ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 60 หรือว่าอยากจะให้ฉันอุ้มเธอ ?

“ คุณดูพวกเขาสิ ดูเหมือน เหมือนกับอะไรก็ไม่รู้ ! ปกติแล้วก็ไม่เคยเห็นพวกเราอยู่สายตาอยู่แล้ว”

เริ่นหมิงเซวียนมองจากไกลๆก็เห็นว่าซังหลินจวินจับมือเฉินเฉียว หน้าก็ถึงกับซีดไปเลย

เธอก็ปล่อยมือลูกสาวเธอออก แล้วก็รีบพุ่งเข้าไป

“ แม่ ! เลิกเอะอะโวยวายได้แล้ว ขายหน้าจะตายอยู่แล้ว ” ปู้ฮวานเหยียนปฏิภาณไหวพริบที่ดีมาก รีบคว้าตัวของเริ่นหมิงเซวียน

“ นี่ฉันยังยังดูพวกเขาที่กำลังจะเป็นชู้กับอี้เฉินได้ยังไง ? พูดไปอาย แต่คนที่อับอายที่สุดก็คือพวกเขา !”

“ เขาไม่มีทางที่จะชอบเฉินเฉียว หน้าซื่อๆอย่างเฉินเฉียว ไม่ใช่สเป๊คเขาแน่ๆ ” ปู้ฮวานเหยียนมองไกลๆเห็นไม่ชัดว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง แล้วก็พูดอย่างมั่นใจ สายตาของเขาค่อยๆมองไปที่ร่างของคนตัวสูง ที่มีรูปลักษณ์ที่เต็มไปด้วยความมีออร่าที่ไม่สามารถปกปิดได้

“ คุณรู้ตัวอีกแล้วหรอ ?”

“ แม่ เขาคือซังหลินจวิน หยุดโวยวายต่อหน้าเขาได้แล้ว !”

“ อะไรซังหลินจวิน ฉันไม่สนหรอเป็นอะไร……” คำพูดของเริ่นหมิงเซวียน พอพูดถึงเรื่องนี้ ก็หยุดชะงักทันที ไม่รู้ว่าฉุดคิดอะไรขึ้นมาได้ แล้วก็ถามลูก “ แกบอกว่าเขาเป็นใครนะ ?”

“ ประธานซัง หลิน จวิน ของหย่วนเชิ่งกรุ๊ป เป็นลูกพี่ลูกน้องที่เป็นญาติห่างของจิ้งหลี ”

“ เขาเป็นประธานของหย่วนเซิ่งกรุ๊ปหรอ ? ทำไมยังดูเด็กขนาดนี้ ?” เริ่นหมิงเซวียนยังตกใจกับสามคำของซังหลินจวิน

สายตาจับจ้องไปที่ผู้ชายคนนั้น แล้วก็พูดพึมพำกับตัวเองว่า : “ ไม่น่าละพอมองไปแวบแรกก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ ”

“ ก็ไม่ใช่คนธรรมดาไง ไหนคุณลองพูดมาซิ ว่าเขาต้องการผู้หญิงแบบไหน ทำไมจะชอบเฉินเฉียวที่เคยแต่งงานมาแล้วไม่ได้หรอ ? ไหนลองพูดซิ……” พอพูดถึงเรื่องนี้ ปู้ฮวานเหยียนก็หันไปทำท่าขยับปาก “ เขาไม่เคยมองมาที่เงินของตระกูลปู้เลย ”

หลังจากพูดจบ เริ่นหมิงเซวียนฟังแล้วก็รู้สึกว่าไม่สบายใจ “ คุณช่วยคนอื่น จนทำให้ตัวคุณดูดับได้ยังไง ?”

“ แต่เดิมในการสร้างตึกกวางหย่วนเชิ่น ตอนแรกก็ลงทุนไปหว่าหลักสิบ ยังไม่รวมกับค่ารถ ค่าน้ำมัน แล้วก็โรงงานอุตสาหกรรม หุ้นและหลักทรัพย์ของบริษัท ก็ไม่ใช่ว่าคนธรรมดาทั่วไปนั้นจะทำได้ ”

แววตาของเริ่นหมิงเซวียนก็เปลี่ยนไป “ แล้วทำไมเขาถึงได้สนิทสนมของเฉินเฉียวละ ”

“ น่าจะเป็นเพราะอาชีพป่าว ” ปู้ฮวานเหยียนมองพวกที่คุยกันอยู่ไม่ไกล ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหึง

ตอนนี้ยังเรียนอยู่ต่างประเทศ ซังหลินเป็นตัวแทนในกล่าวสุนทรพจน์ในฐานะคนที่โดดเด่นของวิสาหกิจจีน ในตอนนั้น ปู้ฮวานเหยียนเห็นท่าทางของผู้ชายคนนี้ ทำให้เธอจำได้ไม่มีวันลืม

ต่อมาก็ได้เจอกับโหยวจิ้งหลี แล้วก็ต้องการให้โหยวจิ้งหลีช่วยแนะนำเธอให้รู้จักกับซังหลินจวิน ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาสที่เหมาะสมแบบนี้

บางครั้งก็เจอกับซังหลินจวินโดยบังเอิญตามสถานที่ต่างๆ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรในตัวเธอ แล้วก็ผ่านเธอไปโดยที่ไม่แยแสอะไร

ก็เป็นแค่กับคนนี้ที่เธอไม่สามารถสนิทสนมด้วยได้ แต่เขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อเฉินเฉียว มันทำให้เธออดไม่ได้ที่จะหึง

ส่วนอีกฝั่ง

เฉินเฉียวก็ไม่ได้ขยับ

ซังหลินจวินพูดอีกครั้ง “ ขึ้นรถ ”

“ ประธานซัง ”

“ หรือว่าเธออยากให้ฉันอุ้มเธอขึ้นรถงั้นหรอ ?”

เขาไม่ได้มีท่าทางที่ล้อเล่นเลย เฉินเฉียวถอนหายใจแล้วหลูตงซิงก็เป็นคนที่ชอบยุ่งเรื่องไปหมด

พอมองไปที่เริ่นหมิงเซวียนกับปู้ฮวานเหยียน เธอก็นิ่ง “ โอเค ฉันจะขึ้นรถ ”

เฉินเฉียวเดินขึ้นรถไปก่อน

ซังหลินจวินมองสองแม่ลูกที่ยืนอยู่ข้างๆเขา ไม่ได้พูดหรือว่าแสดงออกอะไรแล้วก็ขึ้นรถไป

“ ประธานซัง !” ปู้ฮวานเหยียนไม่สามารถอดทนกับความรู้ที่มีอยู่ในใจได้ เธอก็เลยตัดสินใจเรียกออกไป

เขาทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยิน แล้วก็เดินขึ้นไปที่รถ ส่วนสีหน้าท่าทางของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไป

ปู้ฮวานเหยียนยังคงอยากที่จะรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง ก็เลยรีบวิ่งเข้าไปใกล้เขา “ ประธานซัง เมื่อกี้เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน ฉันเป็นพี่สะใภ้ของเธอ……..”

“ อวี้เฟย ” ซังหลินจวินไม่แม้แต่อยากที่จะที่จะมองเธอ ไม่ได้ฟังเธอพูดจบ เขาก็พูดดักเธอไว้ด้วยก่อน ด้วยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ

อวี้เฟยรีบวิ่งเข้ามาทันที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา : “ คุณผู้หญิง รบกวนช่วยหลบให้ด้วยนะครับ ”

ด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วไม่ดี ทำให้ปู้ฮวานเหยียนไม่สามารถทนได้

เธอมองแล้ว มองอีก แล้วเธอก็ไม่ได้ขยับตัวสักพัก เริ่นหมินเซวียนเข้ามาเพื่อดึงเธอออกไป จากนั้นอวี้เฟยก็ปิดประตู

จากนั้น รถเบนท์ลีย์สีดำก็ขับออกไปในสีหน้าแววตาที่ไม่พอใจของปู้ฮวานเหยียน

“ รอยยิ้มนั้น ทำไมฉันรู้สึกว่าสิ่งประธานซังแสดงออกมาให้เฉินเฉียวมันช่างมีความแตกต่างกัน ?” เริ่นหมิงเซวียนก็เป็นคนที่มีอายุมากแล้วเหมือนกัน แต่ก็ยังมีความสงสัยอยู่ในใจ

ปู้ฮวานเหยียนรู้สึกไม่มีความสุข ก็เลยปล่อยให้เริ่นหมิงเซวียนพูดไป ในใจก็คือรู้สึกโกรธมาก “ พูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน ? ประธานซังไม่มีทางที่จะเลือกคนที่เคยแต่งงานหรอก !”

————

บนรถ

เสียงโทรศัพท์ของอวี้เฟยก็ดังขึ้นมา เขารับสาย แล้วพูดสองสามคำ จากนั้นก็วางสายไป แล้วก็ค่อยหันมาพูดว่า : “ ประธาน สำนักงานงานเลขาโทรมาบอกว่า จะตอบกลับกับประธานปู้ฝั่งนู้นว่ายังไง ”

ซังหลินจวินมองไปที่เฉินฉียว “ หาเวลาแล้วก็นัดเจอกับเขา ”

ใช่แล้ว เธอเดาไม่ผิดจริงๆ

“ เพียงโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาสายเดียวทำให้ประธานซังนั้นต้องเดือดร้อน นี้คุณตอบตกลงที่จะเจอกับประธานปู้แล้วหรอ ?” เฉินเฉียวพูดติดตลก “ ประธานซัง คุณคิดว่ามาเป็นเรื่องที่ตลกเกินไปหรือป่าว ?”

ซังหลินจวินมองไปที่มือของเธอ จากนั้นก็ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอ “ เลือดออก ”

ตอนที่ถูกข่วนเมื่อกี้ ไม่ได้ทันตั้งตัว ก็เลยไม่ได้รู้สึกอะไร

เฉินเฉียวไม่ได้รู้สึกเจ็บตรงไหนเลย จนมาถึงตอนนี้

สำหรับเธอแล้ว ปู้ฉวานเหยียนไม่เคยมีความเมตตาเลย

เธอใช้ผ้าเช็ดหน้ากดที่แผล “ ขอโทษด้วยนะ มันสกปรกแล้ว เดี๋ยวยังไงฉันเอาไปซักก่อนแล้วค่อยมาคืนนะ ”

“ อืม ” ซังหลินจวินพยักหน้า

“ นี่พวกเรากำลังจะไปที่ไหน ?”

ซังหลินจวินไม่ได้ตอบอะไร แต่อวี้ก็ตอบแทนว่า : “ ไปหาหมอตู้ ”

“ ดี ” อวี้เฟยตอบกลับ

ที่จริงแล้วเฉินเฉียวอยากจะบอกว่ามันก็แค่แผลเล็กๆ ไม่ต้องเสียเวลาของพวกเขาไปถึงโรงพยาบาล แต่ว่านี้ก็ขึ้นรถมาแล้ว พูดไปก็ไม่มีประโยคอะไร ก็เลยเปลี่ยนคำพูดว่า : “ ประธานซังรู้จักปู้ฮวานเหยียนมาก่อนหรอ ?”

“ ใคร ?”

“ พี่สะใภ้ของฉัน ”

ซังหลินจวินส่ายหัว “ ไม่รู้จัก ”

เฉินเฉียวยิ้มแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

ซังหลินมองหน้าด้านข้างของเธอ

เธอสวยมาก ตอนที่เธอหัวเราะ นัยน์แววตานั้นแฝงไปด้วยความเย้ายวน

เขามองไปเธอ ด้วยแววตามืดมน แล้วถามว่า : “ หัวเราะอะไร ?”

“ ดูเหมือนว่าเธอจะชอบประธานซังมาก ไม่น่าละที่คุณผู้หญิงบอกว่าผู้หญิงที่ชอบประธานซังนั้นต่อแถวรอยาวถึงมหาสมุทร แต่ฉันมองว่ามันน่าจะมากกว่านั้น ”

ริมฝีปากบางเป็นกระจับของซังหลินจวิน ตั้งใจมองไปที่เธอ

เฉินเฉียวรู้สึกอึดอัดกับท่าทางนั้น เพราะว่าภายใต้อารมณ์นั้นเหมือนมีอะไรที่กำลังซ่อนอยู่มากมาย มันเป็นความรู้สึกที่เธอไม่สามารถจับต้องได้

เขากำลังจะมองออกไป แต่พอเขามองออกไป

แววตาของเขาราวกับว่าไม่มีความสุข คำพูดที่ออกมาจากปากก็ดูไม่พอใจ “ ในบรรดาคนพวกพวกนั้น แต่ไม่ได้รวมถึงเธอ ”

ดูเหมือนว่าเขาจะพูดความจริงอะไรบางอย่าง ฟังจากน้ำเสียงที่ขึ้นๆลงก็ยังฟังไม่ออก นับประสาอะไรจะพูดถึงความเสียใจ

แต่ถึงอย่างนั้น หัวใจของเฉินเฉียวก็ยังคงเต้นแรง เธอไม่ได้พูดอะไร ก็แค่จับไปผ้าเช็ดหน้าเอาไว้แน่นๆ

จากนั้นไม่นาน ก็มาถึงโรงพยาบาลเทียนหมิง

ที่เขาเรียกหมอตู้ก็คือตู้เหวินเซิน เขาถือว่าเป็นหมอที่อายุน้อยที่สุด

พอตู้เหวินเซินเห็นซังหลินจวินพาผู้หญิงคนหนึ่งมาในห้องให้คำปรึกษาแพทย์ ก็รู้สึกประหลาดใจ

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset