“แน่นอน”เด็ก ๆ ต้องการการเอาอกเอาใจมากโดยเฉพาะลูกสาวของเขา เขาเอานิ้วเกี่ยวจมูกเล็กๆของลูกสาวด้วยรอยยิ้มของผู้เป็นพ่อ
หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไป ซังหลินจวินก็กลับมาจัดการเรื่องของบริษัท ในขณะที่ปู้อี้เฉินพาฉยงฉยงออกไปเที่ยวเล่นเป็นครั้งคราว ชีวิตดูมีความหวังเจียงฉยงฉยงดูสดใสขึ้้นเรื่อยๆ
เฉินเฉียวดูมีความสุขมาก
เธอเองก็ปล่อยวางเรื่องเก่าๆไปเยอะ โดยเฉพาะหลังจากที่ปู้อี้เฉินถูกยิง
เขาคิดว่าการลักพาตัวจะทำให้เขาอยู่ในคุกแค่ไม่กี่ปีแต่ไม่คิดว่าหลักฐานที่เขาฆ่าโหยวจิ้งหลีจะไปถึงศาลก่อนแล้ว
เมื่อนึกถึงเรื่องที่น่าตกใจในวันนั้นเฉินเฉียวไม่รู้ว่าจะมีความสุขหรือ…
“กำลังคิดอะไรอยู่?”ซังหลินจวินดูเฉียวเฉียวนั่งอยู่คนเดียวบนระเบียงมองออกไปไกล ๆ เลยเดินขึ้นไปหาเธอแล้วก้มลงและฟังเสียงที่ท้องของเฉียวเฉียว
“ไม่มีเสียงอะไรเลย วันนี้เขาไม่ดื้อเหรอ?”ซังหลินจวินเงยหน้าขึ้นขมวดคิ้วราวกับว่ากำลังคิดถึงปัญหาที่ยากมาก
“คุณรีบเกินไปแล้ว ลูกเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง”เฉินเฉียวกำลังจะหัวเราะท่าทางซื่อๆของซังหลินจวิน
เฉินเฉียวท้องอีกครั้ง ในใจเธอรู้สึกกดดันมากเธอไม่ใช่แม่วัยยี่สิบต้นๆอีกแล้ว เธอใกล้จะสามสิบแล้วสำหรับการตั้งท้องครั้งนี้รู้สึกกลัวมากๆ
เป็นเพราะการคิดมากทำให้น้ำหนักลดลงโดยไม่รู้ตัว
เป็นเพราะว่าบางครั้งเธอพบว่าหลินจวินแอบทำซุปให้เธอในครัว เธอลูบร่างกายที่ผอมเธอเลยรู้ตัว
“สามเดือนแล้ว”เขาพูดประโยคนี้แม้ว่าจะไม่มีความหมายอื่น
แต่เธออ่านนิยายมาเยอะเฉินเฉียวรู้ทันทีว่าเขากำลังบอกเธอเป็นนัยๆว่านอนห้องเดียวกันก็ไม่เป็นไร
เขาผลักเขาออกไปทันทีและพูดว่า: “สามเดือนอะไรกัน จำวันผิดแล้วเดี๋ยวก่อนนะฉันไม่แน่ใจว่าตกลงเป็นวันไหนกันแน่”
เฉินเฉียวอยากจะบอกปัดเรื่องนี้เธอเดินกุมท้องออกไป
ซังหลินจวินต้องการช่วยประคอง แต่เธอไม่สนใจ
โย่วอีกับเหมิงเหมิงที่แอบอยู่ตรงระเบียงจู่ๆ็โผล่หัวออกมา
“พี่ น้องในท้องของแม่เมื่อไหร่จะออกมา ตอนนี้แม่ไม่เล่นกับพวกเราแล้วหนูไม่อยากมีน้อง”
เหมิงเหมิงที่ไร้เดียงสาคิดว่าเด็กในท้องอยากจะให้หายก็หายไปได้
โย่วอีที่ได้ยินน้องสาวพูดแบบนี้เหงื่อก็ไหลออกที่หน้าผาก
เลยแกล้งๆบอกปัดไป: “เดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เอง ไปๆได้เวลาไปโรงเรียนแล้วจะสายแล้ว”
เหมิงเหมิงที่จูงมือพี่ชายเธอไว้พยักหน้าและอย่างเชื่อฟัง
หลังจากที่ทั้งสองไปโรงเรียนและกลับบ้านในตอนบ่ายเพิ่งจะเดินออกจากโรงเรียน ก็พบว่าปู่ยังมาไม่ถึง โย่วอีคิดว่ารออีกหน่อยปรากฎว่าจู่ๆมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นพร้อมกับเสียงดังโวยวาย
“แกเป็นเดือนของโรงเรียนเหรอ หน้าตาก็งั้นๆนิ”คนหนึ่งย้อมผมสีแดงตัดผมทรงง่ายๆใส่ทองรอบคอ ใบหน้าของเขาดูธรรมดาๆมีเพียงดวงตาที่สะอาดสะอ้านไร้มลทินเท่านั้นที่สามารถบอกได้ว่าเขายังเป็นนักเรียนมัธยมต้นอยู่
“มาหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ?”กระวนกระวายใจน้ำเสียงก็ไม่น่าฟัง
“โอ้ว เอาเรื่องเหมือนกันนะ”เด็กชายผมแดงถอนหายใจ แล้วหันไปพูดกับลูกสมุนรอบๆตัวเขา
พวกลูกสมุนพูดแทนลูกพี่ เจอกับคนร่างสูงขายาวแบบซังโย่วอีพูดไร้สาระว่า: “ลูกพี่ จัดการไอ้ขี้ขลาดนี้ไม่พอ เดี๋ยวจะทำให้ลูกพี่เห็นว่าเราจะเอาชนะมันได้ยังไง ลูกพี่คอยดูเลย”
เห็นได้ชัดว่าอายุยังน้อย แต่กลุ่มนักเรียนมัธยมต้นพวกนี้กลับเรียนแบบพฤติกรรมของพวกอันธพาลมาแล้ว
และเขาไม่รู้สึกละอายบ้างแค่รู้สึกว่าตัวเองเจ๋ง
“จะต่อยก็ต่อย”โย่วอีเห็นว่าวันนี้หลบไม่พ้นแล้วเลยโยนกระเป๋าให้น้องสาว และลูบคอขยับข้อมือ
เหมิงเหมิงที่ยืนข้างหลังเตือน: “พี่คะแม่บอกว่าเราต้องรีบกลับบ้านเร็ว”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นและเหมิงเหมิงก็ชินกับมันแล้ว
อย่างไรก็ตามนักเรียนมัธยมต้นคนหนึ่งนั้นตัวเตี้ยเล็กน้อยจู่ๆตัวก็บิดเบี้ยวตัวแข็งทื่อและชำเลืองมองเขาอย่างระมัดระวัง
“เจียงเฉิงจะต่อยหรือไม่ต่อย?”
คนที่ยืนอยู่ข้างเจียงเฉิงจู่ๆก็ผลักเขาท่าทางที่สั่นของเขารีบกลับมาเป็นปกติทันที
คนกลุ่มหนึ่งต่อยกันอย่างรวดเร็ว
โย่วอีออกกำลังกายมาตั้งแต่เด็กๆ เมื่อเทียบกับเด็กรุ่นราวเดียวกันแล้วพูดได้ว่าฝีมือห่างกันเยอะ
แต่เขาคนน้อยกว่า เมื่อเทียบกับเด็กหนุ่มผมแดงที่มีคนช่วยสิบกว่าคนเห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีแรงพอที่จะต้านทานไหว
เขาเช็ดมุมปากที่บาดเจ็บแล้วหันไปพูดกับเหมิงเหมิงว่า “วันนี้พี่จะจัดชุดใหญ่ น้องรีบกลับบ้านไปก่อนอย่ามาถ่วงพี่”
เหมิงเหมิงไม่ต้องการไปแต่เธอก็ไปอย่างเชื่อฟังทันทีเมื่อเห็นแววตาจากพี่ชายของเธอ
เด็กชายผมแดงกังวลว่าเธอจะโทรหาครูเขาจึงสั่งให้ใครซักคนไปตามดูเธอ
“นายตามฉันมาทำไม”สำหรับคนที่เพิ่งต่อพี่ชายเธอแล้ว เหมิงเหมิงไม่ได้รู้สึกดีต่อเจียงเฉิง
ใบหน้าของเจียงเฉิงซีดมากและน้ำเสียงของเขาก็คร่ำครวญ: “ลูกพี่ให้ผมมาตามดูเธอ
“โอเค ลูกพี่นายก็คือลูกพี่นาย”สำหรับสิ่งที่คนตรงหน้าพูด เหมิงเหมิงไม่แม้แต่จะฟังนั้นเธอจึงบอกปัดไป
รอจนน้องสาวเดินจากไป โย่วอีก็สลัดความกังวลออกไป
เขากวักมือเรียกเด็กชายผมแดง
“แกจะทำอะไร”โดนไอเด็กบ้านี่ยั่วยุ ทำไมให้เขาก้าวไปช้าๆสองสามก้าว
โย่วอียิ้มและพูดว่า: “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่สงสัยว่าทำไมพวกนายมาหาเรื่องฉัน”
เด็กผมแดงตะกุกตะกักอยู่นานและตบบ่าลูกน้องข้างๆคนคนนั้นพูดทันที “แกแย่งผู้หญิงของลูกพี่พวกเรา ยังมีหน้ามาถาม”
ทันทีที่พูดจบ ก็โดนเด็กผมแดงตบหัว “ไร้สาระ แย่งผู้หญิงอะไรกัน ฉันเป็นเหมือนคนที่ถูกแย่งผู้หญิงหรือไง”
ต่อมาหลังจากพบว่าที่ตัวเองพูดไปเมื่อสักครู่นี้ผิด น้องชายคนเล็กก็พูดพร้อมกับยิ้มอย่างประจบสอพลอทันที: “ผมผิดไปแล้วลูกพี่ อย่าโกรธผมเลย”
เมื่อเห็นว่าน้องชายคนเล็กของเขาจะมีแต่ทำให้เขาอับอายเด็กชายผมแดงจึงไอออกมาเบา ๆ แล้วพูดว่า “ฉันจะไม่อ้อมค้อมแล้วนะ ฉันมีน้องสาวคนหนึ่งที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เธอบอกว่าชอบนายอยากจะมาสารภาพรัก ฉันเลยมาดูหน้าหน่อยว่ามันเป็นใคร”