ชู่จี้ที่อยู่ข้างๆได้ยินเนื้อหาทั้งหมดที่คุยโทรศัพท์อย่างชัดเจน พอเห็นซังอี๋วางโทรศัพท์เขาก็ถาม”เป็นอย่างไรบ้าง? เชื่อผมแล้วใช่ไหม? ”
“ฉันเชื่อคุณเสมอ”ซังอี๋ถือใบทะเบียนสมรสสีแดงในมือรู้สึกสบายใจอย่างมาก “ฉัน…เหมือนว่าไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว ”
ช่วงนี้ยุ่งมาก เรื่องเธอกับชู่จี้ต้องคุยกับพ่อแม่ พ่อกับแม่ไม่เคยเข้ามายุ่งเรื่องความรักดังนั้นพอมีเรื่องอะไรต้องบอกพ่อกับแม่เพื่อที่จะไม่ให้พวกเขาเป็นห่วง
เขาเข้าใจความหมายของเธอ เขาโอบร่างเล็กๆของชู่จี้ “ผมกับไปคุณไหม?”
“อื้อ”เธอโอบรอบคอเขา “ฉันเชื่อว่าเราทั้งสองจริงใจต่อกัน”
ทักษะการแสดงของซังอี๋พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะไม่ได้ดีเท่ากับซุปเปอร์สตาร์บางคน แต่กลุ่มไอดอลบางคนทักษะการแสดงอาจไม่ดีเท่ากับซังอี๋
“ประธานชู่” ผู้กำกับจางเห็นชู่จี้มาแต่ไกลจึงรีบเข้าไปทักทาย
“อืม ถ่ายละครเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง”นี่คือละครที่เขาลงทุนแม้ว่าผู้กำกับจะไม่มีผลงานดังแต่ได้ดูผลงานทั้งหมดของเขาแล้ ล้วนเป็นผลงานที่สุดยอมมีคุณภาพดีเยี่ยมแต่ขาดโอกาสที่จะมีชื่อเสียง
ผู้กำกับจางบอกชู่จี้เกี่ยวกับความคืบหน้าว่า “คราวนี้นักแสดงทุกคนล้วนตั้งใจมาก ผมเองก็เข้มงวดมากถ้ายังเล่นไม่ถึง ประธานชู่อยากดูหน่อยไหม?”
ชู่จี้ตบไหล่ของเขา “ผมเชื่อคุณ ครั้งนี้ผมจัดบทบาทที่เหมาะสมให้คุณคนเดียว”เข้าไม่ได้บอกผู้กำกับจางเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวเองกับซังอี๋ แบบนี้ดีที่สุดสำหรับการพัฒนาระดับของเขาทั้งสอง
ซังอี๋สง่างามเหมือนเดิมมาตลอด เธอยืนอยู่ต่อหน้าผู้กำกับจางโดยปราศจากความเย่อหยิ่งเมื่อมองแวบแรกเธอดูไม่ธรรมดา
“สวัสดีค่ะ ผู้กำกับจางฉันชื่อซังอี๋”
“สวัสดี สวัสดี” เป็นครั้งแรกจริงๆที่ผู้กำกับจางเห็นคนที่มีออร่างดงามเช่นนี้ หน้าตาของเธอดูสวยธรรมชาติ ริมฝีปากสีแดงดวงตาเหมือนดวงดาวใบหน้ายาวตามมาตรฐานผมพลิ้วไหวราวกับนางฟ้า
ไม่ต้องแต่งเยอะก็เข้าตา
เขาลำบากใจเล็กน้อย สวยขนาดมานี้มาเล่นบทสมทบน่าเสียดาย ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะแย่งซีนบทหลักถึงแม้เขาอยากจะเปลี่ยนบทหลักแต่ละครได้ถูกถ่ายไปมากกว่าถึงแล้วเห็นทีจะเป็นไปไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นทักษะการแสดงยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร
ทันใดนั้นเขาก็จุดประกายในใจและลูบหน้าผากของเขาในละครเรื่องนี้มีบท “เย๋ากวงซั้งเซียน”แม้ว่าจะไม่ใช่บทบาทสำคัญแต่ก็มีมาตรฐานที่สูงมากสำหรับภาพลักษณ์ของนักแสดง ตอนนี้ไม่มีใครให้เลือกถ้าได้ซังอี๋มาแสดงคงจะสมบูรณ์แบบ
“นั่งนั่ง มาๆ เสี่ยวจ้าวเอาเก้าอี้มา”ผู้กำกับจางไม่กล้าที่จะละเลย ไม่ง่ายเลยที่ประธานชู่จะพาคนมาด้วยตัวเอง “ผมจะอธิบายละครให้ฟัง อีกสองวันถึงจะเริ่มถ่ายคุณทำความคุ้นเคยกับบทไปก่อนนะ”
เมื่อจูหลงรู้ว่าบทของเธอถูกแย่งไปเธอก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“มันเป็นใคร? กว่าฉันจะได้บทนี้มาแล้วก็โดนแย่งไปแบบนี้เหรอ? ”
ผู้ช่วยของเธอปลอบเธอ “ฉันได้ยินมาว่าเป็นเด็กใหม่ชื่อซังอี๋ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน
ทักษะการแสดงของจูหลงไม่นับว่าดีมาก แต่รูปลักษณ์ที่สวยงามออร่าที่โดดเด่นทำให้สะดุดตา
จูหลงชอบความรู้สึกที่ได้รับการยกย่อง เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วยิ้มมุมปาก“ฉันอยากเจอผู้หญิงคนนี้จริงๆ!”
บทที่ได้มาอย่างยากลำบากโดนเด็กหน้าใหม่ที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาแย่งแบบนี้ เธอจะไม่โกรธได้ยังไง?
จูหลงถามพนักงานหลายคนถึงหาห้องที่ผู้กำกับจัดไว้ให้ซังอี๋เจอ
เธอเดินเข้ามาโดยไม่เคาะประตูเพียงเห็นหลังซังอี๋ ท่าทางของเธอค่อนข้างสง่าและเธอก็ยิ้มอย่างดูถูกเป็นแค่เด็กเส้น จะทำมาเป็นเสแสร้งทำไม
“เฮ้” จูหลงตะโกนอย่างไม่เกรงใจ
จากนั้นซังอี๋ก็เห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังเธอ เมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นจ้องมองมาที่เธอซังอี๋ก็เลื่อนสคริปต์ลงและพูดเรียบๆว่า “คุณมีอะไรหรือเปล่า?”
จูหลงเห็นท่าทางที่ไร้เดียงสาของซังอี๋เธอก็โกรธมากขึ้น “ก็แค่พวกใช้ตัวเข้าแลก นังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์”เธอคิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้คงจะนอนกับผู้กำกับเลยได้เปลี่ยนมาเป็นบทนี้
มักจะมีความบกพร่องทางสติปัญญาที่ท้าทายขีดจำกัดของเธอเสมอ
ซังอี๋ลุกขึ้นเธอสูงกว่าจูหลงไม่กี่เซนติเมตรและรังสีอำมหิตของเธอก็น่ากลัวกว่าจูหลง “จิ้งจอกเหรอ? มีแต่คนที่เป็นแบบนั้นที่ชอบเข้าใจผิดคิดว่าคนอื่นเป็นแบบตัวเอง “เธอตอกกลับ
จูหลงโกรธมากจนชี้ไปที่จมูกของซังอี๋ ดวงตาของเธอเกือบจะระเบิดด้วยความโกรธ “แกกล้าด่าฉันเหรอ? แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? “นังเด็กเมื่อวานซืน เป็นเด็กใหม่ไม่รู้ว่าฉันเป็นใครคิดว่ามีคนหนุนหลังแล้วกล้ามาเทียบกับฉัน
“โอ้? คุณเป็นใคร?”ซังอี๋ยืนกอดอก ท่าทางสง่า
จูหลงคิดว่าซังอี๋จะตกใจกลัว ใบหน้าเธอเผยให้เห็นความภาคภูมิใจเล็กน้อย “เธอรู้จักผู้กำกับสวีกวงรุ่ยไหม? ฉันเป็นคนของเขา “เธอได้เปิดเผยตัวตนของเธออย่างชัดเจนโดยคิดว่าเธอจะทำให้ซังอี๋กลัวด้วยวิธีนี้
สวีกวงรุ่ยถือได้ว่าเป็นรุ่นพี่ในวงการบันเทิง แม้ว่าชื่อเสียงของเขาจะไม่ได้ดีมากแต่เขาประสบการณ์เยอะ ไม่ต้องพูดถึงว่ามีผลงานมากมายที่สามารถหาชมได้แต่เขาเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่อง “เสือผู้หญิง”มีความสัมพันธ์กับศิลปินหญิงนับไม่ถ้วน
สำหรับสวีกวงรุ่ยแล้วจูหลงไม่ได้สำคัญอะไรมาก อารมณ์ดีก็จัดบทละครให้ อารมณ์ไม่ดีก็จะไม่สนใจเธอเลย
ซังอี๋ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับวงการบันเทิง สำหรับเรื่องสวีกวงรุ่ยถึงแม้เธอจะเคยได้ยินแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
“โอ้”เธอพูดเรียบๆความเฉยเมยในดวงตาของเธอมองเห็นได้ชัดเจน
จูหลงเห็นท่าทางซังอี๋แบบนั้นเธอก็โกรธมาก ตอนแรกคิดว่าเด็กน้อยคนนี้จะขอโทษแต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะทำเป็นไม่สนใจ
เธอไม่รู้จริงๆหรือว่าคนที่สนับสนุนเธออยู่ใหญ่กว่า?
จูหลงตัดสินใจไม่ถูก
แต่คิดว่าละครเรื่องนี้เป็นเพียงบทตัวละครตัวเล็กๆที่ไม่เด่นถ้าคนหนุนหลังเธอใหญ่จริงๆจะวางบทนี้ให้เธอทำไม เธอสลัดความกังวลในอดีตของเธอออกไป
“ฉันจะบอกให้นะ เธอหน่ะเป็นแค่เด็กใหม่ทำตัวให้มันดีๆหน่อย บางทีฉันอาจจะไปพูดอะไรดีๆให้ผู้กำกับสวีฟังก็ได้นะ”เธอเชิดคางขึ้นอย่างหยิ่งยโสและมองไปที่ซังอี๋อย่างดูถูก
ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะของชายคนหนึ่งอยู่ที่ประตู “โอ้? เหรอ? ที่แท้ก็เป็นคนของผู้กำกับสวี ขอโทษจริงๆที่เสียมารยาท ”