ตอนที่เซิ่งโหรวมา เธอไม่เคยคิดเลยว่าคำแนะนำของเธอจะโดนปฏิเสธ
แววตาที่สงสัยของเธอมองไปทางเฉินเฉียว แล้วแอบหงุดหงิดในใจ
แต่เธอก็รีบปรับอารมณ์ ในเมื่อเฉินเฉียวไม่หวั่นไหว งั้นก็รอดูว่าใครจะหมดความอดทนก่อน
“ในเมื่อคุณเฉินพูดถึงเรื่องร่วมงาน งั้นเราก็มาคุยกันดีๆเถอะค่ะ” เซิ่งโหรวนั่งอยู่ตรงข้ามเฉินเฉียว เรียวขาที่ยาวก็วางลงด้วยท่าทางสบายๆ
เฉินเฉียวกลับมายิ้มเหมือนเดิม
“คุณหนูเซิ่งมาได้บังเอิญเลยค่ะ ผู้ช่วยอวี้ของหยวนเซิ่งอยู่บริษัทเราพอดี พวกคุณคุยเรื่องงานกันได้เลยค่ะ” เฉินเฉียวโยนประเด็นไปให้เซิ่งโหรว ท่าทางที่เซิ่งโหรวไม่ค่อยใจร้อนกับธุรกิจ เฉินเฉียวมองออกว่า เธออาจจะเอามาเป็นข้ออ้าง ถ้าพวกเธอยังคุยกันอีก อาจจะยื้อยาวไปตามที่เธอหวังก็ได้
แต่เรื่องภายในของC&Jยังเคลียร์ ถ้ายังเสียเวลากับงานที่รู้ผลลัพธ์อีก ก็เหมือนเสียเวลาเปล่าๆ
เซิ่งโหรวไม่คิดเลยว่าเธอจะโดนเฉินเฉียวตีหน้ากลับ เลยลนลาน
ยังดีที่เธอผ่านเหตุการณ์กะทันหันมาเยอะ เลยรีบปรับสีหน้า เดิมทีที่เธอใช้ข้ออ้างนี้ไม่ได้คิดอะไรเยอะ ถ้าซังหลินจวินมายุ่งด้วยจริงๆเธอจะทำยังไง
ตอนนี้เรื่องเกิดแล้ว เธอเลยจำใจต้องรับไว้
เซิ่งโหรวที่หน้าแดงจัดชายกระโปรง ตอนที่เปิดประตูออกไป เธอหันกลับมายิ้มอ่อน ไม่สามารถปิดบังความมั่นใจได้เลย
ริมฝีปากแดงขยับ “คุณเฉิน เรื่องวันนี้คุณต้องคิดดีๆนะคะ ถ้าเสียใจทีหลัง มาหาฉันได้ทุกเมื่อ พี่ชายฉันเป็นเพื่อนบ้านใหม่ที่เพิ่งย้ายไป เชื่อว่าพวกคุณต้องคุยกันถูกคอแน่นอนค่ะ”
เซิ่งโหยวทิ้งคำพูดนี้ไว้แล้วเดินจากไปด้วยท่าทางมั่นใจ
เหลือแค่เฉินเฉียวคนเดียวที่ยิ้มหน้านิ่งเฉย
แต่กับเรื่องที่เซิ่งโหรวบอกว่าทำให้เธอจำได้ เฉินเฉียวคิดไปมาก็ไม่คิดที่จะไปหาเธอ เพราะผู้หญิงอย่างเซิ่งโหรวทำอะไรตามใจเกินไป
นิสัยแบบนี้ ถ้าโดนเธอหลอก เธอคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
พอจัดการเรื่องนั้นเรียบร้อยแล้ว เฉินเฉียวค่อยเริ่มเคลียร์งานในบริษัท เพราะเสียเซิ่งกรุ๊ป ยังมีอีกหลายบริษัทที่เธอยังต้องรับมือ
จากการดูแลควบคุมของเฉินเฉียว สถานการณ์ของC&Jก็ดีขึ้น เธอเปิดม่านแล้วมองทุกคนที่ทำงานกันเป็นระบบ เฉินเฉียวเลยยิ้มอย่างพอใจ
เธอไม่ได้ทำให้ฉยงฉยงผิดหวัง
พอนึกถึงฉยงฉยง เฉินเฉียวก็นึกได้ว่าฉยงฉยงน่าจะคลอดลูกแล้ว
ถ้าถึงเวลาที่ฉยงฉยงคลอด เธอต้องไปที่อังกฤษให้ได้
ไม่งั้นเธอไม่มีทางวางใจหรอก
เฉินเฉียวที่กำลังคิดมาก โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดัง
เฉินเฉียวรีบเดินไปรับโทรศัพท์ กลับเห็นว่าเป็นอาอวินที่หายหน้าหายตาไปนานโทรมา เลยรีบรับอย่างดีใจ
“อาอวิน นายโทรมาสักที” น้ำเสียงเฉินเฉียวมีความดีใจ
“เฉียวเฉียว ขอโทษนะ ช่วงก่อนฉันกลับอิตาลี โทรศัพท์โดนขโมยตอนที่อยู่อิตาลี แล้วที่บริษัทก็ยุ่งมากด้วย เลยมีเวลามาโทรหาเธอตอนนี้” ถึงแม้ซังอวินที่ได้ยินเสียงเฉินเฉียวก็ดีใจเหมือนกัน แต่เขาก็ปิดบังเรื่องที่เกิดในอิตาลี
