ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 59 ซังหลินจวินคือผู้ชายที่เฉินเฉียวเลี้ยงไว้หรอ ?

เฉินเฉียวตอบกลับ

ไม่แปลกใจเลยที่หลูตงซิงจะมีสีหน้าที่อาย

เธอทำแค่หัวเราะและพูดว่า : “ ประธานหลูน่าจะตาลายนะคะ”

ถึงแม้จะพูดไปแบบนี้ แต่ก็ฟังดูแล้วก็เหมือนกับว่ามีอะไรปิดบัง หลูตงซิงคิดว่าเธอไม่อยากเปิดเผยความรักที่หลบๆซ่อนๆนี้ ก็เลยพยักหน้าเหมือนกับว่าหวังดี “ ใช่ คงจะตาลาย ! หรือว่าไม่ได้ตาลายนะ? ไม่อย่างนั้น ก็คงไม่ได้คุณโหยวมาคอนเฟิร์ม”

พอเฉินเฉียวฟังคำพูดของหลูตงซิงก็รู้สึกอึดอัด

ดูเหมือนว่า น่าจะมาจากโหยวจิ้งหลี และเขาก็ไม่ได้ขออะไร พอนึกถึงตอนที่ตัวเองลงมาจากรถซังหลินจวิน ก็รู้สึกมาเสียใจทีหลัง

ซังหลินจวิน เป็นเหมือนราวกับของแบรด์เนมชั้นดีและราชสกุลของกษัตริย์ในสมัยโบราณ

แต่ว่า พอยิ่งคิดแล้ว ก็ยิ่งทำให้เธอกล้าไม่คิดอีก

เฉินเฉียวกับหลูตงซิงก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก จากนั้นก็หันกลับไปแล้วเดินไปในบริษัท

“ เฉินเฉียว เธอนี้มันไร้ยางอาย !” จู่ๆก็มีเสียงแหลมขึ้นมา

คิ้วสวยๆของเฉินเฉียวก็เริ่มโค้งงอเข้าหากัน

เห็นเริ่นหมิงเซวียนที่ใส่ส้นสูง กำลังเดินเข้ามาด้วยความร้อนรน แล้วก็ตามมาด้วยปู้ฮวานเหยียน

“ แม่ จิ้งหลีพูดถูกแล้ว เมื่อคืนเธอไม่ได้กลับบ้าน ขนาดนั้นเสื้อผ้าก็ไม่ได้เปลี่ยน เมื่อวานที่ใส่ก็คือชุดนี้ ” ปู้ฮวานเหยียนมองไปที่เฉินเฉียวแล้วก็พูด

เริ่นหมิงเซวียนหายแรงขึ้นเพราะโกรธ ยกกระเป๋าขึ้นมา เหมือนกับว่าจะตีไปที่เฉินเฉียว “ เธอกล้าดียังไงเอาเงินบ้านของตระกูลไปเลี้ยงเด็กไว้ ! เธอมันเป็นคนยังไงกันแน่ ! เฉินเฉียว เธอนี้มันไร้ยางอาย !”

เริ่นหมิงเซวียนถือกระเป๋าหนังจระเข้ เฉินเฉียวถึงกับส่ายหัวสักพัก แล้วก็ถึงกับรู้สึกวียนหัว

หลังจากที่เธอได้สติ ก็จับไปที่มือของเธอทั้งข้าง “ เริ่นหมิงเซวียน นี่เธอเป็นบ้าอะไรเนี่ย !”

เธอไม่เคยแสดงออกด้วยความเย็นชาขนาดนี้มาก่อน

อีกอย่าง ไม่ได้เรียกว่า ‘ แม่ยาย ’ แต่กลับเรียกแค่สามพยางค์ ‘ เริ่น หมิง เซวียน ’

“ นี่เธอ……เธอกล้าเรียกฉันแบบี้เลยหรอ ?” เริ่นหมิงเซวียนตะลึงกับแววตาที่กำลังจ้องเธออยู่ชั่วขณะ หลังจากนั้น ก็โกรธจนตัวสั่น “ ไม่มีใครสั่งไม่ใครสอน !”

พอเธอหลุดจากเฉินเฉียว เธอก็อยากที่จะตะครุบเธออีกครั้ง เฉินเฉียวออกแรงมือทั้งสองข้าง แล้วก็ผลักเธออก เริ่นหมิงเซวียนอายุก็มากแล้ว จะสู้กับแรงวัยรุ่นอย่างเฉินเฉียวได้ยังไง ?

ล้มลงไปกับพื้นทั้งตัว ด้วยความอับอายเริ่นหมิงเซวียนไม่สามารถลุกขึ้นได้ทันทีเพราะว่าเจ็บ

“ แม่ ไม่เป็นไรใช่ไหม ?”

ปู้ฮวานเหยียนไปช่วยพยุงแม่ แต่เข้าไปพยุงยังไงก็ลุกไม่ขึ้น ดูแล้วราวกับว่าได้รับบาดเจ็ด สายตาปู้ฮวานเหยียนนั้นร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ เธอรีบเข้าไปหยุดเฉินเฉียว “ ขอโทษแม่ฉันเดี๋ยวนี้นะ !”

เฉินเฉียวมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา “ ออกไป !”

ปู้ฮวานเหยียนโกรธจนปากสั่น เธอเข้าไปพยายามดึงผมของเฉินเฉียว

เฉินเฉียวไม่ต้องการที่จะมีเรื่องกับใคร มันดุน่าเกลียด และดูต่ำ แล้วก็อีกตอนนี้ก็มีแต่คนมามุงดูพวกเขา ปู้ฮวานเหยียนต้องที่จะเข้าไปดึงเธอ เธอก็ยื่นมือมืออกไปเพื่อหยุดเธอ แต่ก็ยังโดนเธอข่วน

“ นี้พวกเธอทำอะไรกัน ?” จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมา

เสียงนี้มัน……ทำไมมันถึงเสียงคุ้นๆ

เฉินเฉียวรีบหันไปมองโดยที่ไม่รู้ตัว เห็นแค่อวี้เฟยที่กำลังเดินลงมาจากรถ แล้วเดินตรงเข้ามาหาพวกเธอ

เธออึ้งไปสักพัก แต่ก็ไม่ได้ดูว่ามีใครอีกหรือป่าวที่อยู่บนรถ

อวี้เฟยใช้แรงมหาศาล แยกปู้ฮวานเหยียนที่กำลังบ้าคลั่ง แล้วก็ผลักเธอออกทันที

“ นี้คุณมายุ่งอะไรเนี่ย ?” ปู้ฮวานเหยียนพูดตะโกนเสียงดังออกมา

อวี้เฟยไม่ได้สนใจเธอ แล้วกระซิบถามไปว่า : “ คุณเฉิน ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ ?”

ถึงแม้ว่าเฉียวไม่ได้หันมาสนใจ แต่รู้สึกได้คนที่อยู่บนรถอีกคนจะต้องรู้สึกอับอายแทนตัวเองแน่ๆ

เธอส่ายหัว “ …….ไม่เป็นไร ”

“ คุณคือผู้ชายที่เฉินเฉียวเลี้ยงเอาไว้ใช่ไหม ? อย่าบอกนะว่ารถคันก็เป็นเฉินเฉียวนั้นซื้อให้ ?” ปู้ฮวานเหยียนคิดไปไกล

เฉินเฉียวรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ตลกไร้สาระและน่าอับอายมาก

“ เขาเป็นผู้ชายที่เธอเลี้ยงไว้ได้ยังไง เขาก็แค่คนขับรถ ! คนที่นั่งอยู่บนรถต่างหากที่เป็นผู้ชายที่เธอเลี้ยงเอาไว้ !” เริ่นหมิงเซวียนมีสายตาเฉียบคมมากกว่าลูกสาวของเธอ ก็ไม่รู้ว่ามรแรงมีแรงมาจากไหน จู่ๆก็ลุกขึ้นมาจากพื้นได้เอง “ ฉันอยากรู้จริงๆเลยว่าเธอเลี้ยงคนแบบไหนไว้แน่ !”

หลังจากที่เริ่นหมิงเซวียนพูดจบก็เดินตรงเข้าไปที่รถเบนท์ลีย์

เฉินเฉียวในใจรู้ด้านชาไปแล้ว เธอทะเลาะคนบ้านตระกูลปู้ แล้วไม่เคยคิดว่ามันจะไปเกี่ยวข้องซังหลินจวิน

อวี้เฟยมองไป แล้วจากนั้นก็รีบวิ่งไปที่รถ

ก่อนที่เริ่นหมิงเซวียนจะเดินไปถึง จู่ๆประตูรถก็ถูกออกมาจากด้านใน

รูปร่างที่เรียวยาวนั่นกำลังก้มตัวลงจากรถ ผู้ชายที่ดูสะอาด มีออร่าที่โดดเด่น พอเทียบกับผู้ชายทั่วไปแล้ว ราวกับฟ้ากับดิน

ไม่ต้องพูดถึงเฉินเฉียวผู้ซึ่งมีความภาคภูมิใจมาโดยตลอด แม้แต่เริ่นหมิงเซวียนผู้ที่หน้าด้านมาตลอดก็ยังต้องรู้สึกละอายใจในตอนนี้

เธอหยุดชั่วครู่

พอกลับมามีสติ ก็เลยพูดว่า : “ คนอะไรทำตัวเหมือนกับหมา แทนที่จะทำเรื่องดีๆ แต่ต้องมารู้สึกอับอายเพราะเฉินเฉียว แล้วยังเอาเงินของบ้านตระกูลปู้อีก ”

“ แม่ หยุดพูดได้แล้ว !” พอปู้ฮวานเหยียนเห็นซังหลินจวิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที จากนั้นก็รีบเดินเข้าไปหาเริ่นหมิงเซวียนเพื่อหยุดเธอเอาไว้ มองไปที่ชายคนนั้นที่มีสีหน้าแดงเล็กน้อยบนใบหน้า เพราะรู้สึกว่าอับอาย

“ ทำไมถึงจะพูดไม่ได้ ? พวกเขาก่อเรื่องขึ้นมาแล้ว ยังจะกลัวคนพูดอีกทำไม? ตอนนี้ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง มันก็ไม่ต่างอะไรกัน ”

“ แม่ ! พวกเราเข้าใจผิดแล้ว ! ผู้ชายที่เฉินเฉียวเลี้ยงเอาไว้ไม่ใช่คนนี้ !” สีหน้าของปู้ฮวานเหยียนแดงระเรื่อ แล้วก็ด้วยความที่ลำบากใจที่เริ่นหมิงเซวียนจัดการไม่สำเร็จ สีหน้าก็เริ่มแสดงออกว่าไม่มีมีความสุข

“ แกรู้แล้วหรอว่าเป็นใคร ? ไม่ใช่ว่าแค่เห็นเขาหน้าตาดี แกก็เลยช่วยเขาพูด ”

ดูเหมือนว่าฝ่ายผู้ชายไม่ได้สนใจที่เรื่องที่สองแม่ลูกนี้พูดเลย ชำเลืองพวกพวกเขาด้วยท่าทางที่เย็นชา ขาที่เรียวยาวก้าวออกมา เสิ่นปู้เฉียวเดินตรงเข้าไปหาเฉินเฉียว

การแสดงออกที่ออกมาจากแววตาเป็นการดูผ่านๆ แต่ว่า มันทำให้เริ่นหมิงเซวียนกับปู้ฮวานเหยียนรู้สึกว่าพวกเขาสำคัญ แต่พวกเธอดูเหมือนตกใจมาก แล้วหลีกทางให้โดยอัตโนมัติ

เฉินเฉียวรู้อับอายจนถึงขีดสุด

เธอหันไปมองซังหลินจวิน ด้วยสีหน้าที่อับอาย “ คุณไปแล้วไม่ใช่หรอ ? ทำไมถึงกลับมาอีก ?”

“ มีสายโทรมาบอกว่า มีเรื่องเกิดขึ้นให้มาดู แล้วฉันก็ยังไปได้ไม่ไกล ก็เลยกลับมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ”

เฉินเฉียวก็นึกถึงหลูตงซิงขึ้นมาทันที กลัวว่าเขาจะเป็นเขาที่โทรไป

เธอมองไปที่ซังหลินจวินด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ แล้วเรื่องนี้คิดว่ามันสนุกไหม ?”

ซังหลินจวินไม่ได้ตอบ เอื้อมมือไปจับมือของเธอ เฉินเฉียวมองไปทางเริ่นหมิงเซวียน แล้วเอามือหลบไปด้านหลัง “ ประธานซัง อย่าทำให้คนเข้าใจผิด ”

“ เอามือมาให้ฉัน ” ซังหลินจวินขยับปากพูดเพียงแค่สามคำเท่านั้น

ท่าทางเขาดูจริงจังมากและไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

เฉินเฉียวกัดริมฝีปากตัวเอง แต่ก็ยังไม่ได้ขยับอะไร ซังหลินจวินไม่ได้ใจร้อน เขาจับไปที่ข้อศอกของเธอจากนั้นก็ดึงมือที่หลบอยู่ด้านหลังออกมา

มีคราบเลือดอยู่สองจุดที่มือของเธอ ซึ่งมีรอยขีดข่วนที่ปู้ฮวานเหยียนทำ

บนผิวที่ขาวราวกับหิมะ พอมีคราบเลือดนั้นดูรุนแรงเป็นพิเศษ พอดูแล้วมันน่าตกใจ

ซังหลินจวินแสดงท่าทางที่เย็นชาขึ้น “ ขึ้นรถ ”

“ ไม่ต้อง นี้มันก็แค่ปัญหาเล็กๆ ” เฉินเฉียวปฏิเสธโดยที่ไม่รู้ตัว

ซังหลินจวินมองเธอด้วยสายตาที่รุนแรงขึ้น เฉินเฉียวรู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้ราวกับกลืนกินเธอทั้งกระดูก

มันก็ถูกต้องแล้ว เขามีตำแหน่งและอำนาจที่สูง ไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่ใช้ในการทำงานหรือใช้ชีวิตปกติ ก็ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของเขา

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset