การที่ซู้เหยี้ยนฟื้นขึ้นมาสร้างความประหลาดใจให้กับซังหลินจวิน
เขาเตรียมเซอร์ไพรส์ไว้นานแล้วเพราะซู้เหยี้ยนมีบางอย่างจะพูดกับเขาและสุดท้ายมันก็ไม่มีอะไร
โชคดีที่ในที่สุดเขาก็รู้ว่าใครเป็นคนพาเฉินอินออกมา
“ซังหลินจวินถ้าคุณเจอมู้เก๋อ เชื่อได้เลยว่าคนที่ร่วมกันทำเรื่องนี้ก็น่าจะเจอตัวมันด้วย”
“ฉันรู้แล้ว”เมื่อเห็นใบหน้าของซู้เหยี้ยนยังคงซีดเซียวเขาพยักหน้าและปล่อยให้เขาพักผ่อนก่อน
งานหางานเขามอบหมายให้อวี่เฟย
เมื่อไม่นานมานี้อวี่เฟยขอย้ายกลับไปที่สำนักงานใหญ่บริษัทเซิ้งหย่วน ซังหลินจวินยังรู้สึกว่าหากไม่มีเขาประสิทธิภาพของบริษัทก็จะลดลง เขาเลยพยักหน้าตอบรับ
อย่างไรก็ตามเขาได้รับตำแหน่งที่ดี ให้เขาเป็นร้องประธานบริษัท
อาจเป็นเพราะผลงานหลายปีที่ผ่านมาในบริษัทของอวี่เฟย เลยไม่มีใครคัดค้าน
แผนงานที่ติดขัดเขาตัดสินใจดำเนินการต่อ
“เฉียวเฉียว ผมจะพาคุณไปสถานที่หนึ่ง”
ซังหลินจวินจูงมือเฉินเฉียวจ้องมองเธอด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น
“โอเค”เฉินเฉียวไม่ได้ถามว่าจะไปไหนเพราะว่าไม่ว่าจะไปที่ไหนเธอก็เต็มใจที่จะไปกับเขา
สถานที่ที่ซังหลินจวินพาเธอไปไม่ใช่สถานที่ที่คุ้นเคย
เขาเช่าโรงแรมจากนั้นจูงเฉินเฉียวมานั่งที่โซฟานุ่มๆหยิบรีโมทมาเปิดทีวี
จากนั้นเสียงที่คุ้นเคยก็มาจากทีวี
“เฉินเฉียว ตอนคุณดูวิดิโอนี้คุณจะต้องตะลึง ฉันคือลู้หมีตอนนี้ฉันกำลังทำภารกิจอยู่ข้างนอกได้ยินว่าไอ้ซังจะทำเซอร์ไพรส์ให้คุณ คุณคงจะไม่ว่าอะไรนะ”
ตอนอัดวิดิโอนี้ยังได้ยินเสียงหมาหอน สถานการณ์รอบๆเขาดูน่ากลัวแต่ไม่มีความกลัวบนหน้าลู้หมีเลยแม้แต่น้อย
อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นทหารเลยไม่กลัวอะไร
ลู้หมีกล่าวคำอวยพรและในไม่ช้าก็เปลี่ยนเป็นเหยียนเฟิงและมั่วอวี่
คนที่คุ้นเคยค่อยๆเปลี่ยนมาทีละคนๆ
ฉยงฉยงกับเจียงอี้ฝาน คุณผู้หญิงซัง ป้ามั่วหรือแม้กระทั่งแม่ของเธอ
สิ่งที่เธอไม่คาดคิดมากที่สุดก็คืออาอวิ๋นก็อยู่ข้างในด้วย
“เฉียวเฉียว เซอร์ไพรส์ไหม”ซังหลินจวินยิ้มและมองไปที่คนที่ร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเขา เขาลูบหลังเธอเพื่อปลอบโยน
พลางอยากรู้ความรู้สึกที่อยู่ในใจเธอ
เฉินเฉียวเงยหน้าขึ้นพูดด้วยเสียงแหบ ตีหน้าอกของเขาหลายครั้งด้วยฝ่ามือเล็กๆ
“คุณชอบทำให้ฉันร้องไห้ ดีใจหรือเปล่าที่ทำให้ฉันร้องไห้? เกินไปแล้วไม่รู้เหรอว่าร้องไห้มากไปส่งผลไม่ดีต่อลูก” ผมผิดเองไม่ต้องร้องแล้วนะ เช็ดน้ำตาเร็ว”
แม้ว่าเฉินเฉียวจะโวยวายสองสามคำแต่ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่ซาบซึ้ง แค่ไม่ต้องการทำให้เขาภูมิใจเกินไปตอนนี้ดูแล้วเขาจะรู้สึกผิดจริงๆ เธอเลยฝังหัวไปในอ้อมอกเขาแล้วพูดว่า “แม่ว่าฉันไม่อยากยอมรับแต่เซอร์ไพรส์ครั้งนี้ฉันชอบจริงๆตอนนี้คุณจะบอกได้หรือยังว่าคุณมีอะไรอยากจะพูดกับฉัน”
ซังหลินจวินกำมือแน่นไม่รู้ว่าเป็นการเพิ่มความกล้าให้ตัวเองหรือไม่ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “เฉียวเฉียวผมต้องการจัดงานแต่งงานกับคุณ แม้ว่าผมจะรู้ว่าคุณไม่รังเกียจงานนี้ แต่ผมไม่อยากให้คนอื่นมีงานแต่งที่ตัวเองใฝ่ฝันแต่คุณกลับเหลือแค่เพียงความเสียใจ เฉียวเฉียว คุณจะตกลงไหม?”
ซังหลินจวินไม่แน่ใจว่าเฉียวเฉียวจะเห็นด้วยหรือไม่
ยังไงซะเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยพูด แต่โดนปฏิเสธมาตลอด
แต่ตอนนี้ทุกๆอย่างกำลังไปได้ดีพวกเพื่อนๆก็ค้นพบความสุขของตัวเอง
เขาหวังว่าสิ่งต่าง ๆ จะสมบูรณ์มากขึ้น
ดังนั้นเขาจึงยังมีความคาดหวังที่ซ่อนอยู่ในใจ
มองไปที่แหวนที่หลินจวินหยิบออกมา มันเป็นแหวนวงเมื่อสี่ปีก่อน
น้ำตาที่ไม่สามารถควบคุมได้ไหลออกมาอีกครั้ง และเธอก็พยักหน้า
“ฉันตกลง ฉันตกลง…”
ความมืดมิดพวกนั้นกลายเป็นความอบอุ่นที่เขามอบให้
บางทีเรื่องเศร้าๆพวกนั้นที่อิตาลีหายไปนานแล้ว เพียงแต่เธอคิดไม่ถึงว่าพวกเธอจะได้ทะเบียนสมรสเร็วขนาดนี้แถมยังจะจัดงานแต่งงานอีก
ตอนนี้เขาบอกว่าเขาอยากจะมอบงานแต่งงานที่ดีที่สุดให้เธอ เธอจะปฏิเสธได้อย่างไร
สิบเดือนต่อมา
เฉินเฉียวได้คลอดทารกเพศหญิงชื่อซังอี๋อย่างปลอดภัย
ความหมายก็คือเธอหวังให้ลูกสาวของเธอมีชีวิตที่ดีมีความสุข
คนที่ทำร้ายพวกเขาลับหลังถูกจับเข้าคุกแล้ว
ปรากฎว่าคนที่ช่วยเฉินอินออกจากคุกคือเถียนเถียนหลังจากที่รู้ว่าเป็นเธอ เฉินเฉียวก็ได้ไปเยี่ยมเธอ ก่อนเจอกันเธอรู้สึกเกลียดในใจแต่มองไปที่ใบหน้าที่เสียโฉมของเธอเฉินเฉียวแต่ก็หลีกเลี่ยงความรู้สึกเศร้าในใจไม่ได้
“เธอมีความสุขมากใช่ไหม ที่สุดท้ายแล้วฉันโดนจับ”เมื่อเห็นสีหน้าของเฉินเฉียวเปลี่ยนไป เถียนเถียนในใจก็ยังคงรู้สึกซึมเศร้า
บางทีเธออาจไม่รักซังหลินจวินแล้ว แต่ความเกลียดชังที่มีต่อเฉินเฉียวเธอจะไม่มีวันปล่อย
กี่ครั้งที่เธอฝันร้าย เธอตื่นจากฝฝันร้ายเพราะภาพในตอนนั้น
เธอรู้
มันเป็นความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่เหลืออยู่ของเธอที่เตือนเธอ
แต่แล้วยังไงล่ะ ตอนนี้เฉินเฉียวเป็นคนคนนั้นที่มีความสุข แต่เธอกลับต้องมาใช้ชีวิตในคุก
เฉินเฉียวรู้ว่าเถียนเถียนเกลียดเธอ เธอไม่ได้พูดคำปลอบโยนใดๆเธอไม่สามารถเกลี้ยกล่อมผู้หญิงที่ทำลายเธอได้
เพียงหยิบรูปออกมาส่งให้เธอและพูดว่า: “เด็กคนนี้เป็นลูกเธอใช่ไหม ตอนนี้เขาสบายดีเธอไม่ต้องห่วงนะ”
เถียนเถียนที่กำลังพาลจู่ๆก็เงียบ เธอมองรูปนั้นไม่รู้ว่ามีน้ำตาไหลออกมาตอนไหน
ราวกับเธอยังได้ยินเสียงร้องตอนเธอทิ้งเด็กคนนั้นไป เสียงร้องไห้นั้นฟังดูขัดหู
“เขาแข็งแรงดีไหม?”เถียนเถียนถามอย่างใจเย็น
“เขาได้เปลี่ยนไตแล้ว เขาจะอาการค่อยๆดีขึ้น”
เจียงเฉิงเป็นโรคไตตั้งแต่ยังเด็ก ในตอนนั้นยังไม่ได้เจอกับมู้เก๋อไม่มีคนช่วยเธอ เธอเลยเลี้ยงเด็กคนนี้ไม่ไหว
เธอจึงส่งเด็กไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หลายปีผ่านไปเธอไม่เคยคิดว่าจะยังได้พบเขาอีก
หลังจากที่เฉินเฉียออกจากคุก มองดูท้องฟ้าใสด้านนอกมีคนคนหนึ่งหันหน้าไปทางนอกประตู เธอเดินเข้าไปจับมือเขาเบาๆและพูดว่า: “ไปกันเถอะ”
“โอเค”ซังหลินจวินวางแขนข้างหนึ่งรอบเอวของเธอใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข
พวกเขาผ่านเรื่องต่างๆนานาด้วยกันมาแล้วหลังจากนี้ถ้ามีเรื่องทุกข์ยากอีกพวกเขาก็จะอยู่ด้วยกันเหมือนตอนนี้ไม่ทอดทิ้งกันไปจนตาย