“ คุณเฉิน เป็นคุณจริงๆด้วย”
ไม่เจอกันนานเลยนะครับเฉินเฉียวยิ้ม
ดวงตาของเธอเบิกโพลงเมื่อเห็นชายคนนั้นนั่งอยู่ในรถ
เป็นเวลานานมากแล้วที่เธอไม่ได้เห็นเขา
ท่าทีสง่างามซ่อนอยู่ในความมืด มีรังสีอำมหิต
ในขณะที่เธอกำลังคิดเรื่องนี้ชายคนนั้นได้ผลักประตูรถลงไปแล้วสายตาของเขาก็สบเข้ากับสายตาของเฉินเฉียวและไม่มีอารมณ์ใด ๆ อยู่ในดวงตาของเขา
จากนั้นเขาก็มองที่ไปเจียงฉยงฉยง
คุณซังเจียงฉยงฉยงกล่าวทักทาย ได้เจอซังหลินจวินใกล้ขนาดนี้ เธอคิดว่าหล่อกว่าคราวที่แล้ว
จะว่าไปช่างเหมาะกับเฉียวเฉียวจริงๆ
ซังหลินจวินพยักหน้าเบา ๆ : “พี่ชายของคุณเพิ่งโทรหาผม”
ขอบใจนะ ดึกขนาดนี้รบกวนคุณแย่เลย ”
“ไม่เป็นไร”การแสดงออกของซังหลินจวินนั้นเย็นชาเสมอหลังจากที่ได้เห็นเฉินเฉียว เป็นแวบแรกสายตาของเขาก็ไม่มองไปที่เฉินเฉียวอีกเหมือนว่าเขาไม่รู้จักเธอ เขาหันกลับมาสั่ง: “ช่วยคุณเจียงจัดการด้วยนะครับ”
ได้ครับ นายท่าน
คนขับรถหันกลับมาและไปที่ท้ายรถ
เจียงฉยงฉยงมองเฉินเฉียว เดินตามคนขับรถไปข้างหลัง
เฉินเฉียวก็ตามพวกเขาไปด้วย
“ คุณเฉินครับดึกป่านนี้แล้วมาอยู่ที่นี้ได้ไง”คนขับรถถาม
“อ๋อ ฉันอยู่ที่นี้หน่ะค่ะ”
“อยู่เขตป้านซานหรอครับ”
“ค่ะ อยู่กับเพื่อน”เฉินเฉียวชี้ไปที่เจียงฉยงฉยง
คนขับดูมีความสุขมาก“ งั้นก็ดีเลยครับ เราอยู่ในเขตเดียวกัน ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกผมได้ครับ ”
เฉินเฉียวซาบซึ้งในน้ำใจของเขา เธอคุยกับเขาไม่รู้จบ แต่ไม่ได้เธอเป็นคนเริ่ม ทั้งหมดเป็นคนขับรถที่เป็นคนถามแล้วเธอตอบ
บางครั้งเธอมองไปข้างๆโดยไม่รู้ตัว เธอคิดว่าคนๆนั้นจะอยู่ในรถแต่เขาไม่ได้อยู่ เพียงแค่ยืนอยู่ไกลๆ สองมือจับราวกั้นมองไปที่ทะเลสีเข้มไกลๆ
นิ้วยาวๆคีบบุหรี่ อาจเป็นเพราะกำลังเติมน้ำมันเลยไม่ได้จุดบุหรี่
ความมืดปกคลุมร่างนั้น ไม่รู้ว่ามันเป็นภาพลวงตาหรือเปล่า เฉินเฉียวรู้สึกว่ามองด้านหลังเขาแล้วมีท่าทีกังวลเล็กน้อย
เมื่อคนขับเห็นเธอมองไปที่เจ้านายของเขา เขาเลยช่วยบอก: “เมื่อเร็ว ๆ นี้นายท่านไม่อารมณ์ดีครับ”
เฉินเฉียวไม่ได้ตอบ เจียงฉยงฉยงถามด้วยสัญชาตญาณ: “มีเรื่องอะไรที่ทำให้ประธานซังอารมณ์เสียหรอคะ”
“ คุณหนูไม่สบาย อาละวาดอยู่ที่บ้าน ตะโกนว่าอยากจะเจอคุณเฉิน ไม่ว่ายังไงประธานซังก็ไม่อนุญาต ”
“โย่วอีป่วยหรอ”เฉินเฉียวเจ็บหัวใจ
“ ใช่ครับ ตั้งแต่วันที่คุณเฉินไป คุณหนูก็ไม่สบาย ติดเชื้อที่ทางเดินหายใจ มีอาการไอตลอด ไข้ก็สูงร้องไห้อยากโทรหาคุณเฉิน แต่นายท่านไม่ยอมให้โทรยึดโทรศัพท์ไว้ ทั้งสองไม่ได้คุยกันมาหลายวันแล้ว”
เฉินเฉียวได้ยินก็รู้สึกหนักใจ
“ เสร็จหรือยัง”เสียงเศร้าโศกของชายคนนั้นดังมา
“ ครับๆ เสร็จแล้วครับ”คนขับรถไม่พูดอะไรต่ออีก
เจียงฉยงฉยงขอบคุณซังหลินจวิน ซังหลินจวินพยักหน้ารับก่อนจะขึ้นรถไป
ไม่มีการรั้งใดๆไว้ รถคันนั้นก็หายเข้าไปในความมืด
หัวใจของเฉินเฉียวกระเพื่อมอย่างไม่มีเหตุผล
เจียงฉยงฉยงสตาร์ทรถและถามว่า: “เธอกับประธานซังมีอะไรหรือเปล่า ไม่พูดกันสักคำ ฉันเห็นอย่างกับว่าประธานซังกับเธอไม่รู้จักกัน”
“ ตอนนี้เธอไม่คงคิดว่าเขากับฉันไม่เหมือนเดิมนะ”
ไม่ล่ะ ท่าทีของเขาที่มีต่อเธอ ถ้าเทียบแล้วแย่กว่าฉัน ฉันคิดว่าพวกเธอสองคนจะพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นมาได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นคงเยี่ยมมาก! “ตอนนี้มันดับสิ้นหมดแล้ว
เจียงฉยงฉยงใจไม่ดี นึกขึ้นได้จึงถามขึ้นมา: “ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายเขา ตะกี้คนขับรถบอกว่าลูกเขาตะโกนว่าอยากเจอคุณเฉิน หมายถึงเธอละสิ อะไรกัน เธอไม่ได้จับเขาพ่อ แต่ไปจับลูกเขาหรอ”
เฉินเฉียวเป็นห่วงซังโย่วอีจากใจจริง
หลังจากคิดอยู่พักหนึ่งก็ถามว่า: “ฉยงฉยง เธอให้พี่ชายเธอถามให้หน่อยได้ไหมว่าเด็กเป็นยังไงบ้างตอนนี้ ดีขึ้นหรอยัง
เจียงฉยงฉยงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์ไปพลางมองเธอไป “เธอเป็นห่วงมากจริงๆนะเนี่ย เฉียวเฉียวถ้าไม่รู้ว่าเธอบริสุทธิ์อยู่ฉันคงคิดว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกเธอจริงๆ”
หยุดล้อเล่นได้แล้วเฉินเฉียวเร่งเร้าให้โทร แต่พอจะกดโทรเฉินเฉียวก็พูดว่า:“อย่าดีกว่า ไม่ต้องถามแล้ว”
ทำไมล่ะ
เฉินเฉียวส่ายหัว “อย่าไปยุ่งจะดีกว่า”
เธอแข็งใจไม่ให้ตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยว ตอนนี้ให้เจียงอี้ฝานไปถาม ซังหลินจวินน่าจะพอเดาออก
