“ คุณดูพวกเขาสิ ดูเหมือน เหมือนกับอะไรก็ไม่รู้ ! ปกติแล้วก็ไม่เคยเห็นพวกเราอยู่สายตาอยู่แล้ว”
เริ่นหมิงเซวียนมองจากไกลๆก็เห็นว่าซังหลินจวินจับมือเฉินเฉียว หน้าก็ถึงกับซีดไปเลย
เธอก็ปล่อยมือลูกสาวเธอออก แล้วก็รีบพุ่งเข้าไป
“ แม่ ! เลิกเอะอะโวยวายได้แล้ว ขายหน้าจะตายอยู่แล้ว ” ปู้ฮวานเหยียนปฏิภาณไหวพริบที่ดีมาก รีบคว้าตัวของเริ่นหมิงเซวียน
“ นี่ฉันยังยังดูพวกเขาที่กำลังจะเป็นชู้กับอี้เฉินได้ยังไง ? พูดไปอาย แต่คนที่อับอายที่สุดก็คือพวกเขา !”
“ เขาไม่มีทางที่จะชอบเฉินเฉียว หน้าซื่อๆอย่างเฉินเฉียว ไม่ใช่สเป๊คเขาแน่ๆ ” ปู้ฮวานเหยียนมองไกลๆเห็นไม่ชัดว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง แล้วก็พูดอย่างมั่นใจ สายตาของเขาค่อยๆมองไปที่ร่างของคนตัวสูง ที่มีรูปลักษณ์ที่เต็มไปด้วยความมีออร่าที่ไม่สามารถปกปิดได้
“ คุณรู้ตัวอีกแล้วหรอ ?”
“ แม่ เขาคือซังหลินจวิน หยุดโวยวายต่อหน้าเขาได้แล้ว !”
“ อะไรซังหลินจวิน ฉันไม่สนหรอเป็นอะไร……” คำพูดของเริ่นหมิงเซวียน พอพูดถึงเรื่องนี้ ก็หยุดชะงักทันที ไม่รู้ว่าฉุดคิดอะไรขึ้นมาได้ แล้วก็ถามลูก “ แกบอกว่าเขาเป็นใครนะ ?”
“ ประธานซัง หลิน จวิน ของหย่วนเชิ่งกรุ๊ป เป็นลูกพี่ลูกน้องที่เป็นญาติห่างของจิ้งหลี ”
“ เขาเป็นประธานของหย่วนเซิ่งกรุ๊ปหรอ ? ทำไมยังดูเด็กขนาดนี้ ?” เริ่นหมิงเซวียนยังตกใจกับสามคำของซังหลินจวิน
สายตาจับจ้องไปที่ผู้ชายคนนั้น แล้วก็พูดพึมพำกับตัวเองว่า : “ ไม่น่าละพอมองไปแวบแรกก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ ”
“ ก็ไม่ใช่คนธรรมดาไง ไหนคุณลองพูดมาซิ ว่าเขาต้องการผู้หญิงแบบไหน ทำไมจะชอบเฉินเฉียวที่เคยแต่งงานมาแล้วไม่ได้หรอ ? ไหนลองพูดซิ……” พอพูดถึงเรื่องนี้ ปู้ฮวานเหยียนก็หันไปทำท่าขยับปาก “ เขาไม่เคยมองมาที่เงินของตระกูลปู้เลย ”
หลังจากพูดจบ เริ่นหมิงเซวียนฟังแล้วก็รู้สึกว่าไม่สบายใจ “ คุณช่วยคนอื่น จนทำให้ตัวคุณดูดับได้ยังไง ?”
“ แต่เดิมในการสร้างตึกกวางหย่วนเชิ่น ตอนแรกก็ลงทุนไปหว่าหลักสิบ ยังไม่รวมกับค่ารถ ค่าน้ำมัน แล้วก็โรงงานอุตสาหกรรม หุ้นและหลักทรัพย์ของบริษัท ก็ไม่ใช่ว่าคนธรรมดาทั่วไปนั้นจะทำได้ ”
แววตาของเริ่นหมิงเซวียนก็เปลี่ยนไป “ แล้วทำไมเขาถึงได้สนิทสนมของเฉินเฉียวละ ”
“ น่าจะเป็นเพราะอาชีพป่าว ” ปู้ฮวานเหยียนมองพวกที่คุยกันอยู่ไม่ไกล ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหึง
ตอนนี้ยังเรียนอยู่ต่างประเทศ ซังหลินเป็นตัวแทนในกล่าวสุนทรพจน์ในฐานะคนที่โดดเด่นของวิสาหกิจจีน ในตอนนั้น ปู้ฮวานเหยียนเห็นท่าทางของผู้ชายคนนี้ ทำให้เธอจำได้ไม่มีวันลืม
ต่อมาก็ได้เจอกับโหยวจิ้งหลี แล้วก็ต้องการให้โหยวจิ้งหลีช่วยแนะนำเธอให้รู้จักกับซังหลินจวิน ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาสที่เหมาะสมแบบนี้
บางครั้งก็เจอกับซังหลินจวินโดยบังเอิญตามสถานที่ต่างๆ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรในตัวเธอ แล้วก็ผ่านเธอไปโดยที่ไม่แยแสอะไร
ก็เป็นแค่กับคนนี้ที่เธอไม่สามารถสนิทสนมด้วยได้ แต่เขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อเฉินเฉียว มันทำให้เธออดไม่ได้ที่จะหึง
ส่วนอีกฝั่ง
เฉินเฉียวก็ไม่ได้ขยับ
ซังหลินจวินพูดอีกครั้ง “ ขึ้นรถ ”
“ ประธานซัง ”
“ หรือว่าเธออยากให้ฉันอุ้มเธอขึ้นรถงั้นหรอ ?”
เขาไม่ได้มีท่าทางที่ล้อเล่นเลย เฉินเฉียวถอนหายใจแล้วหลูตงซิงก็เป็นคนที่ชอบยุ่งเรื่องไปหมด
พอมองไปที่เริ่นหมิงเซวียนกับปู้ฮวานเหยียน เธอก็นิ่ง “ โอเค ฉันจะขึ้นรถ ”
เฉินเฉียวเดินขึ้นรถไปก่อน
ซังหลินจวินมองสองแม่ลูกที่ยืนอยู่ข้างๆเขา ไม่ได้พูดหรือว่าแสดงออกอะไรแล้วก็ขึ้นรถไป
“ ประธานซัง !” ปู้ฮวานเหยียนไม่สามารถอดทนกับความรู้ที่มีอยู่ในใจได้ เธอก็เลยตัดสินใจเรียกออกไป
เขาทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยิน แล้วก็เดินขึ้นไปที่รถ ส่วนสีหน้าท่าทางของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไป
ปู้ฮวานเหยียนยังคงอยากที่จะรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง ก็เลยรีบวิ่งเข้าไปใกล้เขา “ ประธานซัง เมื่อกี้เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน ฉันเป็นพี่สะใภ้ของเธอ……..”
“ อวี้เฟย ” ซังหลินจวินไม่แม้แต่อยากที่จะที่จะมองเธอ ไม่ได้ฟังเธอพูดจบ เขาก็พูดดักเธอไว้ด้วยก่อน ด้วยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ
อวี้เฟยรีบวิ่งเข้ามาทันที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา : “ คุณผู้หญิง รบกวนช่วยหลบให้ด้วยนะครับ ”
ด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วไม่ดี ทำให้ปู้ฮวานเหยียนไม่สามารถทนได้
เธอมองแล้ว มองอีก แล้วเธอก็ไม่ได้ขยับตัวสักพัก เริ่นหมินเซวียนเข้ามาเพื่อดึงเธอออกไป จากนั้นอวี้เฟยก็ปิดประตู
จากนั้น รถเบนท์ลีย์สีดำก็ขับออกไปในสีหน้าแววตาที่ไม่พอใจของปู้ฮวานเหยียน
“ รอยยิ้มนั้น ทำไมฉันรู้สึกว่าสิ่งประธานซังแสดงออกมาให้เฉินเฉียวมันช่างมีความแตกต่างกัน ?” เริ่นหมิงเซวียนก็เป็นคนที่มีอายุมากแล้วเหมือนกัน แต่ก็ยังมีความสงสัยอยู่ในใจ
ปู้ฮวานเหยียนรู้สึกไม่มีความสุข ก็เลยปล่อยให้เริ่นหมิงเซวียนพูดไป ในใจก็คือรู้สึกโกรธมาก “ พูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน ? ประธานซังไม่มีทางที่จะเลือกคนที่เคยแต่งงานหรอก !”
————
บนรถ
เสียงโทรศัพท์ของอวี้เฟยก็ดังขึ้นมา เขารับสาย แล้วพูดสองสามคำ จากนั้นก็วางสายไป แล้วก็ค่อยหันมาพูดว่า : “ ประธาน สำนักงานงานเลขาโทรมาบอกว่า จะตอบกลับกับประธานปู้ฝั่งนู้นว่ายังไง ”
ซังหลินจวินมองไปที่เฉินฉียว “ หาเวลาแล้วก็นัดเจอกับเขา ”
ใช่แล้ว เธอเดาไม่ผิดจริงๆ
“ เพียงโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาสายเดียวทำให้ประธานซังนั้นต้องเดือดร้อน นี้คุณตอบตกลงที่จะเจอกับประธานปู้แล้วหรอ ?” เฉินเฉียวพูดติดตลก “ ประธานซัง คุณคิดว่ามาเป็นเรื่องที่ตลกเกินไปหรือป่าว ?”
ซังหลินจวินมองไปที่มือของเธอ จากนั้นก็ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอ “ เลือดออก ”
ตอนที่ถูกข่วนเมื่อกี้ ไม่ได้ทันตั้งตัว ก็เลยไม่ได้รู้สึกอะไร
เฉินเฉียวไม่ได้รู้สึกเจ็บตรงไหนเลย จนมาถึงตอนนี้
สำหรับเธอแล้ว ปู้ฉวานเหยียนไม่เคยมีความเมตตาเลย
เธอใช้ผ้าเช็ดหน้ากดที่แผล “ ขอโทษด้วยนะ มันสกปรกแล้ว เดี๋ยวยังไงฉันเอาไปซักก่อนแล้วค่อยมาคืนนะ ”
“ อืม ” ซังหลินจวินพยักหน้า
“ นี่พวกเรากำลังจะไปที่ไหน ?”
ซังหลินจวินไม่ได้ตอบอะไร แต่อวี้ก็ตอบแทนว่า : “ ไปหาหมอตู้ ”
“ ดี ” อวี้เฟยตอบกลับ
ที่จริงแล้วเฉินเฉียวอยากจะบอกว่ามันก็แค่แผลเล็กๆ ไม่ต้องเสียเวลาของพวกเขาไปถึงโรงพยาบาล แต่ว่านี้ก็ขึ้นรถมาแล้ว พูดไปก็ไม่มีประโยคอะไร ก็เลยเปลี่ยนคำพูดว่า : “ ประธานซังรู้จักปู้ฮวานเหยียนมาก่อนหรอ ?”
“ ใคร ?”
“ พี่สะใภ้ของฉัน ”
ซังหลินจวินส่ายหัว “ ไม่รู้จัก ”
เฉินเฉียวยิ้มแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ซังหลินมองหน้าด้านข้างของเธอ
เธอสวยมาก ตอนที่เธอหัวเราะ นัยน์แววตานั้นแฝงไปด้วยความเย้ายวน
เขามองไปเธอ ด้วยแววตามืดมน แล้วถามว่า : “ หัวเราะอะไร ?”
“ ดูเหมือนว่าเธอจะชอบประธานซังมาก ไม่น่าละที่คุณผู้หญิงบอกว่าผู้หญิงที่ชอบประธานซังนั้นต่อแถวรอยาวถึงมหาสมุทร แต่ฉันมองว่ามันน่าจะมากกว่านั้น ”
ริมฝีปากบางเป็นกระจับของซังหลินจวิน ตั้งใจมองไปที่เธอ
เฉินเฉียวรู้สึกอึดอัดกับท่าทางนั้น เพราะว่าภายใต้อารมณ์นั้นเหมือนมีอะไรที่กำลังซ่อนอยู่มากมาย มันเป็นความรู้สึกที่เธอไม่สามารถจับต้องได้
เขากำลังจะมองออกไป แต่พอเขามองออกไป
แววตาของเขาราวกับว่าไม่มีความสุข คำพูดที่ออกมาจากปากก็ดูไม่พอใจ “ ในบรรดาคนพวกพวกนั้น แต่ไม่ได้รวมถึงเธอ ”
ดูเหมือนว่าเขาจะพูดความจริงอะไรบางอย่าง ฟังจากน้ำเสียงที่ขึ้นๆลงก็ยังฟังไม่ออก นับประสาอะไรจะพูดถึงความเสียใจ
แต่ถึงอย่างนั้น หัวใจของเฉินเฉียวก็ยังคงเต้นแรง เธอไม่ได้พูดอะไร ก็แค่จับไปผ้าเช็ดหน้าเอาไว้แน่นๆ
จากนั้นไม่นาน ก็มาถึงโรงพยาบาลเทียนหมิง
ที่เขาเรียกหมอตู้ก็คือตู้เหวินเซิน เขาถือว่าเป็นหมอที่อายุน้อยที่สุด
พอตู้เหวินเซินเห็นซังหลินจวินพาผู้หญิงคนหนึ่งมาในห้องให้คำปรึกษาแพทย์ ก็รู้สึกประหลาดใจ