ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 456 พาลูกออกไปก่อน

ดูเขาสิ

แม้แต่ขณะที่เขาพูดยังขาดสติ

เมื่อเขาถามเกี่ยวกับการเงินลงทุนล่าสุดของบริษัทที่ควรจะได้ เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก

“แกเป็นคนประเภทไหนกันยังไม่ได้แต่งงานก็อยากจะได้เงินฉัน แกไร้ยางอายขนาดนั้นเลยเหรอ”น้ำเสียงเป็นการเสียดสีและดูถูกเหยียดหยาม

ปู้อี้เฉินมองเธอด้วยความไม่เชื่อ แต่กลับพบว่าเธอยังอยู่ในภวังค์และไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

รู้ทันทีว่ากลัวเธอเบื่อเขา

เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของเชินโหรวมาก่อน แต่เขามักจะคิดว่ามันเป็นเพียงข่าวลือและเป็นไปไม่ได้ที่ผู้หญิงจะทำตัวเหมือนผู้ชาย

แต่ตอนนี้เขาค้นพบว่าในโลกนี้มีผู้หญิงประเภทหนึ่งเย็นชาราวกับน้ำแข็ง

เมื่อนึกถึงใบหน้าของเชินโหรวรอยยิ้มที่ยิ้มแย้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เฉินเฉียวที่อุ้มลูกอยู่ตกใจ

เธอค่อยๆเคลื่อนตัวไปด้านข้างของซังหลินจวินและบอกเขาว่า: “หลินจวิน ระวังหน่อยนะฉันดูแล้วเขาอารมณ์ไม่ค่อยดี ถ้าเขาบ้าคลั่งทำร้ายคนขึ้นมาคุณไม่ต้องห่วงฉันพาลูกหนีไปก่อน”

“เหลวไหลผมจะทิ้งคุณไว้คนเดียวได้ยังไง คุณกับผมชีวิตเกี่ยวพันกันมานานแล้ว ผมกับคุณจะไม่มีวันแยกจากกัน”ซังหลินจวินดุเธอ เขาไม่ได้คิดเกี่ยวกับสิ่งที่เฉียวเฉียวพูดเลยถ้าเธอไม่พูด เขาคงไม่คิดว่าเธอจะมีความคิดนี้อยู่ในใจ

เฉินเฉียวแสบจมูกจะร้องไห้ ถ้าเป็นไปได้เธอก็ไม่อย่าทิ้งพวกเขา

แต่พวกเขาจะสามารถออกไปอย่างปลอดภัยได้จริงหรือ?

เธอไม่มีร่องรอยของความมั่นใจในหัวใจของเธอ

“พวกแกหวานกันพอหรือยัง? พวกแกอยากให้ฉันตายๆไปพร้อมกับพวกแกใช่ไหมถึงพวกแกจะพอใจ “เมื่อเห็นพวกเขาทั้งคู่กระซิบกัน ปู้อี้เฉินก็โกรธ

ความเกลียดชังในดวงตาของเขาไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไป

ได้ยินปู้อี้เฉินพูดเหมือนกับว่าโมโหเพราะคำพูดของพวกเธอ เฉินเฉียวก็พูดไม่ออกชั่วขณะ

ระหว่างสามคนนี้ไม่เคยมีใครค้างคาอะไรกัน ถ้าจะมีจริงๆคนคนนั้นก็ต้องเป็นปู้อี้เฉินที่ติดค้างพวกเขา

ถ้าปู้อี้เฉินไม่ได้ก่อเรื่อง หลายสิ่งหลายอย่างอาจจะไม่เกิดขึ้นตอนนี้

แต่เมื่อนานมาแล้วเขายังเป็นผู้บริสุทธิ์เป็นเพียงการแต่งงานระหว่างตระกูลปู้และตระกูลเฉิน

ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นเธอหรือใครก็ตามมันอาจจะไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ดี

เพราะสักวันหนึ่งโหยวจิ้งหลีจะกลับมา ความสงบสุขที่อาจมีอยู่ก็จะถูกทำลายได้เสมอ

ปู้อี้เฉินกำนาฬิกาจับเวลาไว้แน่น เขาคงอยากจะตายด้วยกันจริงๆพูดจบเขาก็กดนิ้วลงอย่างแรง

“อย่านะ”เฉินเฉียวตะโกนเสียงดัง ร่องรอยของความสิ้นหวังส่องประกายในดวงตาของเธอ

แต่เมื่อปู้อี้เฉินกดลงไป เธอก็รู้ถึงผลของเรื่องแล้ว

อย่างไรก็ตามซังหลินจวินรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของปู้อี้เฉินในขณะนี้

ขาเรียวยาวเตะข้อมือของเขา

ปู้อี้เฉินที่ถูกเตะไปที่ข้อมือรู้สึกชาและเจ็บที่ข้อมือ และนาฬิกาจับเวลาที่เขาถืออยู่ก็ร่วงลงกับพื้น

เขาตอบสนองอย่างรวดเร็วและต้องการหยิบนาฬิกาจับเวลาขึ้นมา

ซังหลินจวินก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและเตะมันออกไป

จากนั้นเขาก็กดไหล่ของเขาและมองไปรอบ ๆ หลังจากเห็นเสื้อที่วางอยู่ไกล ๆ เขาก็ลากเดินไปหยิบเสื้อด้วยแล้วผูกเสื้อไว้กับมือ

ซังหลินจวินก้มลงมองปู้อี้เฉินที่กำลังมองเขาอย่างเคร่งขรึมและเยาะเย้ย: “น่าเสียดายที่ฉันก้าวเร็วกว่าคุณ ปู้อี้เฉินถึงเวลาที่คุณต้องยอมรับความผิดของคุณแล้ว

เมื่อได้ยินเช่นนั้นปู้อี้เฉินหรี่ตาลงเขาพูดว่า “แกคิดว่าเป็นแบบนี้แล้วจะปลอดภัยแล้วเหรอ?” ถึงไม่มีฉัน แต่ในอนาคตพวกแกก็จะเจอปัญหามากมายฉันจะคอยดูว่าพวกแกจะทำยังไง ฉันเชื่อว่าต้องมีสักวันที่ฉันเห็นจุดจบของพวกแกเป็นการเลิกกัน ”

หลังจากที่ปู้อี้เฉินด่าสาปแช่ง ใบหน้าที่แดงก่ำของเฉินเฉียวก็ซีดลงอย่างรวดเร็ว

ซังหลินจวินเรียกลูกน้องให้มากดปู้อี้เฉินไว้ ทำให้เขานอนลงอย่างเจ็บปวด

ตำรวจที่สังเกตการณ์อยู่ด้านนอกรู้สึกตะลึงที่พวกเขาจัดการกับปัญหาคนลักพาตัวได้อย่างสบายๆ เมื่อพวกเขาหยิบนาฬิกาที่ส่งเสียงกึกก้องไม่หยุดในใจก็คิดว่าพวกเขาต้องเหนื่อยแน่ๆ ถ้าไม่ใช่ซังหลินจวิน

เรื่องราวจะเป็นยังไงคิดไม่ถึงจริงๆ

“พวกคุณกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ผมจะพาเขาไปสถานีตำรวจ”

“คุณตำรวจ แต่พวกเราไม่ได้ขับรถมา”เมื่อเห็นนายตำรวจใส่กุญแจมือปู้อี้เฉินและจะออกไปเฉินเฉียวก็หยุดเขาทันที

ตอนมาพวกเขานั่งรถตำรวจมา ถ้าตำรวจกลับไปแล้วพวกเขาไม่รู้จะกลับยังไง

“โอ้ ผมก็ลืมเหมือนกัน”ตำรวจลูบหัวของเขาและก็นึกขึ้นได้

เขาจับคนที่กำลังจะนั่งเบาะหลังให้ไปนั่งด้านหน้า ปู้อี้เฉินขัดเขินเขาเลยตบไปหนึ่งที

“ไอ้หนูอย่าขัดขืนดีกว่านะ ฉันไม่ใช่คนใจดีอะไร”

สำหรับตำรวจสิ่งที่ไม่ชอบที่สุดคือนักโทษประเภทนั้น เพราะนักโทษเหล่านั้นทำสิ่งที่เรียกว่าข่มเหงเพราะความเห็นแก่ตัว

ดังนั้นสำหรับปู้อี้เฉิน ตำรวจชายที่แข็งแรงจึงเตือนเขาแล้วนั่งลงที่เดิม

ตำรวจขับรถไปส่งเฉินเฉียวและครอบครัวกลับบ้านก่อน

เมื่อเห็นพ่อแม่และน้องสาวกลับมาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ โย่วอีรีบวิ่งไปและแทบระเบิดความยินดีออกมาทั้งหมด

เมื่อเห็นพี่ชายของเขาร้องไห้เหมิงเหมิงยกแขนขึ้นเพื่อเช็ดน้ำตาให้พี่ชายของเขาทันทีปากสีชมพูเล็กๆ ของเธอยังคงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “พี่ อย่าร้องไห้สิฉันเองยังไม่ร้องเลย พี่ร้องแล้วน่าอายนะ”

โย่วอีที่โดนน้องสาวพูดแบบนี้ก็หน้าแดงทันที

เฉินเฉียวเห็นโย่วอีอาย ลูบหัวโย่วอีพลางพูดว่า:“พี่ชายเขาเป็นห่วงหนูไงเลยร้องไห้ เหมิงเหมิงอย่าพูดแกล้งพี่อย่างนี้สิ”

“เข้าใจแล้วค่ะ”หลังจากถูกแม่สั่งสอนแล้ว ก็เอื้อมมือไปกอดคอพ่อทันที

มุมปากของเธอยังคงพึมพำ: “แม่ชอบพี่มากกว่าหนู โกรธแล้ว”

ซังหลินจวินหัวเราะ

เขาจับเหมิงเหมิงเงยหน้าขึ้น “หนูมีพ่อแล้วยังไม่พออีกเหรอ? รู้ไหมแต่พ่อไม่เคยอุ้มพี่เขาเลย ”

“จริงเหรอ?”ได้ยินว่าสิทธิ์ในการที่จะถูกอุ้มเป็นของเธอเท่านั้น ดวงตาของเหมิงเหมิงก็แทบจะเป็นประกาย

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset