ซังอี๋ก้มหน้าไว้ อยากลดความมีตัวตนของตัวเอง แต่ก็ยังรู้สึกว่าสายตาผู้ชายคนนั้นเอาแต่มองมาที่ตัวเอง
ชู่จี้แค่พูดอะไรอีกไม่กี่คำก็ลงจากเวที ความจริงที่มาที่นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เขาเคยเรียนที่นี่ แล้ว เขาก็อยากเจอเด็กผู้หญิงแซ่ซังด้วย
ทุกคนล้อมทางชู่จี้ไว้ อยากใกล้ชิดกับเขา อยากได้ลายเซ็นจากเขา เขาที่เป็นเทพบุตร ทำได้ทุกอย่าง เป็นคนที่เพอร์เฟคมาก
ตอนที่เขาเก็บกรงเล็บ เป็นสุภาพบุรุษที่อ่อนโยน แต่ถ้าสะกิดต่อมอารมณ์ของเขา เขาก็จะเป็นซาตานที่น่าหวาดกลัว
“ขอลายเซ็นหน่อยได้ไหมคะ?” ผู้หญิงบางส่วนยื่นสมุดไปให้ รอคอยสายตาจากผู้ชายตรงหน้า
ชู่จี้ไม่ค่อยสบอารมณ์ แต่ก็ไม่ได้โมโห “ติดต่อผู้ช่วยผมอวี้เฟิงครับ” เขาพูดแค่แค่นี้ จากนั้นบอดี้การ์ดสองคนก็พาตัวชู่จี้ไป
“หล่อจังเลย” หลี่เจียชิงกอดซังอี๋ไว้ “แกมองตาเขาสิ! ฉันหลงกับสายตาเขามาก”
ซังอี๋ยิ้มอ่อน “ไหนบอกจะเลี้ยงข้างฉัน?”
พอเพิ่งพูดจบ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“นี่ ฉันอยู่หน้าประตู เธอมาหาหน่อย”
เขา!
เธอจับโทรศัพท์ไว้แน่น “ตอนนี้?”
ใจเธอเต้นเร็วขึ้น
“ใช่” ชู่จี้วางสายอย่างอารมณ์ดี เขาสืบเรื่องของซังอี๋แล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมาก
ซังอี๋หาข้ออ้างไปที่หน้าประตู เลยเห็นรถธรรมดาจอดอยู่ มองไปเห็นว่าข้างในเป็นใคร แต่ความรู้สึกบอกเธอว่า คือชู่จี้
กระจกรถลดลง จึงเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของชู่จี้
ซังอี๋นั่งข้างคนขับ อยู่ๆก็รู้สึกเกร็ง แล้วแกล้งทำเป็นมองวิวข้างนอก
“เขินเหรอ?” เขาขยับมาใกล้ กลิ่นน้ำหอมลอยเข้าจมูกเธอ “คืนนี้ กลับบ้านกับฉันได้หรือเปล่า? ฉันจะพาเธอไปเจอคุณปู่”
ซังอี๋เบิกตากว้าง ยังตั้งสติไม่ได้ อยู่ๆเขาก็ปิดริมฝีปากเธอ แล้วค่อยๆกลืนกิน จนเด็กผู้หญิงในอ้อมกอดเกือบจะหายใจไม่ออกเขาค่อยปล่อย
“คุณปู่?”
ทำไมเร็วขนาดนี้? ซังอี๋คิดว่าตัวเองหูฝาด ตอนนี้เธอกับชู่จี้ ยังไม่ได้เป็นแฟนกันด้วยซ้ำ……เจอผู้ใหญ่เร็วไปหรือเปล่า?
ชู่จี้แตะจมูกเธอเบาๆ “ใช่ ฉันเชื่อว่าเธอจะรับมือได้ดี”
ถึงซังอี๋จะไม่เคยมีแฟน แต่เธอฉลาดมาก อีกอย่าง เขารู้สึกว่า ถ้าภรรยาตัวเองเป็นผู้หญิงคนนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะให้คนอื่นยอมรับ
นี่เป็นเหตุผลที่เขาเลือกผู้หญิงคนนี้
ซังอี๋ผลักเขาออกด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ขอโทษนะ ฉันไม่ใช่คนที่ชอบเล่นกับความรู้สึก”
แววตาชู่จี้เริ่มเดือด “ฉันบอกแล้ว ฉันจะจีบเธอ ไม่ได้คิดว่าเธอเป็นของเล่น”
อยู่ๆเธอก็หัวเราะ “ฉันยังต้องขอบคุณที่นายชอบฉันงั้นเหรอ?”
เขากำมือแน่น อยู่ๆก็เหมือนนึกอะไรได้แล้วยิ้มอ่อน “ความจริง ฉันเซ็นสัญญากับมหาวิทยาลัยตั้งนานแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอเป็นเด็กฝึกงานของฮวาเจิง”
ซังอี๋เบิกตากว้าง เธอไม่เคยบอกเรื่องตัวเอง เพราะฉะนั้น ทุกคนเลยคิดว่าเธอเป็นคนทั่วไป แต่ตอนนี้มายุ่งกับชู่จี้ ตัวเองโดนเปิดโปงงั้นเหรอ?
“เธอ แตกต่างจริง” นิ้วมือที่เรียวยาวของเขาลากผ่านใบหน้าของเธอ แล้วสบตาอีกฝ่าย
“คืนนี้ หกโมง ฉันจะไปรับเธอ”
ซังอี๋เปิดประตูรถ “ขอบคุณน้ำใจของคุณมากนะคะ” คำพูดนี้ เหมือนกำลังพูดเสียดสี
เธอหลับตาลงแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ ตัวเองเกือบจะโดนผู้ชายคนนี้หลอก ยังดี……ยังโชคดีที่ตัวเองเดินออกมาก่อน
“อี๋อี๋ ทำไมสีหน้าแกไม่ค่อยดี? ไม่สบายหรือเปล่า?” หลี่เจียซิงจับมือซังอี๋ไว้แล้วถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร คืนนี้อาจจะไม่ได้กินข้าวกับแกนะ ไว้วันอื่นฉันจะเลี้ยง”
เธอไม่ค่อยชอบเล่าเรื่องให้แด๊ดดี้กับม่ามี๊ แล้วให้พวกท่านจัดการให้ แต่กลับพึ่งพาตัวเองมากกว่า ต้องคอยระวังผู้ชายคนนี้ก็พอแล้ว
ตอนดึก อยู่ๆฟ้าก็ครึ้ม แล้วมีเสียงฟ้าผ่าด้วย
ซังอี๋ขึ้นไปบนรถ คนขับรถก็ทักทายอย่างมีมารยาท “คุณหนูซัง”
ซังอี๋แค่พยักหน้าให้ ไม่ได้พูดอะไรมาก
คฤหาสน์ของตระกูลชู่อยู่ในโซนคนรวย แค่มองก็รู้ว่าอายุต้องเก่าแก่ คงไม่น้อยกว่าห้าสิบปี
คนรับใช้ก็ยืนอยู่สองข้าง เหมือนระเบียบต้อนรับราชวงศ์อย่างนั้น
ชู่จี้เป็นประตูให้ซังอี๋ ซังอี๋ก็คล้องแขนเขาไว้ จากนั้นทั้งสองก็เดินไปบนทางหญ้า
“เกร็งหรือเปล่า?” เขามาถามใกล้หูเธอ
ท่าทางทั้งสองใกล้ชิดสนิทสนมมาก
ตอนที่หลิงเยว่เห็น เธออิจฉาจนจะเป็นบ้า!
มีแค่ตัวเองที่คู่ควรกับผู้ชายคนนั้น คล้องแขนไว้ เธอไม่อนุญาตให้มีผู้หญิงคนอื่น!
แต่สถานการณ์ตอนนี้เธอห้ามให้ตัวเองเสียมารยาทเด็ดขาด เธอเลยฝืนยิ้ม มองสองคนนั้นเดินมาตรงหน้า
“กลับมาแล้วเหรอ” สายตาของพ่อชู่มองไปที่ซังอี๋ “ดีดูมีชาติตระกูล” ท่านพูดชม
อยู่ในวงการธุรกิจมาตั้งกี่ปี เลยรู้ว่าความรู้สึกแบบนั้นเลียนแบบไม่ได้ แค่มองก็พิจารณาได้แล้ว
ซังอี๋ก้มหน้าเล็กน้อย “ขอบคุณค่ะ”
คุณปู่นั่งอยู่คนแรก “มาให้ปู่ดูหน่อย”
ท่านดูเป็นมิตรมาก นี่เลยทำให้คนอื่นดูสนิทกับท่านง่าย
ชู่จี้เดินผ่านพ่อชู่ ไม่ได้สนใจท่านเลย เขาเดินตรงไปที่คุณปู่ แล้วถามอย่างมีมารยาท “ปู่ครับ ร่างกายเป็นยังไงบ้าครับ?”
“ก็ดี แต่ในใจปู่มีเรื่องให้คิดเรื่องหนึ่ง ตอนนี้เจอภรรยาหลาน ปู่ก็วางใจแล้ว” เถ้าแก่ยิ้มเอ่ย
“หนูน้อย ถ้าเด็กคนนี้ไม่ดีกับหนู หนูมาบอกปู่ ปู่จะสั่งสอนให้เอง”
ซังอี๋คิดในใจ ตอนนี้เขาก็กำลังรังแกตัวเองอยู่ แต่เธอก็ไม่ได้พูดคำนี้ออกไป
“ขอบคุณค่ะคุณปู่” ซังอี๋แอบหยิกชู่จี้ในที่ที่คนอื่นไม่เห็น จากนั้นก็ทำให้ผีใส่เขา
ชู่จี้ยิ้มแห้ง “เธออยากให้ฉันทำอะไรกับเธอใช่ไหม?”
เขาพูดเน้นคำ จนทำให้คนอื่นต้องจินตนาการตาม
ซังอี๋หน้าแดงทันที
หลิงเยว่เห็นทั้งสองคนซุบซิบกัน เธอจะบ้าตาย ผู้หญิงคนนี้ ทำไมถึงคุยกับชู่จี้มีความสุขขนาดนั้น? ทำไมกับตัวเอง ชู่จี้ต้องทำหน้าเย็นชาด้วย?