ดวงตาของชายชราไม่ได้สนใจเธอ แต่เขามองไปที่หลานชายของเขา ซังโย่วอีพูด “คุณปู่ทำไมมาที่นี่”
“ เมื่อคืนยายโทรมาบอกว่าหนูจะไปหาปู่นิ ปู่ก็รอแล้วรออีกไม่เห็นมา กลัวว่าจะไม่มีใครดูแล ปู่เลยมาแต่เช้า “ชายชรานั่งลงบนโซฟา มองเด็กน้อยฟุบบนโต๊ะชาเขียนการบ้าน เขาก็ขมวดคิ้วพลางถาม “ครูคิดอะไรอยู่? ซังโย่วอีหลานฉัน เป็นเด็กกำลังโตให้เขาฟุบบนโต๊ะเขียนการบ้านได้ยังไง ”
เฉินเฉียวรู้สึกตัวว่าเขากำลังพูดกับเธอ และเข้าใจผิดว่าเธอเป็นคร
เธอโดนเข้าใจผิดเป็นปกติ แต่ยังไม่ได้พูดอะไรซังโย่วอีก็พูดขึ้นมา“ปู่ครับ พี่เขาไม่ใช่คุณครู เธอเป็นแขกของผมกับพ่อ”
เฉินเฉียวต้องการปิดปากของเด็ก แต่มันก็สายเกินไป
ชายชราจ้องมองเธอ “แขกเหรอ”
สายตาของเขาจ้องมองเธอราวกับมีด
เฉินเฉียวรู้สึกเบื่อหน่ายในใจ แต่ทำหน้านิ่งเฉย ปล่อยให้เขามองเธอแนะนำตัวเอง: “ฉันชื่อเฉินเฉียวค่ะ”
“เธอคือเฉินเฉียวหรอ?!”เมื่อชายชราได้ยินชื่อสองคำนี้ใบหน้าของเขาก็ไม่สู้ดีนัก คิ้วขมวดแน่นขึ้น
ตะกี้เขาเพิ่งนั่งลงแต่ตอนนี้เขาลุกขึ้นจากโซฟาอีกครั้งดวงตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่เธอ จากนั้นพูดถากถางว่า: “เธอคือผู้หญิงที่แต่งงานแล้วแล้วยังเพ้อเจ้อคิดที่จะเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลซังงั้นหรอ”
เฉินเฉียวตกใจ
คำสองคำ “เพ้อเจ้อ” แทงใจเธอ
“ท่านซังคะ ดิฉันเกรงว่าท่านจะเข้าใจผิดค่ะ”ความเกรงใจของเฉินเฉียวลดลง แต่เธอยังควบคุมสติไว้
เข้าใจผิดหรอ ฉันเจอผู้หญิงเจ้าเล่ห์แบบเธอมาเยอะแล้ว! “ชายชราเอามือไพล่หลัง“ พอยั่วหลินจวินไม่สำเร็จ ก็อยากเข้าลูกของเข้าแทน วิธีนี้มันไม่ผิดหรอก แต่ดูสารรูปตัวเองบ้าง หลินจวินทำไมถึงหลงซะขนาดนี้”
คำพูดของชายชรา ทำร้ายจิตใจเธอ
เฉินเฉียวหายใจหนักขึ้นมือของเธอบีบแน่นที่ด้านข้าง
ซังโย่วอีหน้าบึ้ง ยืดคอไปปกป้องเธอ“ คุณปู่อย่าพูดแบบนี้กับพี่เฉียว พี่เฉียวไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ”
เหมือนกับว่าเขาคิดไม่ถึงว่าเด็กน้อยจะฮึกเหิมขนาดนี้ ชายชราตะลังไปชั่วขณะ
มองไปที่เด็กน้อยสลับกับผู้หญิงที่อยู่ข้างหลัง สุดท้ายสายตาก็มองไปที่เด็กคนนั้นอีกครั้ง”เจ้าทึ่มเอ็งเพิ่งจะกี่ขวบ จะไปรู้อะไร” อย่ามายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ ขึ้นไปเขียนการบ้านข้างบน ”
“ผมไม่ได้ทึ่ม คุณปู่แหละทึ่ม”คนตัวเล็กพูดต่อ
สีหน้าของซังหลีหย่วนเปลี่ยนไป เสียงฮึดฮีดออกทางจมูก
ท่าทางน่ากลัวน่าเกรงขาม
เด็กน้อยหัวหด
คนรับใช้คนอื่น ๆ ในบ้านก็ตกใจจนไม่กล้าหายใจแรง ใครๆก็รู้ว่าชายชราคนนี้อารมณ์ร้าย คุณหนูไม่เคยกล้าขึ้นเสียงกับนายท่านมาก่อน
ซังหลีหย่วนไม่สนใจเด็กแต่หันมาต่อว่าเฉินเฉียว“ เธอใส่อะไรให้เด็กกิน?
