เขาอดไม่ได้ที่จะวางมือบนคอขาวๆของเธอ รู้สึกถึงการหายใจของเธอ ทันใดนั้นเขาก็ใช้แรงบีบคอสายตาเต็มไปด้วยความอาฆาต
เขาเกลียดการโดนทรยศมากที่สุดโดยเฉพาะคนที่เขาให้ความสำคัญ!
ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวดเพราะหายใจลำบากปากของเธอเปิดออกเล็กน้อย พยายามสูดอากาศบริสุทธิ์ให้มากขึ้นในที่สุดการดิ้นรนก็เบาลงเรื่อยๆเมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นกำลังจะขาดหายใจตาย ชู่จี้ค่อยๆปล่อยมือ ไม่ต้องห่วง ความตายนั้นง่ายเกินไปสำหรับเธอ
จู่ๆชู่จี้ก็เปลี่ยนใจ ยิ้มที่มุมปากรอยยิ้มเริ่มเย็นชาลงเรื่อยๆ
แสงแดดแรกในตอนเช้าส่องไปทั่วทั้งห้องและซังอี๋เดินออกจากเตียงด้วยอาการปวดศีรษะ “ทำไมฉันถึงอยู่ในโรงพยาบาล?”
ในความทรงจำของเธอ เธอจำได้เพียงว่าเธอกับชู่จี้รีบไปมหาวิทยาลัยเพื่อตรวจสอบสถานการณ์อยู่ดีๆเธอก็เข้าโรงพยาบาลได้อย่างไร
พอเธอขยับเธอพบว่าชู่จี้กำลังหลับอยู่บนตักของเธอ
ทันทีที่เธอขยับตัว ชู่จี้ก็ตื่นขึ้นจากการนอนหลับ “คุณอยากกินอะไร”ดวงตาของเขายังคงอ่อนโยนแต่ถ้ามองดีๆเบื้องหลังความอ่อนโยนนั้นเย็นชา
“ฉัน…ฉันมาอยู่โรงพยาบาลได้ยังไง”ซังอี๋ไม่เข้าใจ
“เมื่อวานคุณคงจะเหนื่อยมาก”ชู่จี้ลูบหน้าผากเธอ เขาไม่นึกเลยว่าผู้หญิงจะเสแสร้งเก่งขนาดนี้คิดว่าเมื่อวานหัวกระแทกแล้วความจำเสื่อมเหรอ?
แต่เขาไม่รังเกียจที่จะเล่นเกมแมวจับหนูกับเธอ
“เมื่อวานคุณคงไม่ได้นอนใช่ไหม”ซังอี๋รู้สึกเสียใจอย่างมากและดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
ในทางตรงกันข้ามชู่จี้กลับรู้สึกขยะแขยงกับท่าทางของซังอี๋มันเป็นเรื่องน่าขบขันที่เธอกำลังแสดงอยู่
“นอนหลับจนอิ่มเลยล่ะ ผมพาคุณออกไปเดินเล่นดีกว่านะ” เขายกผ้าห่มของเธอขึ้นเบาๆเมื่อเขาเห็นรอยสีแดงขนาดใหญ่ที่คอของเธอดวงตาของเขาก็เย็นชาและเขาก็รีบปกปิดมันอย่างรวดเร็ว
ซังอี๋ก้มหน้าลงอย่างอายๆและรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าทันทีหลังจากที่เธอออกมาเธอก็กระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของชายคนนั้น “คุณชู่จี้ ฉัน…”
สีหน้าเธอดูไม่ดี กัดริมฝีปากสีแดงที่เย้ายวนราวกับว่าเธอเป็นคนที่น่าสนใจ
“ตอนนี้ถือว่าเราเป็นแฟนกันแล้วเหรอ?”
“แน่นอน” เขาผงะแล้วรีบตอบ
ซังอี๋ยิ้ม “จู่ๆฉันก็จำได้ว่าเจียซินชอบคุณมาก ขอลายเซ็นให้เธอได้ไหม?”
