กลัวหรอคนตัวเล็กเลิกคิ้วอย่างมีความสุข แต่ก็ยังแตะๆมือเธออย่าไม่สบายใจ”ไปนั่งพักข้างๆกันเถอะ”
เฉินเฉียวนั่งลงข้างๆเขา
เด็กน้อยหันหลังวิ่งหนีโดยมีกระเป๋านักเรียนอยู่บนหลัง
เฉินเฉียวรู้สึกกังวลและกำลังจะลุกขึ้นตาม เห็นว่าเขาเอาเงินไปซื้อน้ำขวดแล้วกลับมายื่นให้เธอ
หัวใจของเฉินเฉียวรู้สึกอบอุ่น แค่เด็กน้อยคนนี้ไม่โกรธเธอ เธอก็รู้สึกว่าโลกนี้สดใสแล้ว
เธอดื่มน้ำสองอึกแล้วถามเขาว่า “คุณอยากดื่มไหม”
“ผมไม่ดื่ม”เขาส่ายหัว
เฉินเฉียวปิดขวดน้ำใส่กระเป๋านักเรียนแล้วเอากระเป๋านักเรียนไป
“ มืดแล้วกลับบ้านกันเถอะ”
ซังโย่วอีที่เล่นจนพอใจแล้วพยักหน้า
เฉินเฉียวจูงมือเขาอีกมือนึงถือกระเป๋านักเรียนเดินออกไป
“พี่เฉียว กี่โมงแล้วครับ”เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นถาม
เฉินเฉียวใช้มือที่ถือกระเป๋านักเรียนอยู่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กำลังจะดูเวลา ก็ตะลึง
โทรศัพท์มือถือของเธอกำลังต่อสายอยู่ในขณะนี้ ยิ่งไปกว่านั้นหมายเลขโทรศัพท์ที่โทรไปเป็นของซังหลินจวิน พอดูดีๆแล้วก็เห็นว่าโทรตั้งหนึ่งชั่วโมงกว่าๆแล้ว
เฉินเฉียวไม่แน่ใจว่าเธอเผลอกดไปโดนแล้วโทรหาเขา หรือว่าเขาโทรมาแล้วเธอเผลอกดรับ แต่ว่าไม่ว่าจะยังไงเธอรู้สึกประหลาดใจมาก
เธอไม่เข้าใจทำไมปลายสายไม่ยอมวางสาย
“ พี่เฉียวเด็กน้อยเห็นเธอจ้องโทรศัพท์แบบงงๆเลยเอ่ยปากถาม
เฉินเฉียวรู้สึกตัว “จะสองทุ่มแล้ว เดี๋ยวพี่ขอโทรศัพท์แปปนะ”
อืมเด็กน้อยไม่ถามต่อ คนสองคนเดินออกจากสวนสนุก
เด็กน้อยกระโดดโลดเต้นไปมา มีชีวิตชีวามากขึ้น มองดูลูกโป่งทรงแปลกๆ ลูบๆคลำๆไปตามทาง อารมณ์ดีสุดๆ
เฉินเฉียวเอาโทรศัพท์แนบที่หูของเธอและพูดเบา ๆ : “ฮัลโหล”
ไม่ตอบสนอง
บางครั้งก็มีเสียงของคนแปลกหน้าเล็ดลอดออกมา เรื่องที่กำลังพูดคือเรื่องเกี่ยวกับงาน
เฉินเฉียวส่งเสียง ‘ฮัลโหล’ อีกครั้งและตัดสินใจถ้าเขาไม่ตอบเธอจะวางสาย บางทีมันอาจจะเป็นการโทรไปที่นั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ
ฮัลโหลตอนคิดว่าไม่มีใครตอบ โทรศัพท์ก็มีคนพูด
เสียงของซังหลินจวิน เสียงทุ้มและอ่อนโยน
เฉินเฉียวหัวใจเต้นเล็กน้อยก่อนจะถามว่า “คุณกำลังประชุมอยู่ที่นั่นหรือเปล่า?”
อืม ใช่สองทุ่มกว่าแล้วยังประชุมอยู่ นึกภาพออกเลยว่าจะเหนื่อยแค่ไหน
“โทรหาผมมีธุระอะไรหรือเปล่า”
ซังหลินจวินยิ้มจาง ๆ “ผมไม่ได้โทรหาคุณ”
เอ่อ…
ถ้างั้นคงเป็นเธอที่เป็นคนโทร เฉินเฉียวรู้สึกอายเล็กน้อย“ สงสัยฉันเผลอไปกดโดน ตะกี้อยู่สวนสนุกกับโย่วอี น่าจะกดไปโดน ”
“ ฉันได้ยินแล้ว”เสียงของซังหลินจวินผ่อนลง
“ ประธานซัง คุณฟังอย่างนี้มาหนึ่งชั่วโมงกว่าๆเลยหรอ”
ประมาณนั้น
มุมริมฝีปากของเธอกระตุก “คุณว่างขนาดนั้นเลยหรอ?”
เมื่อนึกถึงผู้ชายคนนี้ได้ยินเสียงกรีดร้องของตัวเอง เธอก็รู้สึกอาย
“ คุณคิดว่าฉันว่างไหมล่ะ”ซังหลินจวินไม่ตอบแต่ถามกลับ
เฉินเฉียวเงียบ แน่นอนว่าเขาไม่ได้ว่าง จากนั้นได้ยินเขาพูดว่า: “นานๆทีจะได้ยินคุณร้องแบบนั้น”
“มีอะไรน่าฟัง”เธอไม่เข้าใจ
เขากลับตอบว่า “ฉันชอบก็พอแล้ว”
เฉินเฉียวตะลึง ยืนถือโทรศัพท์อยู่ตรงนั้นรู้สึกเพียงว่าในหัวใจเธอมีลูกขนเป็ดแปรงหัวใจของเธอเบา ๆ ทำให้ทุกอย่างคัน
ในบรรยากาศที่มีเสียงดังและวุ่นวายยังคงได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัว
“ฉันไม่รบกวนคุณประชุมแล้วค่ะ สวัสดีค่ะ”เฉินเฉียววางสายโทรศัพท์อย่างรีบร้อนเมื่อเธอไม่รู้ว่าจะตอบเขาอย่างไร
เธอยืนถือโทรศัพท์อยู่ตรงนั้นสักพักความตื่นเต้นในใจก็ค่อยๆคลายลง
————
เฉินเฉียวพาเด็กออกจากสวนสนุกในขณะที่รถของเหล่าฟู่จอดรออยู่ที่หน้าประตูทางเข้าสวนสนุก
เมื่อเห็นพวกเขามาเหล่าฟู่ก็ลงจากรถเปิดประตูและกล่าวทักทายพวกเขา: “คุณเฉิน”
“รอนานไหมคะ”เฉินเฉียวรู้สึกผิด ทุกคนกำลังหิว
ไม่นานครับเหล่าฟู่ตอบ หันกลับมามองเด็กคนนั้น“ สนุกไหมครับ?”
สนุกครับถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ ซังโย่วอีท่าทางดูมีความสุขไม่โกรธเหมือนแต่ก่อน เอากระเป๋านักเรียนเข้าไปในรถแล้วก็ปีนขึ้นรถ
เหล่าฟู่ยิ้มและพูดกับเฉินเฉียว: “ผมรู้ว่าเฉินเฉียวทำได้”
เฉินเฉียวยิ้ม
ที่จริงเธอไม่มีวิธีอะไรเลย แต่เด็กคนนี้ง้อง่าย!
เฉินเฉียวส่งเด็กน้อยกลับไปที่ จิ้งหย่วน และกำลังจะพาเขาไปกินข้าวเย็น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
หลูตงซิ้งเป็นคนโทรมา
เฉินเฉียวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็รับสาย
หลูตงซิ้งทักทายเธอและกล่าวว่า “ผู้อำนวยการเฉิน ตอนนี้อยากจะนัดคุณทานข้าวไม่สายเกินไปใช่ไหม จริงๆอยากจะโทรหาคุณตั้งนานแล้ว แต่ว่าโทรยังไงก็โทรไม่ติด ”
เฉินเฉียวเดาว่าตอนนั้นเธอน่าจะติดสายกับซังหลินจวิน
“ประธานหลูมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
ไม่ใช่ธุระอะไรหรอก คุณเฉินเป็นเหมือนดาวนำโชคของหลูตงซิ้ง ผมควรจะเลี้ยงข้าวคุณตั้งนานแล้ว
เฉินเฉียวเดาว่าคำเชิญของหลูตงซิ้ง สำหรับตัวเธอตอนนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าเพื่อเจอซังหลินจวิน
หลังจากที่เธอลาออกจางานแล้ว ก็ต้องติดต่อลูกค้าเก่าไว้บ้าง ถึงหลูตงซิ้งไม่ได้เชิญเธอแต่เดี๋ยวเธอก็ต้องเชิญหลูตงซิ้ง
หลังจากคิดเรื่องนี้เฉินเฉียวก็ตกลง “ถ้าอย่างนั้นประธานหลูบอกที่อยู่ฉันมาแล้วกันค่ะ เดี๋ยวฉันจะไป”
“ ไป่ฮวาซินฮุ่ยที่เดิม ห้อง03. พอคุณเฉินมาถึงจะมีคนมารับที่หน้าประตู ”
โอเคค่ะ แล้วเจอกันค่ะ
เฉินเฉียววางสาย
ซังโย่วอีเงยหน้าขึ้นจากชามข้าวที่ใหญ่กว่าหน้าเขา“ พี่จะไปแล้วหรอ?”
อืม เรื่องงาน
เด็กน้อยเบ้ปาก “พี่ยุ่งตลอดเลยเนอะ”
“ คุณก็ยุ่งไม่ใช่หรอ อย่าลืมทำการบ้านนะ”เฉินเฉียวบีบใบหน้าเล็ก ๆ ของเขา “ตอนนี้ฉันเป็นคนที่ไม่มีเงินเดือน ต้องตั้งใจทำงานเลี้ยงตัวเอง”
ซังโย่วอีมองเธออย่างจริงจัง“ พี่คุณ พี่จนมาเลยหรอ”
“ เมื่อเทียบกับพ่อของคุณแล้ว ฉันยากจนสุดๆไปเลยเธอไม่ได้พูดมั่ว เธอไม่มีเงินออมมากนักตอนนี้เธอต้องทำงานด้วยตัวเองและเงินออมทั้งหมดของเธอเอามาใช้หมดแล้ว ในการจองอาคารสำนักงานต้องดูให้ดีๆ
ซังโย่วอีกระพริบตาโตอย่างไร้เดียงสาอีกครั้ง“ ถ้างั้นก็ให้พ่อผมเลี้ยงเถอะ พ่อผมเก่งมากๆ เลี้ยงพี่ไหวแน่นอน”
เฉินเฉียวตกใจและหัวเราะ เด็กไร้เดียงสาอะไรเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้นคนที่เขาอยากจะดูแลจริงๆก็คือคุณเถียนคนนั้น นับประสาอะไรกับเธอ
เหล่าฟู่กินอาหารไม่กี่คำแล้วจะไปส่งเธอ เฉินเฉียวปฏิเสธ แต่เหล่าฟู่ขับรถไปที่หน้าประตูรอเธออยู่แล้ว
เฉินเฉียวให้เขาส่งเธอไปที่ทางเข้าไป่ฮวาซินฮุ่ย
หลูตงซิ้งรอเธออยู่ที่นั่นตั้งนานแล้ว หลูตงซิ้งยิ้มและถามว่า “คุณเฉิน ถ้าผมดูไม่ผิดรถคันนั้นเป็นรถของตระกูลซังใช่ไหม