เด็กน้อยจะพูดอีกแต่เฉินเฉียวกดไหล่เขาไว้เขาจึงหยุด เธอทนได้ที่ไหนให้เด็กออกหน้าแทนแบบนี้
“ไม่ได้ใส่ยาอะไรทั้งนั้นค่ะ แค่ทำเค้กนิดหน่อยค่ะ ตอนนี้กำลังอบอยู่ในเตา”เสียงของเฉินเฉียวเรียบเฉย เผชิญหน้ากับชายชราผู้นั้นที่ท่าทางน่าเกรงขามเธอไม่ได้อ่อนลงและก็ไม่ได้แข็งทื่อใส่: “ท่านซังคะ ดิฉันเคารพท่านในฐานะผู้อวุโสนะคะเลยเรียกว่า‘ท่าน’ แต่ไม่ได้หมายความว่าท่านจะใส่ร้ายอะไรฉันก็ได้นะคะ ตระกูลซังที่ผู้หญิงมากมายอยากจะปรองดองด้วยแต่นั่นไม่ได้รวมถึงฉันค่ะ ถึงตระกูลซังของพวกคุณจะร่ำรวยมีอำนาจคับฟ้ายังไง ไม่ชอบฉัน ฉันก็ไม่แคร์หรอกค่ะ”
เฉินเฉียวไม่ต้องการพูดอะไรที่รุนแรงต่อหน้าเด็ก แต่อีกฝ่ายไม่เคารพเธอก่อน
เห็นได้ชัดว่าซังหลีหย่วนไม่เคยมีใครย้อนเขาแบบนี้มาก่อน โกรธจนปากสั่นเงียบอยู่นาน เฉินเฉียวมองลงไปที่เด็กคนนั้น“ ไม่ตกใจใช่ไหม เค้กกำลังอบอยู่ในเตา อีกแปปนึงหนูก็ให้ป้ามั่วเอาออกมาให้กินนะ พอดีว่าฉันมีธุระ ฉันไปก่อนนะ”
หลังจากที่เฉินเฉียวพูดจบเธอก็ไม่อยู่ต่อและหันหลังจะออกไป
ซังโย่วอีวิ่งตาม“พี่เฉียว! พี่เฉียว คุณปู่ดูสิ ทำพี่เฉียวโกรธเลย ”
เด็กน้อยกระวนกระวายโกรธตาแดง
ชายชรามองไปที่หน้าตาหลานที่น่าสงสารก็ปวดใจ แต่คิดถึงท่าทีที่จองหองของผู้หญิงคนนั้นเขาก็โกรธ“ ไม่ให้ไปแล้วจะให้นอนที่นี้หรอไง ไร้การศึกษาจริงๆ! วันหลังอย่ามาที่นี้อีก ”
เด็กน้อยโกรธวิ่งเสียง‘ตรึงๆๆๆ’ไปที่ชั้นบนพลางตะโกนเสียงดัง”ไม่ชอบคุณปู่แล้ว! รักยายดีกว่า ”
ชายชราไม่ได้โกรธ“ ยายเอ็งมีอะไรดีล่ะ ยายเลี้ยงพ่อเอ็งกับเอ็งมาแบบนี้ไง ทั้งๆที่รู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว ยายยังจะตามใจพ่อเอ็งอีกใช้ไม่ได้เลยจริงๆ
“ นายท่านคะใจเย็นก่อนค่ะ คุณหนูไม่เคยมีแม่ คุณเฉินดีกับเขามาก เพราะอย่างนี้เลยโกรธมากป้ามั่วรีบสั่งให้คนรับใช้เอาน้ำมาเสิร์ฟ ให้ชายชราใจเย็นลง
คนขับรถรีบขับรถตามออกไป
ชายชรานึกขึ้นได้ว่าหลานไม่เคยมีแม่ รู้สึกปวดใจ สีหน้าคลายลงพร้อมกล่าว: “ต้องหาแฟนให้หลินจวินดีๆ ไม่งั้นเขาจะยิ่งเหลวไหล ”
ทางด้านนี้
เฉินเฉียวเดินออกจากจิ้งหย่วนอย่างเงียบ ๆผ่านไปนานแล้วเธอยังคงได้ยินคำที่ชายชราพูดว่าไร้การศึกษา
เธอรู้สึกว้าวุ่นจิตใจไม่สงบ ไม่ใช่ความโกรธ แต่ว้าวุ่นอย่างอธิบายไม่ถูก
เธอเป็นคนหยิ่งผยองการที่โดยดูถูกอย่างไร้เหตุผลรู้สึกร้ายแรงกว่าการโดนตบหน้าสองฉาด
อย่างกว่านั้นเธอออกมาแบบนี้ ซังโย่วอีเด็กน้อยคนนั้นเกรงว่าจะไม่มีความสุข
ลมทะเลพัดมาและเย็นมากจนเฉินเฉียวต้องกอดอกแน่น
รถคันหนึ่งขับออกมาจากจิ้งหย่วนและหยุดอยู่ข้างๆเธออย่างช้าๆ เธอมองข้างๆ กระจกรถก็เลื่อนลง คนขับรถยื่นหน้าออกมา“คุณเฉินขึ้นรถเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่ง
เธอยังโกรธท่านซังอยู่แต่ว่าไม่ถึงขนาดทำให้ตัวเองลำบาก เธอเปิดประตูเบาะหลังและขึ้นรถโดยไม่ลังเล
“ คุณเฉินครับ นายท่านเป็นคนอารมณ์ร้อน คุณอย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะครับ”คนขับรถมองไปที่เธอในกระจกมองหลังและเมื่อเขาเห็นว่าสีหน้าของเธอไม่ค่อยดีเขาก็ปลอบใจ
เฉินเฉียวพยักหน้า ตอบรับความหวังดีของอีกฝ่าย พลางถาม:“โย่วอีไม่เป็นไรใช่ไหม ฉันไม่ควรพูดจาแรงๆ แบบนั้นต่อหน้าเด็ก ”
ประโยคสุดท้ายเธอคิดทบทวนตัวเอง
คนขับรถพูดปลอบเฉินเฉียว“คุณหนูโกรธนายท่าน ต้องโทษนายท่านครับที่ทำให้คุณโกรธจนเดินออกมา คุณสบายใจได้ว่าเขาจะไม่โกรธคุณ ”
“ คุณอย่าลืมเตือนป้ามั่ว เอาเค้กออกมาด้วยนะ อย่าอบจนไหม้ล่ะ”
“ได้ครับ” คนขับรถโทรหาป้ามั่ว
ทางด้านนี้เฉินเฉียวนั่งเงียบๆอยู่เบาะหลัง จู่โทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมา