เฉินเฉียวส่ายหัวและปฏิเสธ เฉินเฉียวรู้ดีว่าตอนนี้พวกเขายังไม่พ้นอันตราย ถ้าเป็นเพราะเธอคนเดียวที่ทำให้ทุกคนโดนจับได้ เธอคงจะเสียใจไปตลอด
เมื่อเห็นเฉียวเฉียวพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสนับสนุน ซังหลินจวินก็วางมือข้างหนึ่งโอบเอวของเธอและแบกรับน้ำหนักมากกว่าครึ่งของเธอมาไว้ที่ตัวเขาเอง
ซังอวิ๋นที่เดินอยู่ข้างหน้าก็ต้องการที่จะช่วยเช่นกัน แต่เขาไม่อยากเป็นก้างขวางคอสุดท้ายจึงล้มเลิกไป
ทั้งสี่คนเดินลงบันไดที่มืดและเงียบกว่ายี่สิบนาทีและในที่สุดก็เห็นแสงริบหรี่ในขณะเดียวกันเสียงปืนที่ดังอยู่ด้านนอกก็ใกล้เข้ามามากขึ้น
เซินหยูยืนอยู่ที่ระเบียงของโรงแรมในชุดนอน สายตาของเขามองไกลออกไป ที่ที่เขามองเป็นอาคารที่พวกซังหลินจวินอยู่
มองดูที่นั่นสองสามนาทีได้ยินเสียงปิดประตูจากด้านนอกเลยหันไปมอง
ร่างเพรียวเดินตรงมาหาเขา
“ช่างเป็นแขกที่เจอตัวได้ยากจริงๆ ซู้เหยี้ยน ผมไม่คิดว่าคุณจะมาเวลานี้”
ซู้เหยี้ยนเพิ่งแยกกับเฉินเฉียวมาพอดี
เขาสวมหมวกกีฬาสีขาวและถ้าไม่ใช่คนรู้จัก มองดีๆแล้วดูไม่ออกเลยว่าเป็นคนที่เคร่งขรึมคนนั้น
“ ผมไม่ได้อยากมา”น้ำเสียงของซู้เหยี้ยนยังคงเย็นชา ไม่ได้แตกต่างจากเขาในตอนปกติมากนัก
เซินหยูหัวเราะและพูดว่า “ไม่รู้ว่าชิงเอ๋อร์รู้เรื่องที่คุณมาอิตาลีหรือไม่”
ซู้เหยี้ยนขมวดคิ้วเมื่อเธอได้ยินชื่อของชิงเอ๋อร์
“เซินหยู คุณคงไม่อยากให้ชิงชิงกังวลใช่ไหม ไม่ว่าจะเป็นผมหรือคุณก็ตาม”
พวกเขารู้จักกันมานานและรู้จุดอ่อนของกันและกันอย่างดี
ทั้งสองเผชิญหน้ากัน
เซินหยูเป็นคนแรกที่ยอมแพ้ เขาส่ายหัวและหัวเราะ
“ซู้เหยี้ยน ถ้าตอนที่พวกเรารู้จักกัน เป็นแบบเมื่อตอนนี้ บางทีผมคงต้านพวกคุณไม่ไหว”
อาจเป็นความรู้สึกแรกที่ตรึงติดในใจของซู้เหยี้ยน ทำให้หลังจากรู้ว่าเขากับน้องสาวที่เขาชอบที่สุด คบกัน ทำอย่างไรเขาก็รับไม่ได้
“โลกใบนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้”ซู้เหยี้ยนไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ในอดีต
ถ้าโลกนี้มีความเป็นไปได้ งั้นเขาก็คงจะไม่เกิดบนโลกใบนี้ เขาและชิงชิงก็คงไม่รู้จักกัน
หรือถ้าชิงชิงไม่ได้พบกับเขาที่ตกต่ำในตอนแรกบางทีเขาอาจจะไม่หลงรัก ชิงชิงอย่างง่ายดายสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงความเป็นไปได้ ทั้งหมดเป็นแค่จินตนาการที่เหลืออยู่
เขาไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้เหล่านี้เช่นเดียวกับที่เขาไม่เคยเสียใจที่ได้พบเจอเชินชิง
“คุณส่งคนที่หาซังหลินจวินเหรอ”เซินหยูเปลี่ยนคำถามและถามเกี่ยวกับซังหลินจวินเมื่อเขาพูดถึงเรื่องนี้แววตาและน้ำเสียงของเขาหนักแน่นมากเห็นได้ชัดว่ามีหลักฐาน
ซู้เหยี้ยนไม่ได้รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรต้องปิดบัง เขาพยักหน้าพลางพูด”ฉันต้องพาเขากลับมาอย่างปลอดภัย”
“ทำเพื่อเด็กตระกูลเหยียนคนนั้นเหรอ?”เซินหยูรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างซังหลินจวินกับเด็กตระกูลเหยียนคนนั้น และกำลังคิดถึงเรื่องนี้
ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อของเหยียนกับซู้เหยี้ยน ไม่ต้องคิดมากมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว
“ เพื่อพ่อของเหยียน”ซู้เหยี้ยนที่ปกติไม่ชอบอธิบาย
บอกเหตุผลที่แท้จริงของเขาดีกว่าอธิบายแบบนี้
เซินหยูรู้สึกว่าความแตกต่างระหว่างทั้งสองไม่มากนัก
“คุณว่าพวกเขาจะออกมาได้อย่างปลอดภัยไหม?”เซินหยูหันไปยังทิศทางของอาคารนั้นอีกครั้งและไม่ลืมที่จะถามซู้เหยี้ยนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาด้วย
ได้สิซู้เหยี้ยนตอบโดยไม่ลังเล
เขาให้ลูกน้องคนโปรดไปช่วยซังหลินจวินเขาเชื่อว่าความสามารถของเขานั้นจะไม่มีวันทำให้เขาผิดหวัง
เรื่องพวกนี้ เซินหยูไม่รู้
“ในฐานะตำรวจ ไม่มีคำตอบที่แน่นอนสำหรับทุกๆเรื่อง หรือว่าคุณไม่รู้”ทันใดนั้นเซินหยูก็หันศีรษะและมองเขาด้วยรอยยิ้ม
เหตุผลที่เซินหยูเกลียดซู้เหยี้ยนมากเป็นเพราะโดนรู้ทันตลอด
ดังนั้นเขาจึงรับไม่ได้ที่ผู้ชายคนนี้จะกลายเป็นสามีของน้องสาวเขา
ใครก็ได้ แต่ไม่ใช่เขา
นี่คือสิ่งที่เขาเชื่อมาตลอด แต่น่าเสียดายที่น้องสาวเขาเพื่อผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ผิดใจกับเขาครั้งแรก
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เซินหยูก็รู้สึกเกลียด
ซู้เหยี้ยนไม่ได้โต้เถียงกับเขา คนอื่นไม่รู้จักนิสัยของคนตรงหน้า แต่เขารู้ดีที่สุด
เซินหยูเป็นคนที่แพ้ไม่เป็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรักหรือเรื่องการพนัน
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเคยขาดความรัก เขาคงไม่ช่วยปู้อี้เฉินจัดการซังหลินจวิน
ในโลกนี้ทุกสิ่งไม่ได้เป็นไปตามใจหวังตลอด
เช่นเดียวกับที่เขารู้ว่าเซินหยูชื่นชมซํงหลินจวินมากแค่ไหน
พวกเขาไม่อยากเห็นเขาตาย
นั่นเป็นเหตุผลที่ไม่ได้ห้ามเขา
ทั้งสองอาศัยอยู่ในห้องเดียวกันและรอคอยเป็นเวลานานตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก ตอนที่พวกเขายืนนิ่งมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทั่วห้อง
ซู้เหยี้ยนรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล ไปที่โรงแรมที่ฉันอยู่ตอนเช้านั่น หมายเลขห้อง0510 ถึงแล้วเคาะประตูด้วย
หลังพูดสองสามคำ ซู้เหยี้ยนก็วางสาย
ทั้งสองที่ยืนนิ่งในที่สุดก็เริ่มขยับ
เซินหยูหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “เจ้าหน้าที่ซูยังไงก็เป็นเจ้าหน้าที่ซูสินะ คุณชนะอีกแล้ว นี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะ”
ซู้เหยี้ยนไม่ได้ซ้ำเติม
เขารู้ดีกว่าใคร ๆ ว่านอกจากคู่ต่อสู้แล้วตัวคนที่สำคัญกว่าก็คือพี่เขยของเขา
ถ้าเขาทำอย่างเด็ดขาดเกินไปความสัมพันธ์ของเขากับเชินชิงจะสิ้นสุดลง
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่ไม่เคยพูดอะไรดีๆ จะพูดสักประโยคหนึ่ง
“ขอบคุณที่ไม่ทำให้ฉันลำบาก”
เมื่อทั้งสองคนกำลังหันหน้าคุยกัน ก็มีเสียงเคาะประตู
“ คุณซู พวกเรามาถึงแล้ว”เสียงของเก๋อหลุนดังขึ้นด้านนอกประตู
หลังจากที่ซู้เหยี้ยนได้ยินเขาก็เดินตรงไปเปิดประตูและเห็นเฉินเฉียวที่ตอนแรกเดินออกจากร้านอาหารอย่างกระฉับกระเฉงแต่ในเวลานี้เธอหลับตาพิงอยู่ในอ้อมแขนของซังหลินจวิน
ซังหลินจวินที่เห็นเขาก็ไม่ได้มองอะไรมากเพียงพูดเพียงว่า: “คุณช่วยโทรหาหมอได้ไหม”
ซู้เหยี้ยนขมวดคิ้วและช่วยโทร
เกิดอะไรขึ้นเซินหยูไม่คาดคิดว่า เซินหยูจะมาเจอที่นี่ แต่ดูท่าทางหมดสติแล้วเหมือนกับว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
แม้ว่าเก๋อหลุนจะไม่รู้จักคนตรงหน้า แต่เขาก็รู้ว่าทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆเขาไม่มีกระจิตกระใจที่จะอธิบายให้พวกเขาฟัง เขาเลยอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง
“ตอนที่พวกเราออกมาจากห้องงานเลี้ยงของกลุ่มมาเฟีย ได้เจอกับคุณจอร์จ ตอนคุณเฉินตามมาหลบกับพวกเรา ไม่ทันระวังไปโดนศรีษะเธอ เธอเลยสลบ ”
“สลบเลยเหรอ….”เซินหยูรู้สึกเพียงว่าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้หญิงนี้บอบบางจริงๆ