พอส่งลูกทั้งสองคนแล้ว แต่ยังไม่ทันได้หัวเราะกับคำพูดไร้เดียงสาของเหมิงเหมิง
อยู่ๆก็มีรถแล่นมาจอดข้างตัวเธอ
ทีแรกเฉินเฉียวจะถอยให้ แต่ไม่คิดเลยว่ายิ่งมองยิ่งคุ้นรถคันนี้
รอคนในรถลงมาแล้ว ริมฝีปากอมชมพูของเฉินเฉียวค่อยเอ่ยถาม “หลินจวิน นายอยู่ที่นี่ได้ยังไง นายไปบริษัทแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“รอขึ้นรถก่อนฉันค่อยอธิบายกับเธอ” ซังหลินจวินเปิดประตูรถอีกฝั่ง
เห็นซังหลินจวินกลับไปนั่งที่คนขับ ถึงแม้เฉินเฉียวจะงง แต่ก็ขึ้นรถตามเขาไป
ถึงวังหลินจวินบอกเฉินเฉียวว่าถ้าขึ้นรถแล้วจะบอกเธอ แต่นี่ขับไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ซังหลินจวินยังไม่พูดอะไรเลย
จนกระทั่งซังหลินจวินจอดรถที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เฉินเฉียวค่อยลงรถตามเขาไป
เฉินเฉียวเห็นซังหลินจวินเดินตรงเข้าไปไม่พูดอะไรเลย สุดท้ายเลยทนไม่ไหว
“หลินจวิน นายพาฉันมาที่นี่ทำไม”
ฝีเท้าที่เร่งรีบของซังหลินจวินหยุดลง มองเฉียวเฉียวที่ทำหน้างง ซังหลินจวินที่คิดมาตลอดทางว่าจะพูดยังไงถอนหายใจ เขารู้ ถึงเขาอยากปิดบัง แต่ยังไงก็ปิดไม่มิดหรอก เพื่อไม่ให้ตัวการเรื่องนี้มาเล็งตัวเฉียวเฉียว เขาเลยบอกทุกอย่างกับเธอ มือทั้งสองข้างจับไหล่เธอไว้ แล้วมองสบตาเธอแล้วเอ่ย “เฉียวเฉียว ฉันจะบอกข่าวร้ายกับเธอ ถ้าเธอได้ยินแล้ว เธอห้ามใจร้อนได้ไหม?”
ในใจเฉินเฉียวมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีทันที
มุมปากอยากฝืนยิ้ม แต่กลับยิ้มไม่ออกเลย
ผ่านไปครู่หนึ่ง ค่อยล้มเลิกที่จะยิ้ม “หลินจวิน นายบอกฉันก่อน ก่อนที่ฉันจะได้ยินข่าวจากนาย ฉันรับประกันไม่ได้ว่าฉันใจเย็นได้หรือเปล่า”
ซังหลินจวินมองเธอด้วยสีหน้าซับซ้อน
ถึงแม้ตอนที่ได้ยินเฉียวเฉียวพูดคำนี้ มีชั่ววินาทีที่เขาอยากเก็บเป็นความลับ
แต่เขาเข้าใจ ถ้าเขาทำเหมือนไม่รู้ข่าวนี้ รออีกหน่อยเฉียวเฉียวรู้จากคนอื่น เรื่องระหว่างพวกเขาคงเป็นไปไม่ได้อีก เขาเลยจำเป็นต้องต้องเสี่ยงดู
“จำเรื่องวันปีใหม่ได้ไหม อยู่ๆเกมเทพเก้าวิมานก็ปิดปรับปรุง”
เฉินเฉียวไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆหลินจวินถึงพูดถึงเรื่องนี้ จึงพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “จำได้ เรื่องที่นายจะบอกฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้เหรอ?”
เฉินเฉียวนึกขึ้นได้ ครั้งก่อนที่โทรคุยกันแล้ว หลังจากนั้นอาอวินก็หายตัวไปอีก ในหัวเลยเริ่มเข้าใจ
เธอกำมือที่สั่นไว้แน่น แล้วจ้องมองหลินจวิน ดวงตาของเธอเริ่มมีม่านน้ำตา ในแววตามีความหวาดกลัว
“เกิดเรื่องกับ อาอวิน เกิดเรื่องกับเขาใช่ไหม?”
ตอนที่ถามคำนี้ เฉินเฉียวไม่รู้ว่าน้ำเสียงเธอเย็นชาหรือนิ่งเฉย
เธอรู้แค่ว่า เธอเหมือนรู้สึกอารมณ์อะไรไม่ได้เลย
แต่ความจริง เธอรู้สึกได้
ซังหลินจวินมองเฉินเฉียวที่ตาแดงเหมือนเดาอะไรได้ จึงกอดเธอไว้แน่นแล้วตบหลังเธอเบาๆ “เขา หายตัวไปที่อังกฤษ”
“อังกฤษ ทำไมเป็นอังกฤษล่ะ” อยู่ๆเฉินเฉียวก็ผลักเขาออก ในแววตามีแต่ความไม่เชื่อ
เธอไม่มีทางลืมที่ครั้งก่อนอาอวินโทรมา เขาบอกว่าเขาอยู่อิตาลี
ซังหลินจวินคิดว่าเฉียวเฉียวยอมรับความจริงไม่ได้ เลยอธิบายกับเธอ “หลังจากที่เกมเทพเก้าวิมานขอโทษในเวยป๋อแล้ว ถึงจะจัดการได้ทันเวลา แต่ก็สูญเสียผู้เล่นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นหลังจากนั้นไม่นานเขาเลยไปอิตาลี เขาอยากย้ายบริษัทที่อิตาลีมาที่เป่ยเฉิง”
“เรื่องนี้ เขาบอกนายได้ยังไง” เฉินเฉียวมองซังหลินจวินอย่างไม่เข้าใจ เพราะเธอรู้ความสัมพันธ์ของพวกเขาดี
พวกเขาสองคน เหมือนเป็นน้ำกับไฟ ถ้าไว้ที่เดียวกัน ไม่มีทางให้อีกฝ่ายอยู่ได้แน่นอน
ซังหลินจวินยิ้มอย่างขมขื่นแล้วค่อยเอ่ย “เพราะฉันเป็นคนแนะนำเขาเอง ฉันเป็นหุ้นส่วนลำดับที่สอง ฉันรู้ดีว่าควรจะทำยังไงถึงจะดีกับเกมเทพเก้าวิมาน”
“เพราะเกมนี้ยังเป็นของต่างประเทศ ครั้งก่อนที่สูญเสียผู้เล่นจำนวนมาก ก็เพราะผู้เล่นไม่ไว้ใจผู้บริหาร พวกเขาเป็นคนเสียเงิน พวกเขากลัวว่าถ้าผู้บริหารได้เงินไปแล้วจะทำให้เกมนี้เป็นเกมล้าสมัย แล้วทำทิ้งขว้าง เพราะอยู่คนละประเทศเลยทำให้ความเชื่อถือในด้านต่างๆมีน้อย แล้วเรื่องในเวยป๋อเป็นแค่น้ำจิ้ม”
ได้ยินเยอะขนาดนี้แล้ว เฉินเฉียวก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“ที่นายพูด เกี่ยวกับที่เขาเกิดเรื่องเหรอ?”
ความคิดของผู้ชายกับของผู้หญิงต่างราวฟ้ากับเหว
ถ้าผู้ชายเจอปัญหาจะไปคิดว่าต้นตอมาจากไหน ถ้าจัดการต้นตอได้แล้วอะไรๆก็จะง่ายขึ้น
เธอผู้หญิงจะใช้ความรู้สึกมากกว่า พอเฉินเฉียวรู้ว่าซังอวินเกิดเรื่องแล้ว สิ่งแรกที่เธอรู้สึกคือ ตอนนี้อาอวินเป็นยังไง? ปลอดภัยหรือเปล่า?
ซังหลินจวินดูออกว่าเฉียวเฉียวไม่สนใจเรื่องพวกนี้
สุดท้ายเลยพูดสรุปว่า
“ซังอวินไปถึงอิตาลีแล้วติดต่อกับฉันตลอด แต่พอเขาไปจากอิตาลี เขาบอกว่าจะไปหาพวกอี้ฟาน ฉันเลยให้ที่อยู่ไป แต่คิดไม่ถึงว่าเขามาถึงอังกฤษแล้ว อยู่ๆก็ส่งข้อความมาหาฉันว่ามีคนสะกดรอยตามเขา เขาจะสลัดคนพวกนั้นทิ้งก่อน หลังจากนั้น ก็ไม่มีข่าวคราวอีกเลย”
เฉินเฉียวนำเรื่องที่ซังหลินจวินบอกเธอ บวกกับวันที่อาอวินโทรหาเธอมาคิด เลยเข้าใจทันที
“ครั้งสุดท้ายที่อาอวินส่งข้อความหานายคือตอนไหน มีเวลาที่แน่ชัดหรือเปล่า?” เฉินเฉียวต้องรู้เวลาที่แน่ชัดก่อน เธอถึงจะแน่ใจว่าเรื่องเป็นยังไงกันแน่
ซังหลินจวินหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วเปิดหาข้อความสุดท้ายที่ซังอวินส่งมา
พอเฉินเฉียวดูข้อความแล้ว กลับได้คำตอบที่แตกต่างจากหลินจวิน
เธอถือโทรศัพท์ไว้แล้วพูดอย่างมั่นใจ “นี่ไม่ใช่ข้อความที่เขาส่ง ฉันมั่นใจ”
แววตาของซังหลินจวินเริ่มหม่น พยายามหักห้ามใจที่สั่น จากนั้นจึงเอ่ยถาม “เฉียวเฉียว เธอแน่ใจได้ยังไงว่าไม่ใช่เขาเป็นคนส่งข้อความ”
เฉินเฉียวเห็นแววตาเขาเลยรู้ว่าเขาเข้าใจผิด เธอเลยอธิบายว่า “หลินจวิน นายอย่าคิดมาก ฉันอยู่กับอาอวินมาตั้งนาน รู้นิสัยบางอย่างเป็นเรื่องปกติ”
จากนั้นเธอเลยชี้ไปที่หน้าจอโทรศัพท์
“ฉันโดนสะกดรอยตาม รีบมาช่วยฉัน”
“อาอวินเขาตอนส่งข้อความมีความเคยชินบางอย่าง ถ้าเขาส่งข้อความแล้ว ทุกครั้งก็จะแนบตัวqไว้ตลอด แต่ก่อนนายอาจจะไม่สังเกต”