ในอีกด้านหนึ่ง จนกระทั่งไฟหน้าของรถคันนั้นหายไปในกระจกมองหลัง ซังหลินจวินสั่ง “ขับไปเถอะ”
คนขับรถสตาร์ทรถช้าๆ มุ่งตรงไปที่จิ้งหย่วน คนขับรถคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า:“คุณหนูคิดถึงคุณเฉินขนาดนั้นตอนนี้คุณเฉินก็อยู่ที่เขตป้านซานแล้วลองเชิญคุณเฉินมาไหมครับ ผมว่าคุณเฉินมาคุณหนูต้องอาการดีขึ้นเร็วแน่ๆครับ
ซังหลินจวินไม่เห็นด้วย“ ตอนนี้ไม่ใช่ว่าเธอรู้ว่าเด็กป่วยแล้วไม่ใช่หรอ? ถ้าเธอคิดจะมาจริงๆ ก็มาเอง ไม่อยากจะมา ชวนยังไงก็ไม่”
คนขับรถฟังคำนี้ ก็ไม่ได้พูดอะไรได้แต่สงสารคุณหนูที่ไร้แม่
——
ในวันหยุดเฉินเฉียวกลับมากินข้าวเย็นที่บ้านเป็นปกติ
เฉินอันถาม:“ทำไมอี้เฉินไม่กลับมาด้วย”
เฉินเฉียวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งคีบผักเข้าปาก “หลังจากนี้มีแต่หนูคนเดียวค่ะ”
เฉินอันกับลู่ลี่ลี่ที่กินข้าวอยู่หยุดชะงักลง เฉินอินที่อยู่ข้างๆถาม:“พี่คะ พี่เขยเขามีชู้หรอคะ”
“เฉินอิน เป็นเด็กเป็นเล็กพูดอะไรมั่วซั่ว”
ฉันพูดความจริงเฉินอินขมวดคิ้ว“ ฉันเคยเห็นครั้งก่อน ปู้อี้เฉินไปกินข้าวกับผู้หญิงคนนึง
“ กินข้าวก็กินข้าวสิ เกี่ยวอะไรกับมีชู้ เพื่อนกินข้าวด้วยกันไม่ได้เหรอ? “เฉินอันพูด
“พ่อคะ กินข้าวกับผู้หญิง ป้อนกันไปป้อนกันมาแบบนี้หรอ? มันดูน่าขยะแขยง! ”
“เอาล่ะๆเฉินอิน หยุดได้แล้ว”ลู่ลี่ลี่ตำหนิ
เฉินเฉียวรู้ดีว่าผู้ใหญ่ทั้งสองทำเป็นปิดตาข้างเดียวกับชีวิตแต่งงานของเธอ เรื่องปู้อี้เฉินพวกนั้นไม่มีใครไม่รู้
แต่ก็คงไม่ได้ใส่ใจจริงๆ
ถ้าเป็นห่วงจริงๆตอนแรกคงไม่มีลับลมคมในให้เธอกับปู้อี้เฉินคบกันตั้งแต่แรก
ตอนนี้พูดถึงเรื่องพวกนี้ ไม่รู้ว่าต้องการอะไร ไม่มีความหมายเลยจริงๆ
“ พ่อฉันคิดไว้แล้วว่าฉันอยากหย่ากับปู้อี้เฉิน”
เฉินอันและลู่ลี่ลี่มองหน้ากัน
เฉินอินเป็นคนแรกที่เห็นด้วย“หย่าเลย! ผู้ชายแบบนี้ถ้าไม่หย่า ฉันก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว พี่คะ พี่เขยเขาเป็นคนเลว พี่รีบหย่าเลยนะ ครั้งหน้าเดี๋ยวหาผู้ชายแบบประธานซังให้”
เฉินเฉียวเงยหน้ามองเธอ แบบท่าทีงงๆ “แบบประธานซังหรอ”