ปลาสองสามตัวถูกย่างจนสุกเนื้อสีทองกลิ่นหอมฟุ้งกระจาย ชู่จี้พลิกไปมาไม่หยุด กลิ่นหอมเย้ายวนชวนน้ำลายสอชู่จี้ใช้ใบไม้ห่ออย่างระมัดระวัง “มาชิมเร็ว ระวังร้อน….”
เขาเป่าเนื้อปลาอีกครั้ง จนกระทั่งแน่ใจว่ามันไม่ร้อนก่อนที่จะป้อนไปที่ปากของซังอี๋ “มาเถอะ”
เธออ้าปากแต่บังเอิญไปขบโดนนิ้วของชู่จี้ ลิ้นอุ่นๆและเปียกของเธอเลียผิวของเขา ราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าเล็กๆไหลผ่านผิวหนังไปถึงช่องท้องส่วนล่างของเขา
เขาถอนหายใจและชักมือออกโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาอดไม่ได้ที่จะกระโจนเข้าหาอาหารรสเลิศที่อยู่ตรงหน้าเขา สายตาของเขาจับจ้องไปที่คอที่เรียวๆของ ซังอี๋ซึ่งดูเหมือนว่าบิดเพียงเบาๆก็จะมีน้ำออกมา
ซังอี๋ไม่รู้ว่าเธอทำอะไรลงไป เธอเอียงศีรษะและมองดูเขาอย่างไร้เดียงสา ดวงตาเธอดูเหมือนจะซ่อนภาพที่น่าลุ่มหลงเอาไว้
“คุณไม่กินเหรอ?”เธอยื่นชิ้นเนื้อปลาให้ชู่จี้ “คุณก็ชิมบ้างสิ” เธอหยิบปลาสีขาวป้อนไปที่ริมฝีปากของเขาอย่างน่าดึงดูด
ชู่จี้อ้าปาก จับนิ้วและจงใจดูดนิ้วเธอก่อนจะเลียริมฝีปากเขา “อร่อยจริงๆ”ท่าทางดูเซ็กซี่และมีเสน่ห์ ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาที่ไม่มีใครเทียบได้ในโลก
ใบหน้าของซังอี๋แดงขึ้นทันทีราวกับแอปเปิ้ลลูกใหญ่ ซึ่งดูน่าอร่อยยิ่งขึ้นไปอีก
การกินอาหารช้ามากทั้งสองนั่งบนกองหญ้า และซังอี๋นั่งพิงไหล่ของเขา รู้สึกมีความสุขและปลอดภัย “คุณว่าอยู่แบบนี้ดีไหม?”
ดวงตาที่เศร้าโศกมองไปยังทะเลอันไกลโพ้น “อืม ถึงเวลานั้นพวกเราจะมีลูกชายและลูกสาว ลูกสาวเหมือนคุณ ลูกชายเหมือนผมช่างดีเหลือเกิน”
เขาอิจฉาชีวิตแบบนี้ด้วยแต่หากอยากจะทำให้มันเป็นจริง อาจจะต้องใช้เวลานานมาก….
สองวันผ่านแม้สภาพที่พักจะไม่ค่อยดีแต่ก็มีความสุขดี
เนื่องจากอวี้เฟิงได้รับสัญญาณตำแหน่งสุดท้ายจากชู่จี้เขาได้เริ่มค้นหามันอย่างจริงจัง หนึ่งวันสองวันและสามวันได้ผ่านไปโดยไม่เห็นอะไรและอวี้เฟิงรู้สึกหงุดหงิดและกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ
เขารู้ดีว่าถ้าคนธรรมดาๆกระโดดลงทะเลโอกาสรอดมีน้อยมาก ยิ่งกว่านั้น เมื่อไม่มีอาหารและน้ำจืดสภาพของคนสองคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาเชื่อว่าประธานของเขาจะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน
เขานั่งบนเรือและมองดูเหตุการณ์ในระยะไกลด้วยกล้องส่องทางไกล ขยายออกไปและเริ่มค้นหาน่านน้ำที่อยู่ไกลออกไป
“มีเกาะอยู่ไม่ไกล!”อวี้เฟิงใจเต้นแรง “รีบไปดูเร็ว”เขาให้ลูกน้องขับเรือไปอย่างรวดเร็ว สายตามองไปรอบๆ
ใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
เขาเบิกตากว้าง สายตาเต็มไปด้วยความดีใจเข้าเห็นประธานของเขาและภรรยาของประธานอยู่บนเกาะเล็กๆแห่งนี้!
ชู่จี้กำลังหยอกล้อจิ้งหรีดสองสามตัวอยู่บนพื้นอย่างสบายๆ
เมื่อเขาเห็นฉากนี้ อวี้เฟิงก็ตกใจ
“ท่านประธาน…”อวี้เฟิงไตร่ตรองคำพูดของเขา “พวกเราทำงานพลาด ท่านประธานโปรดลงโทษ”
ชู่จี้เหลือบมองอวี้เฟิงแต่สายตานั้นเต็มไปด้วยความสง่างาม
“ท่านประธาน…”เขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่างและจู่ๆก็นึกขึ้นได้ว่าเขาได้ละเลยบุคคลที่สำคัญที่สุด “ภรรยาท่านประธาน
ซังอี๋หัวเราะ “โอเคๆ จะจริงจังไปทำไมคะ? ที่รัก ขึ้นเรือกันเถอะ ”
ชู่จี้ลุกขึ้นอย่างสง่า เขาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนอกจากหนวดเคราบนหน้าเขา แต่ยังคงหล่อเหลาเหมือนเดิม
เขาโอบรอบเอวเธอ “โอเค ผมจะฟังคุณ”
อวี้เฟิงขยี้ตาด้วยความประหลาดใจ พระเจ้า? ไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม ประธานอยู่ในโหมดนี้กับภรรยาคืออะไร?
หรือว่าในใจเขาได้วางแผนมาร้อยแปดพันเก้า เป็นไปได้ไหมในช่วงเวลาสองสามวันในเกาะเขาจะพบว่าเธอเป็นคนดี
อวี้เฟิงคิดเรื่องต่างๆมากมายและในที่สุดก็ตัดสินใจว่าถ้าเขาจะมีคนรักในอนาคตเขาก็จะพาผู้หญิงที่เขารักมาอยู่บนเกาะนี้สองสามวัน
ชู่จี้เอาผ้าชุบน้ำและเช็ดใบหน้าของซังอี๋อย่างระมัดระวัง และการปรากฏตัวของท่านประธานที่เอาอกเอาใจภรรยานี้ทำให้ทุกคนตกใจ
“นี่ยังเป็นประธานของเราอยู่หรือเปล่า?”
“ประธานคนที่เย็นชา ไม่เคยยิ้ม หายไปไหน?”
“ท่าทางที่อ่อนโยนของประธานนั้นหล่อจริงๆ”
ทุกคนวิพากวิจารณ์ไปจนฉวยโอกาสตอนที่ชู่จี้เผลอถ่ายมาได้สองรูป
“ลบ!”
ทันทีที่บุคคลนั้นบันทึกภาพไว้เขาก็ได้ยินเสียงของประธานและเขาก็ตกใจ
เขารีบเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเสื้อ เหงื่อออกและพูดอย่างแผ่วเบาว่า “ท่านประธาน…”
ชู่จี้ไม่ได้แม้แต่จะมองชายคนนั้นริมฝีปากบางๆของเขาเปิดออกแต่คำพูดที่เย็นชายังคงออกมา “ฉันบอกว่าให้ลบออก!”
ในไม่ช้าคนข้างๆเขาก็คว้าโทรศัพท์มือถือของเขาและลบทิ้ง”ท่านประธาน ผมตรวจสอบแล้ว ไม่มีแล้ว”
ชู่จี้พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “นี้คือภรรยาของประธานฮวาเจิ้งในอนาคต ให้เธอเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนฉันเป็นอันดันสองเข้าใจไหม”
ทุกคนพยักหน้า “ครับผม ท่านประธาน”
จากนั้นชู่จี้ก็สวมกอดซังอี๋และเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวที่หรูหรา ทิ้งกลุ่มคนไว้ด้วยความยุ่งเหยิง
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาที่ชู่จี้หายไป งานก็แทบจะกองพะเนินเทินทึกเขามีเวลาแค่อาบน้ำแล้วเริ่มหมกมุ่นอยู่กับการตรวจสอบเอกสารที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ
“พักหน่อยไหม หรือไม่ก็ให้ฉันอ่านให้คุณฟัง “เธอรู้สึกเป็นทุกข์อย่างยิ่งเมื่อเห็นเขาดูเหนื่อย
ชู่จี้ดึงมือเล็กๆของซังอี๋ออกมา “คุณอยู่ที่นี่กับผมสักพักก็ได้นะ ถ้าง่วงก็ไปนอนก่อนรอผมทำงานเสร็จแล้วจะไปเรียก”
เธออยู่กับเขาอย่างเงียบๆแม้ว่าเธอจะง่วงนอนก็ตาม เธอก็แค่งีบบนโต๊ะโดยเอามือค้ำหัวไว้เพราะกลัวว่าจะเผลอหลับไปเธออยากจะอยู่กับเขา ถึงแม้ว่าเธอจะทำอะไรไม่ได้ แต่ถึงแม้ทำได้แค่อยู่ด้วยเธอก็เต็มใจ
เอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็วเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นเขาเห็นว่าซังอี๋ง่วงมากจนไม่สามารถเปิดเปลือกตาได้แต่เธอบังคับตัวเองให้ตื่น หัวใจของเขาก็อบอุ่นขึ้นทันใดและเขาก็ไปอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนเบา ๆ ราวกับว่ากลัวที่เสียอัญมณีล้ำค่าที่สุดไป เขาตั้งใจอุ้มเธอไปวางบนเตียงในห้องทำงานอย่างระมัดระวัง
ซังอี๋ก็กอดคอเขาและพูดด้วยความงุนงง “คุณตรวจงานเสร็จแล้วหรือ?”
ผู้หญิงในอ้อมแขนของเขาช่างอ่อนโยนเหมือนกระต่ายขาวนุ่มๆที่ให้ความเชื่อใจทั้งหมดแก่เขา