เฉินเฉียวได้ยินอาอวินบอกว่าโทรศัพท์โดนขโมยเลยไม่ได้ติดต่อเธอ ในใจเป็นห่วงเขามาก แต่ตอนนี้เขาไม่เป็นอะไรแล้วโทรมาหาเธอ งั้นก็แสดงว่าเรื่องจัดการเรียบร้อยแล้ว เธอเลยไม่ถามอีก
จากนั้นเลยทำได้แค่พูดปลอบใจ
พอวางโทรศัพท์แล้ว เฉินเฉียวรู้สึกว่อาอวินผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้คิดมาก
เธอคงคิดไม่ถึง เหตุผลที่เขาบอกเมื่อกี้เป็นแค่ข้ออ้างที่เขาปิดบังความจริง
ซังอวินมองโทรศัพท์ที่ตัดสายไปแล้ว แววตายังอาลัยอาวรณ์ มือของเขาที่จับโทรศัพท์ไว้แน่นค่อยๆวางลง
เฉินเฉียวรู้ข่าวว่าซังอวินหายตัวไปหลังจากสามวันที่โทรคุยกัน
วันนั้น เฉินเฉียวกำลังจัดของให้กระเป๋าสีชมพูของเหมิงเหมิงอยู่
เหมิงเหมิงนั่งอยู่บนโซฟา สายตาก็มองตามคุณแม่ที่เดินไปเดินมา
เฉินเฉียวเอานมวัว เค้ก ทิชชูเปียกแล้วก็แก้วน้ำใส่เข้ากระเป๋าเหมิงเหมิง แต่สมุดกับดินสอกดยังลังเลไม่ได้ใส่เข้าไป
เหมิงเหมิงใกล้จะสี่ขวบแล้ว ไปเรียนอนุบาลตอนนี้กำลังดีเลย
แล้วยังเป็นโรงเรียนเดียวกับโยว่อีด้วย เฉินเฉียวเลยไม่ต้องเป็นห่วง
โยว่อีที่ยืนมองอยู่หน้าประตูเริ่มหมดความอดทน แล้วก้มมองโทรศัพท์ นี่ใกล้ถึงเวลาเรียนแล้วเลยเอ่ยเร่ง “แม่ครับ แม่ใส่ของเข้าไปให้หมดเลยครับ เดี๋ยวผมถือกระเป๋าเหมิงเหมิงให้ ถ้าถึงเวลามีอะไรที่ไม่ใช้ค่อยให้เหมิงเหมิงทิ้งไว้ที่โต๊ะเรียน”
เฉินเฉียวคิดไปมา รู้สึกว่าแบบนี้ก็ได้
จากนั้นเลยยัดของทุกอย่างใส่กระเป๋า
พอส่งลูกทั้งสองคนถึงหน้าประตูโรงเรียนแล้ว เฉินเฉียวก็เริ่มอาลัยอาวรณ์
ถึงแม้ช่วงก่อนๆเหมิงเหมิงจะอยู่กับโยว่อีไม่ก็อาอวินตลอด แต่เวลาที่เจอกันทุกวันยังมีเยอะ
ไม่เหมือนตอนนี้ ถ้าลูกไปเรียนแล้ว เธอคงไม่ได้เจอเหมิงเหมิงนานเลย
มองเห็นคุณแม่ที่กอดน้องสาวไม่ปล่อย โยว่อีเลยพูดเตือนว่า “แม่ครับ ถึงเวลาเรียนแล้ว ถ้ายังไม่ไปอีก เดี๋ยวน้องจะโดนเช็กสายนะครับ”
เด็กใหม่ทุกห้องต้องเช็กชื่ออยู่แล้ว นี่เป็นกฎของโรงเรียนพวกเขา
ขอบตาเฉินเฉียวแดง จากนั้นก็ปล่อยตัวเหมิงเหมิงให้โยว่อี
เดิมทีเหมิงเหมิงที่ยังดีใจที่มาเรียน แต่พอเห็นน้ำตาคุณแม่ เลยจูงมือคุณแม่ไว้แล้วพูดว่า “แม่คะ คุณแม่ร้องไห้ หนูไม่อยากไปเรียนแล้ว”
เหมิงเหมิงคิดว่าเพราะเธอไปโรงเรียนเลยทำให้คุณแม่ร้องไห้ เรื่องที่เธอรู้สึกดีใจ แต่ตอนนี้ไม่ดีใจแล้ว
เฉินเฉียวค่อยรู้ตัวว่าอารมณ์เธอมีผลกระทบกับเหมิงเหมิง แล้วนั่งลงแล้วลูบศีรษะเหมิงเหมิง แล้วยิ้มกับเธอ “เหมิงเหมิงจะพูดว่าไม่ไปโรงเรียนไม่ได้นะคะ เพราะคุณแม่จะอารมณ์ไม่ดี เมื่อกี้ที่คุณแม่ร้องไห้เพราะฝุ่นเข้าตา เดี๋ยวก็ดีเองค่ะ”
“จริงเหรอคะ?” เหมิงเหมิงเม้มปากไม่เชื่อ
“จริงค่ะ เหมิงเหมิงเด็กดี รอหนูเลิกเรียน เดี๋ยวคุณแม่ทำเค้กที่หนูชอบให้หนูนะคะ” เฉินเฉียวใช้มือแตะจมูกเหมิงเหมิง จงใจใช้ขนมมาเบี่ยงเบนความสนใจ
คำพูดคำนี้น่าดึงดูดมาก พอเหมิงเหมิงได้ยินจึงรีบจูงมือพี่ชายเดินไป พอเดินไปไกลแล้ว เฉินเฉียวยังได้ยินเสียงลอยมาว่า “รีบไปเถอะค่ะพี่ เรารีบไปเรียนกัน เลิกเรียนแล้วจะได้กินเค้ก”