ความเงียบของเฉินเฉียว เริ่นหมิงเซวียนก็เข้าใจทันที
แค่เด็กคนเดียวก็ทำให้เกิดไม่ได้ ไร้ประโยชน์สิ้นดี ถ้าไม่ใช่เธอทำให้จิ้งหลีแท้งตอนนี้หลานชายของตระกูลปู้ของเราอาจจะวิ่งได้ไปแล้ว ”
ไม่มีความรู้สึกอะไรบนใบหน้าของเฉินเฉียว
โหยวจิ้งหลีคือรักแรกของปู้อี้เฉินทั้งสองรู้จักกันตั้งแต่เด็กๆ เป็นความรักในวัยเด็ก หกปีก่อนที่เฉินเฉียวแต่งงานกับปู้อี้เฉินคืนนั้นโหยวจิ้งหลีร้องห่มร้องไห้มาเจอเธอที่เรือนหอร้องไห้ฟูมฟายต่อหน้าเธอ เฉินเฉียวไม่ได้ทำอะไรเธอ เฉินอินจับตัวเธอแล้วพูดคำแย่ๆใส่เธอ ทันทีที่เธอหันกลับมาเลือดจากหว่างขาของโหยวจิ้งหลีก็ไหลออกมา
ในตอนนั้นเองที่เฉินเฉียวรู้ว่าโหยวจิ้งหลีกำลังตั้งท้องลูกของปู้อี้เฉิน
ปู้อี้เฉินเอาเรื่องการแท้งของโหยวจิ้งหลีมาคิดบัญชีแค้นเธอ นับตั้งแต่คืนนั้นปู้อี้เฉินก็เกลียดเธอเข้ากระดูก
“ แม่เป็นคนมีประสบการณ์มาก่อน เรื่องท้องนี่มันพยายามคนเดียวไม่ได้ สิ่งที่แม่พูดฉันก็จดไว้หมดแล้วค่ะ แต่อี้เฉินเค้ายุ่งมาก เดือนนึงยากที่จะกลับมาซักสองหน คุณแม่ก็รู้ดีนิคะเธอวางถ้วยชาลงและพูดช้าๆ
เริ่นหมิงเซวียนก็รู้นิสัยลูกตัวเองดี ทำเสียงฮึดฮัดผ่านจมูก “แม้แต่ผัวตัวเองยังรั้งไว้ไม่ได้ นอกจากทำให้พวกกรรมการบริษัทแก่ๆเริงร่าแล้วไม่รู้เธอทำอะไรได้อีก”
เฉินเฉียวเพียงแค่ยิ้มจาง ๆ และไม่ต่อปากต่อคำอีก
เธอไม่ได้โต้ตอบอะไร เริ่นหมิงเซวียนรู้สึกเปล่าประโยค หยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไป เดินไปหยิบโทรศัพท์ไป โทรหาลูกชายด่าลูกสะใภ้ให้ฟัง
ทันทีที่เริ่นหมิงเซวียนเดินไปเฉินเฉียวก็กลับไปที่ห้องนอน ร่างกายเหมือนโดนถลกหนัง นอนบนเตียงนุ่มๆไม่อยากจะขยับ
เธอโทรหาผู้ช่วยของเธอหลี่ชิง “ฉันจะเข้าบริษัทตอนบ่ายนะ คนที่จะมารายงานตอนบ่ายให้มาหาที่ออฟฟิศฉัน”
“รับทราบ ท่านผู้อำนวยการ ไม่สบายหรือเปล่าคะ ให้พาไปโรงพยาบาลไหมคะ”
“ ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่”เฉินเฉียวไม่ได้พูดอะไรมากและวางสายโทรศัพท์
เอนตัวนอนลงสักพักแล้วเอาเสื้อคลุมไปอาบน้ำ เมื่อมองไปที่ร่องรอยบนร่างกายที่เปลือยเปล่าในกระจกฉันก็อดเกลียดตัวเองไม่ได้ ไม่ว่าจะทะเลาะอะไรมากับปู้อี้เฉินเธอไม่ควรจะเลยเถิดมาถึงจุดนี้
ไม่ต้องพูดว่าเธอนอกใจ อีกฝ่ายก็….
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้คิ้วที่สวยงามของเฉินเฉียวก็ขมวดเล็กน้อย เมื่อคืนพวกเขาทั้งสองป้องกันไหมนะ
เธอคิดอยู่นาน แต่ดูเหมือนเธอจะไม่เห็นมันในห้อง
สีหน้าของเธอดูแย่
เมื่อคืนฉันไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นสะอาดหรือเปล่า รูปร่างหน้าตาสะอาดสะอ้านดูดี แต่ถ้ามีโรคล่ะ
ตอนนี้เฉินเฉียวเริ่มใจเสีย
หลังจากอาบน้ำ ก็ขับรถไปโรงพยาบาลคนเดียวโดยไม่เหน็ดเหนื่อย
จอดรถซื้อยาคุมที่ร้านขายยาเล็ก ๆข้างโรงพยาบาลกินซะก่อน แล้วค่อยไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายให้ละเอียด
หมอแผนกโรคผิวหนังคงผ่านอะไรมามากแล้วเลยไม่แปลกใจเท่าไหร่ แค่พูดว่า“เป็นผู้หญิงต้องรักตัวเองนะ พวกที่มาตรวจที่นี้บ่อยๆเกิดจากการไปมีเซ็กส์แบบไม่สะอาด
ทันทีที่หมอพูดแบบนี้ทุกคนที่อยู่ข้างๆก็มองไปที่เฉินเฉียว
เฉินเฉียวคุ้นชินกับการต่อสู้แย่งชิงในห้างสรรพสินค้าในวันธรรมดา แต่ในขณะนี้เธอหน้าแดงร้อนผ่าวราวกับถูกโยนลงบนกองไฟ
หมอขยับแว่นแล้วบอกว่า: “ถึงแม้ผลการตรวจเป็นลบคุณก็วางใจไม่ได้นะ โรคพวกนี้มีระยะฟักตัว ทางที่ดีไปถามอีกฝ่ายดีกว่านะ ของแบบนี้มันรู้อยู่แก่ใจ”