ชู่จี้รู้สึกอยากขำ “อายอะไร? อีกหน่อยอยู่ต่อหน้ากล้อง อาจจะตื่นเต้นกว่านี้ก็ได้”
เธอรีบพุ่งเข้าอ้อมกอดเขา “พอแล้ว อีกหน่อยค่อยว่ากัน”
เด็กผู้หญิงคนนี้ที่ทำท่าทางเขินอายน่ารักเกินไปหรือเปล่า
เวลาผ่านไปแล้วหนึ่งเดือนอย่างรวดเร็ว ซังอี๋จบมหาวิทยาลัยจริงๆจังๆแล้ว คณะที่เธอเรียนมาไม่เกี่ยวข้องกับการแสดงเลย ไม่คิดเลยว่าพอได้ลองแล้ว ตัวเองกลับชอบการแสดง
“นานขนาดนี้แล้ว แกไม่ติดต่อหาฉันเลย” หลี่เจียซินเม้มปากอย่างอารมณ์ไม่ดี
ซังอี๋มองเธอแล้วไม่รู้จะทำยังไง “ก็ได้ ก็ได้ เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าว แกเลือกตามใจได้เลย โอเคไหม?”
หลี่เจียซินหมุนลูกตา “นี่ค่อยว่าไปอย่าง”
“แกไม่คิดจะต่อโทเหรอ?” หลี่เจียวินพูดใกล้หูซังอี๋อย่างลึกลับ
“ฉัน?” ซังอี๋คิดว่าจะเข้าวงการบันเทิงก่อนแล้วสอบโทไปด้วย
หลี่เจียซินพูดอีกว่า “ฉันจะบอกแก ต้องเป็นผู้หญิงที่เรียนสูงๆถึงจะได้รับความเคารพจากผู้ชาย แกสวยขนาดนี้ ถ้าฉลาดอีกหน่อย ผู้ชายต้องมารุมแน่ๆ”
มีคนมาจับซังอี๋เยอะอยู่แล้ว แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับความเย็นชาของเธอ ถึงเธอจะทำตัวมีมารยาท แต่ความเหินห่างเย็นชาแบบนั้น ผู้ชายมองออกว่าไม่มีโอกาส
“แกหามหาวิทยาลัยกับอาจารย์ได้แล้วเหรอ?” ซังอี๋ถามต่อจากเธอ
“ยัง ฉันไม่รีบ พ่อแม่ฉันบอกว่าให้ทำงานไปก่อนสักสองปี เพราะฉะนั้น แกรู้หรือเปล่าว่าฉันทำงานที่ไหน?”
ทำให้หลี่เจียซินยิ้มเบ่งบานขนาดนี้ มีแค่คำตอบเดียวคือ ฮวาเจิง
“ถูกต้องแล้วครับ!” หลี่เจียซินแค่มองสีหน้าซังอี๋ก็รู้เลยว่าเธอตอบถูก ทั้งสองคนใจตรงกันตลอด “เพราะฉะนั้น ฉันมาครั้งนี้ก็เพื่อมาบอกข่าวดีแก ไปเถอะ คืนนี้ให้แกเป็นคนเลือก ว่าไง?”
“ยินดีด้วยละกัน” ซังอี๋รู้ว่าเพื่อนตัวเองชอบชู่จี้มาโดยตลอด เชิดชูดั่งเทพบุตร แต่ถ้าเธอรู้เรื่องเธอกับชู่จี้ จะแสดงปฏิกิริยายังไง?
เธอไม่กล้าจินตนาการต่อ หลี่เจียซินหลงชู่จี้แค่ไหนเธอรู้ดี เพราะแบบนี้ เธอยิ่งจำเป็นต้องปิดบังเรื่องความสัมพันธ์กับชู่จี้
เห็นอารมณ์ซังอี๋ไม่ค่อยดี หลี่เจียซินไม่ได้คิดอะไรมาก จากนั้นจูงมือซังอี๋ไปโบกรถแล้วไปตรงที่ย่านรุ่งเรือง
ระหว่างทางหลี่เจียซินเอาแต่พูดว่าเธอเห็นข่าวต่างๆของชู่จี้ ชู่จี้จะแสดงละครเรื่องอะไร มีแต่คำว่าชู่จี้ลอยวนเวียนอยู่ข้างหู
เธอไม่อยากพูดแทรก แต่ไม่รู้ว่าความสบายใจมาจากไหน เธอจึงรู้สึกว่าบรรยากาศครึ้มมาก
ทั้งสองมาที่โรงแรมหรู จากนั้นก็เปิดห้องวีไอพี”อี๋อี๋ แกเป็นอะไร? ทำไมรู้สึกว่าแกไม่มีความสุข ขอโทษนะฉันอาจจะตื่นเต้นเกินไป ไม่รู้จะคุยเรื่องพวกนี้กับใคร แก……เจอปัญหาอะไรหรือเปล่า?” เห็นสีหน้าที่เข้มงวดของซังอี๋ หลี่เจียซินจึงเป็นห่วง
ซังอี๋ส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นไร ฉันดีใจแทนแก กินข้าวเถอะ แกไม่หิวเหรอ?”
“อื้อ หิวแล้ว” หลี่เจียซินตักอาหารที่ซังอี๋ชอบให้เธอ จากนั้นค่อยเริ่มกิน
โทรศัพท์สั่น “ทำไมไม่รับโทรศัพท์? อยู่ไหน?” ตอนที่ซังอี๋เห็นข้อความของชู่จี้ เลยคิดได้ว่าเธอไม่ได้ส่งตำแหน่งให้เขา จากนั้นก็นึกได้ว่า…… เธอจึงรีบตอบกลับเขา “นายอย่ามา เดี๋ยวฉันก็กลับแล้ว”
เธอไม่อยากให้ทั้งสองคนเจอกัน เหมือนตัวเองหักหลังเพื่อนแล้วคบกับชู่จี้ ตอนนี้เจียซินพาตัวเองไปตามดารา ตัวเองถึงเจอชู่จี้แล้วเกิดเรื่องต่างๆ แต่ว่า เธอไม่รู้จะบอกเจียซินยังไง เจียซินเป็นผู้หญิงไร้เดียงสา จะโดนคนอื่นหลอกได้ง่ายๆ
ชู่จี้เห็นตำแหน่งที่ซังอี๋ส่งมา จากนั้นจึงแล่นรถไปที่โรงแรมทันที
“อือ……วันนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย กลับก่อนนะ ไว้วันหลังจะเลี้ยงข้าวแก” ซังอี๋อยู่ไม่เป็นสุข เธอหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกนอกประตูเลย
หลี่เจียซินกำลังจะลุกขึ้นรั้งซังอี๋ไว้
แต่พอเปิดประตู กลับเห็นชู่จี้ที่หล่อเหลายืนอยู่ตรงหน้าทั้งสอง
หลี่เจียซินเกือบจะหยุดหายใจ “อี๋อี๋ ฉันกำลังฝันหรือเปล่า? ฉันเจอเทพบุตรชู่ตัวจริง!” จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังสนั่นทั่วห้อง
ชู่จี้ไม่เข้าใจ “ไม่ได้รบกวนพวกเธอใช่ไหม?” ดูเหมือนว่าจะเป็นเพื่อนซังอี๋ เพราะชู่จี้จึงพูดอย่างมีมารยาท
“ไม่ค่ะ ไม่ค่ะ ชู่จี้! เป็นคุณจริงด้วย!” หลี่เจียซินตื่นเต้นจนไม่รู้จะพูดอะไร “ทานด้วยกันไหมคะ? อยากทานอะไรคุณสั่งได้เลยค่ะ”
วินาทีที่เธอเจอเขา ใจเต้นแรงมาก “ฉัน ฉัน ฉัน……ฉันขอลายเซ็นได้ไหมคะ?”
ชู่จี้เลิกคิ้ว “ไม่มีปัญหาครับ” เขานั่งลงบนเก้าอี้ ไม่เห็นซังอี๋ที่กุมขมับ
สิ่งที่ตัวเองกังวลมากที่สุดเกิดขึ้นแล้ว
เธอจึงจำเป็นต้องนั่งลงที่เดิม
หลี่เจียซินรู้ว่าชู่จี้หล่อมาก แต่วินาทีที่เจอตัวเอง ใจเต้นแรงจนจะหลุดออกมา นี่ยังเป็นคนอยู่เหรอ? นี่หล่อเกินคนไปแล้ว
ทำไมถึงเพอร์เฟคไร้ที่ติขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา หุ่น ความรู้สึก การกระทำทุกอย่าง
“เทพบุตรชู่ คุณ……” เธอไม่รู้ว่าชู่จี้มาที่นี่ได้ยังไง นี่ความสุขที่สวรรค์เสกให้ชัดๆ
“สวัสดีครับ ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นก็ได้ครับ”
แม้แต่เสียงยังน่าฟัง บ้าชะมัด! หลี่เจียซินดีใจจนจะเป็นลมแล้ว ในหัวเอาแต่คิดว่าตัวเองได้เจอชู่จี้ตัวเป็นๆ แถมชู่จี้ยังคุยกับตัวเองอีก
นี่ไม่ได้กำลังฝันใช่ไหม?
เธอหยิกแขนตัวเองแรงๆ “โอ๊ยเจ็บ” เธอเจ็บจนน้ำตาจะไหล
“เจียซิน” ซังอี๋เรียกชื่อเธอ ถึงจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเจียซินต้องตื่นเต้นมาก แต่เห็นเธอไม่สงสัยอะไร เธอจึงโล่งใจไม่น้อย
หลี่เจียซินค่อยดึงสติกลับมา แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ฉันคิดว่าฉันกำลังฝันซะอีก ฉันดูหนังของคุณทุกวัน ดูหลายรอบมากๆ งานทุกงานของคุณฉันตามไปทุกที่ เทพบุตรชู่ ฉันตื่นเต้นมากเลยค่ะ”
ชู่จี้คิดไม่ถึงเลยว่าเพื่อนซังอี๋จะเป็นแฟนคลับตัวเอง จึงเลิกคิ้วแล้วหันไปที่ซังอี๋
“เธอเป็นแฟนคลับตัวยงของนาย ถ้านายสังเกตดีๆ จะเห็นเวยป๋อของนายมีคนที่ชื่อ หางของชู่จี้ มาคอมเมนต์ แชร์ตลอด” ซังอี๋รู้ว่าคงปิดบังไปตลอดชีวิตไม่ได้ จึงจะพูดความจริง