ชู่จี้บีบจมูกของเธอ “แน่นอน ผมจะให้เท่าที่คุณต้องการ”
แปลกจริงๆผู้หญิงเมื่อวานและวันนี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ความคิดนี้เป็นเพียงชั่วครู่เท่านั้น ชู่จี้ละทิ้งความคิดนี้และเซ็นชื่อสองคำในการ์ดอันงดงามที่ซังอี๋ส่งให้: ชู่จี้
ซังอี๋มีความสุขราวกับเป็นเด็กที่ได้รับลูกอม “เธอคงจะมีความสุขมากเธอพูดเสมอว่าคุณเก่งแค่ไหน คุณหล่อแค่ไหน และชื่นชมคุณมากคุณเป็นเจ้าชายในฝันของเธอ”
“ไปกันเถอะ ร่างกายของคุณยังอ่อนแรงอยู่และจำเป็นต้องได้รับการเติมเต็ม” ชู่จี้โอบแขนรอบเอวที่เรียวๆของเธอ และลมหายใจที่แผดเผาก็พัดผ่านหลังติ่งหูขาวๆของเธอ กระตุ้นประสาทที่ละเอียดอ่อนของเธอ
“ว่าแต่ มีความคืบหน้าเรื่องข้อมูลการทดลองหรือไม่”ซังอี๋กะพริบตาและถาม
ชู่จี้จุมพิตไปที่ดวงตาของเธอ “อื้อ หาเจอแล้วเรื่องนั้นจัดการเรียบร้อยแล้ว”
ซังอี๋รู้สึกมีความสุขมาก รอบๆกายเป็นสีชมพูดหมด เธอเข้าไปกอดชู่จี้”ขอบคุณ”
“ยินดีต้อนรับค่ะ คุณทั้งสองอยากทานอะไรดีคะ”พนักงานถาม
“ควรจะกินอาหารเบาๆดีกว่านะ” ฉู่จี้มองเมนู “ซุปไก่ดำเมล็ดบัว แล้วก็…”เขาสั่งอาหารหลายอย่างทั้งหมดเป็นพวกอาหารชูกำลัง
หลังจากเสิร์ฟอาหารทั้งหมดแล้ว ชู่จี้ยกถ้วยซุปเป่าให้เย็น “มาๆ เดี๋ยวผมป้อน”
ซังอี๋อ้าปากและกินซุปที่ชู่จี้ป้อน เขาเหยียดมือออกและเช็ดคราบเลอะจากมุมปากของเธออุณหภูมิที่หลงเหลืออยู่ก็ร้อนมาก
“เป็นอะไรไป?”เขาหัวเราะ เสียงทุ้มๆของเขามีเสน่ห์และน่าหลงใหลมาก
ซังอี๋หน้าลง “ฉันไม่รู้ว่าทำไม ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนฝันอยู่เสมอมันไม่ใช่เรื่องจริง”
ความสุขเกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้คนไม่ทันได้ไขว่คว้ามันไว้
“อย่าคิดมาก” ความอ่อนโยนในดวงตาของเขาเกือบทำให้ซังอี๋หลงระเริงไปกับมัน “ผมจะอยู่กับคุณเสมอ ไม่ว่าคุณต้องการจะทำอะไร”
ซังอี๋รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยแต่ก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอเอื้อมมือออกมาและหยิกตัวเองความเจ็บปวดจากแขนของเธอทำให้ดวงตาของเธอมีน้ำตาไหลออกมา “นี่ไม่ใช่ความฝัน”
“ถ้าคุณไม่เชื่อผม ผมมีวิธีอื่นที่จะทำให้คุณเชื่อว่านี่ไม่ใช่ความฝัน”สายตาของเขาเลื่อนไปที่หน้าอกของเธอจากนั้นค่อยๆขยับสายตาจ้องไปที่โคนขาของเธอ
ใบหน้าของเธอแดงก่ำและซังอี๋สงสัยว่าเขากำลังแกล้งเธอดังนั้นเธอจึงรีบเติมโจ๊กเพื่อซ่อนความเขินอายของเธอ
แต่เพราะเธอรีบกลืนจนเกินไปเธอจึงสำลักเธอไอไม่หยุดจนชู่จี้เข้ามาช่วยลูบหลัง“เด็กโง่ เขินอะไร อีกอย่างผมอยากจะให้คุณมีลูกสักสองสามคน”
เขายื่นชามซุปให้เธอ “มาเถอะ ”
ซังอี๋ยื่นหัวไปซบและกระซิบว่า “วันนี้ฉันทำขายหน้าเกินไปหรือเปล่า? คุณจะไม่รังเกียจฉันใช่ไหม ”
ชู่จี้จุมพิตลงบนหน้าผากของซังอี๋อย่างนุ่มนวล “ไม่ต้องห่วงไม่ว่ายังไง คุณคือคนเดียวในหัวใจของผมที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง”
เมื่อประโยคบอกรักนี้แทรกซึมเข้าไปในหัวใจของเธอ เธอจึงกอดคอเขา“ฉัน จริงๆแล้วฉัน….
“จริงๆแล้วอะไร”เขามองเธอที่ท่าทางเขินอาย รอยยิ้มของเขาดูชั่วร้ายและมีเสน่ห์
ซังอี๋ต้องการบอกตัวตนที่แท้จริงของเธอ หลังจากที่ทั้งสองได้สานสัมพันธ์กันแล้วจะได้พาไปพบพ่อกับแม่ เธอไม่ต้องการปิดบังความจริงเช่นนี้
ระหว่างความรักสิ่งที่คนสองคนต้องการคือการซื่อสัตย์ต่อกัน ไม่หลอกลวงและปิดบัง
ก่อนที่ซังอี๋จะพูดจู่ๆประตูก็ถูกเคาะ “ประธานชู่ครับ” อวี้เฟิงเปิดประตูและโค้งคำนับเล็กน้อย “ยังมีเรื่องของบริษัทอีกมากที่ยังไม่ได้รับการจัดการจะมีการประชุมเร่งด่วนและสมาชิกคณะกรรมการคนอื่นๆรอคุณอยู่”
“ปล่อยให้พวกเขารอไปก่อน”ชู่จี้พูดอย่างเฉยเมย
อวี้เฟิงหันไปสนใจซังอี๋ “คุณซัง … ”
ซังอี๋รู้ว่าชู่จี้ต้องการเข้าร่วมการประชุมหลังจากกินข้าวเสร็จ แต่ท้ายที่สุดแล้วการประชุมมีความสำคัญมากกว่าและเธอจะเห็นแก่ตัวสนใจแต่ความรู้สึกตัวเองไม่ได้
“ไม่เป็นไรฉันจะไปหาคุณตอนเที่ยงคุณอยากกินอะไรฉันจะทำอาหารให้คุณเอง”เธอยิ้มอย่างไร้เดียงสา
อวี้เฟิงโล่งอก ถ้าคุณซังออกหน้าขนาดนี้80%น่าจะไม่มีปัญหา คุณชายชู่เอาแต่ใจไม่มีใครเกินเลยจริงๆ การประชุมคณะกรรมการไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะ