ใบหน้าของชายผู้นี้หล่อเหลา สูงส่งสง่างามซึ่งเพิ่มเสน่ห์นับไม่ถ้วนให้กับชายผู้นี้
เธอลูบใบหน้าของเขาด้วยนิ้วที่บอบบางและเรียวยาวและจ้องมองดูดวงตาของเขาอย่างจริงจัง “ฉันเชื่อว่าต้องมีสักวันที่ฉันยืนอยู่บนจุดสูงสุดระดับเดียวกับคุณด้วยความพยายามของฉันเอง คุณต้องรอฉันนะ โอเคไหม?”
แม้ว่าภูมิหลังทางครอบครัวของเธอจะเกี่ยวข้องกับภูมิหลังครอบครัวของชู่จี้แต่สถานะตำแหน่งปัจจุบันทั้งหมดของชู่จี้เกิดขึ้นได้ด้วยความพยายามของเขาเองและในที่สุดเธอก็พบเหตุผลว่าทุกวันนี้ที่เธอไม่สบายใจก็เพราะชู่จี้นั้นดีเกินไปแต่เธอกลับเป็นแค่คนสวยแต่ไร้ความสามารถ
เธอไม่คู่ควรกับชู่จี้ มันเป็นเรื่องจริง
ความเก่งของชู่จี้มาจากภายในสู่ภายนอก สงบและสุขุม จริงจังและมีความรับผิดชอบมีวุฒิภาวะและสติปัญญาที่คนส่วนใหญ่ไม่มี ยิ่งกว่านั้นIQและEQสูง
แล้วเธอล่ะ มีอะไร?
เธอทำได้แค่พยายามทำให้ตัวเองเก่งถึงจะคู่ควรกับผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
เธอต้องการที่จะยืนเคียงข้างเขาเหมือนพ่อกับแม่เธอ ทั้งสองเป็นเหมือนดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับ
ปลายจมูกของชู่จี้กับปลายจมูกของซังอี๋สัมผัสกันและบรรยากาศระหว่างคนทั้งสองก็คลุมเครือขึ้นทันที เขารู้ดีว่าผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้กังวลอะไรผู้หญิงที่ชู่จี้ชอบช่างแตกต่างเสียจริงๆ
“โอเค งั้นเรื่องของคุณผมจะไม่เข้าไปก้าวก่ายอีก” เขาสัญญาและเขาก็ไว้ใจผู้หญิงของเขาเก่งที่สุด
ชู่จี้มีเวลาว่างก็จะมาช่วยซังอี๋ต่อบท เขาพอใจเมื่อเห็นการเติบโตของผู้หญิงของเขาและเขาก็มีส่วนร่วมในกระบวนการเติบโตของเธอแต่เขาจะไม่เข้าไปก้าวก่าย
วันนี้เป็นวันแรกที่ซังอี๋เริ่มถ่ายอย่างเป็นทางการ
“เอาละ ทุกฝ่ายพร้อมนะ แอคชั่น!”ผู้กำกับยังตั้งตารอการแสดงของซังอี๋อีกด้วย อย่างไรก็ตามบทของซังอี๋ก็ถูกใจผู้กำกับ
ชู่จี้นั่งอยู่ห่างจากซังอี๋เขาต้องการดูว่าผู้หญิงตัวเล็กๆของเขาจะทำอย่างไรเมื่อเธอเล่นบทนี้จริงๆ
ซังอี๋สวมชุดสีขาวที่สง่างามและหรูหรา โดยมีผมยาวสีดำห้อยอยู่ด้านหลังไหล่ของเธอและเสื้อผ้าของเธอก็ปลิวไหวราวกับนางฟ้า ตอนที่เธอปรากฏตัวก็สะกดใจทุกคนไว้ทันที
ดวงตาที่ฉลาดคู่นั้นดูเหมือนจะพูดได้ คิ้วโก่ง ขนตาเรียวยาวม้วนงอขึ้นและจมูกโด่งงดงาม
“ข้าคือเย๋ากวางเซียน เจ้าล่ะเป็นใคร?”ออร่าของซังอี๋นั้นเฉิดฉายมากและตอนนี้ก็แรงยิ่งขึ้นไปอีก
คนที่อยู่ข้างหน้าเขาเหมือนเดินออกมาจากภาพ หลี่เจี้ยนฮ้าวได้เห็นผู้หญิงสวยหลายมาคนแล้แต่ตอนนี้เขาก็ยังตะลึง หลายปีมาแล้วเขาก็ยังไม่ลืมฉากนี้ซึ้งตราตึงอยู่ในใจเสมอ
เหงื่อไหลออกมาจากฝ่ามือของเขา เนื่องจากประสบการณ์หลายปีและจรรยาบรรณในวิชาชีพไม่นานเขาก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว “ฉันคือเกาเฉิงจวิน ที่ข้ามารบกวนในครั้งนี้เพราะเห็นความเมตตาของท่าน”
ซังอี๋โบกแขนเสื้อของเธอไปทางเกาเฉิง “เจ้ากลับไปเถอะ รีบหนีไปก่อนที่ดอกพีชจะบาน
น้ำเสียงของเธอมีความเย็นชาอยู่แล้วและคิ้วที่บอบบางของเธอก็เต็มไปด้วยความไม่แยแสแต่รูปลักษณ์อันสูงส่งของเธอกลับทำให้คนทนไม่ได้
บนโลกใบนี้มีคนหน้าตาดีขนาดนี้ด้วยหรือ?
หลี่เจี้ยนฮ้าวรู้สึกประหม่าจริงๆเขากลัวว่าการหายใจของเขาจะทำให้หญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าเขาเสียสมาธิเขากลั้นหายใจกลิ่นหอมของดอกไม้ทำให้ลุ่มหลงราวกับว่าเขาตกอยู่ในห้วงอีกโลกหนึ่งทั้งทางร่างกายและจิตใจ
“ซั้งเซียน ได้โปรด!”หลี่เจี้ยนฮ้าวก้าวไปข้างหน้า
เย๋ากวางซั้งเซียนพ่นหายใจออกมา: “เฮ้อ หาที่ตายเองแท้ๆ”หลังจากนั้นเส้นด้ายนับพันก็ออกมาจากข้างหลังและกลีบดอกไม้จำนวนนับไม่ถ้วนก็ตกลงมาจากท้องฟ้าภาพนั้นหยุดนิ่งและงดงามจนเห็นได้ชัด
นี่คือผู้หญิงของเขาชู่จี้สามารถจินตนาการได้ว่าเธอจะมีอนาคตที่ดีเพียงใดผ่านภาพปัจจุบันของซังอี๋
มุมปากของเขามีรอยยิ้มจางๆและดวงตาของเขาก็จับจ้องบนใบหน้าอันมีเสน่ห์ของเธอ
เมื่อรับรู้ถึงการจ้องมองที่คุ้นเคย ซังอี๋มองมาที่เขาและเห็นบุคคลที่โดดเด่นเจิดจ้าและทั้งสองก็จ้องมองกันเป็นเวลานาน
ในไม่ช้าฉากของซังอี๋ก็จบลงอย่างราบรื่น และผู้กำกับจางยังคงชื่นชมทักษะการแสดงของซังอี๋ แน่นอนว่าวิสัยทัศน์ของประธานชู่นั้นแม่นยำคนที่ถูกคัดเลือกมานั้นเหมาะสมหาที่เปรียบไม่ได้จริงๆ
ซังอี๋รู้สึกเขินอายเล็กน้อยกับคำชมของผู้กำกับ สิ่งที่เธอชอบมากกว่าคือประสบการณ์ในบทละคร สัมผัสอารมณ์ของตัวละคร ความปิติ ความโกรธ ความโศกเศร้าผสมปนเปกัน
หลังจากที่ผู้กำกับพูดจบ ซังอี๋ก็รีบกลับไปลบเครื่องสำอางเสร็จสิ้นหนึ่งวันทำงาน
ชู่จี้รอเธออยู่ข้างนอก รถบูกัตติเวย์รอนก็จอดอยู่ด้านนอก”เหนื่อยไหม รู้สึกยังไงบ้าง
ซังอี๋ขึ้นรถ “เป็นอย่างไรบ้าง? ฉันอยากฟังคำติของคุณ “แม้ว่าผู้กำกับจะชมเธอมาก แต่เธอก็รู้ว่านั่นเป็นเพียงเพราะบทพูดของวันนี้ค่อนข้างเรียบง่ายและฉากก็ไม่ซับซ้อน
เธอยังมีข้อบกพร่องมากมายที่ต้องปรับปรุงและสิ่งที่เธอสามารถทำได้ในตอนนี้คือทำให้ตัวเองดีขึ้นและพัฒนาทักษะการแสดงของเธอ
“ฟังความจริงเหรอ?”เขาเลิกคิ้วและดวงตาของเขาเป็นเหมือนแม่เหล็กดึงดูดที่อันตรายซึ่งทำให้ผู้คนลุ่มหลงควบคุมตัวเองไม่ได้