไหลลงมา เลยทำให้เซิ่งโหรวได้สติ แล้วเธอก็พูดกับเจ้าของรถมาดเข้ม “นี่ นายรีบเปิดประตู ฉันจะส่งนายไปโรงพยาบาล ถ้าเกิดเรื่องอะไรกับนาย ฉันไม่รับผิดชอบนะ”
ผู้ชายยิ้มอย่างขมขื่น “โทษผมที่ไม่ดูทางเหรอ”
เซิ่งโหรวเอ่ย “ถ้านายไม่ระวังรถข้างหน้าจะชนกับรถของฉันได้ยังไง ฉันก็ไม่อยากอะไรมากกับนาย เดี๋ยวส่งนายไปโรงพยาบาลแล้วค่ารักษาพยาบาลฉันจ่ายเอง แต่เรื่องนี้ต้องยอมจบ”
ผู้ชายถอนหายใจ ไม่อยากคุยกับผู้หญิงที่ไม่ให้เขามีโอกาสพูด
เซิ่งโหรวไม่โดนคนอื่นเมินแบบนี้นานแล้ว ไม่พูดไม่ได้เลยว่า เริ่มน่าสนใจแล้วสิ
สายตามองสำรวจผู้ชายตรงหน้า แล้วตัวเองก็ยังโสดด้วย เธอเลยแอบตัดสินใจ
ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็ต้องลงมือทำ เซิ่งโหรวเลยเอาแต่เคาะประตูรถ จนผู้ชายในรถหน้าตึงเครียด
แต่ถ้าเผชิญกับเซิ่งโหรวที่หัวดื้อกว่า เขาทำได้แค่ยอมแต่โดยดี
“ไป ไป แค่ไปโรงพยาบาลก็พอใช่ไหม” เขาลงจากรถตัวเอง
เซิ่งโหรวค่อยยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นก็ดึงมือเขาไม่ที่รถเธอ รอทั้งสองคนคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วแล่นรถไปแล้ว เซิ่งโหรวไม่สังเกตเห็นเลยว่า ตอนที่เธอกำลังสตาร์ทรถ ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆยิ้มอย่างได้ใจ
พอกินข้าวกับซังหลินจวินเสร็จแล้ว เฉินเฉียวที่กำลังเดินเล่นในสวนรู้สึกเสียวสันหลัง แต่ข้างตัวก็ไม่มีลมหนาว เธอเลยคิดว่าเธอรู้สึกไปเอง