เฉินเฉียว รู้สึกว่าคำพูดของซังหลินจวินฟังดูแปลก ๆ ราวกับว่าเขาและเธอไม่ได้เพิ่งรู้จักกันในคลับวันนั้นและมันเหมือนกับว่าเขาวางแผนไว้
อย่างไรก็ตามเธอว่าเธอเข้าใจผิด
เธอมั่นใจว่าเธอไม่เคยพบเขามาก่อน – ผู้ชายอย่างซังหลินจวินถ้าเคยเห็นจริงๆคงยากที่จะลืม
“ประธานซังคะ พวกเราตื่นเถอะ”เฉินเฉียวเป็นคนใจเย็นมาโดยตลอด แต่บางครั้งก็สติแตกต่อหน้าซังหลินจวิน แต่ในตอนนี้เธอต้องตั้งสติให้ดี“ตอนนี้ความสัมพันธ์คุณกับฉันคลุมเครือ ถ้าวันหนึ่งคุณต้องงานกับคุณเถียน คุณจะเอาฉันไปไว้ตรงไหน?
ซังหลินจวินขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ทิ้งฉันเถอะ ให้นับว่าเป็นเกมๆหนึ่งที่ไม่เจ็บปวด”
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่พอใจกับคำพูดของเธอมาก คิ้วขมวดขึ้นริมฝีปากบางของเขาเม้มแน่นและเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะโต้ตอบ
“ หรือถ้าฉันยังมีเสน่ห์อยู่จริงๆ ตอนที่คุณกับเถียนเถียนจะต้องงานกัน แล้วคุณยังไม่เบื่อฉัน คุณไม่รีบเลิกกับฉัน แล้วฉันก็จะกลายเป็นมือที่สามระหว่างคุณกับเถียนเถียน ”
ซังหลินจวินจ้องมองเธอ
เฉินเฉียวไม่สามารถเข้าใจความคิดของเขาได้เธอพูดขนาดนี้แล้วเขาเอาแต่มองเธอโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เฉินเฉียว รู้สึกอายที่เธอพูดเองเออเองอยู่คนเดียว สุดท้ายเพียงกล่าวว่า”ปล่อยฉันลงจากรถ!”
มือของซังหลินจวินคลายออกจากสะโพกของเธอ นิ้วยาวๆก็เชยคางของเธอขึ้นในขณะที่เธองุนงงเขาก็จูบเธอ
จูบนั้นหนักหน่วง
มันหนักมากจนเหมือนจะกลืนกินเธอทั้งตัว
เฉินเฉียวเจ็บปวดจากการจูบเธอวางมือบนไหล่ของเขาและผลักเขาออกไปโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะออกแรงผลักริมฝีปากของเขาก็คลายออกจากริมฝีปากของเธอแล้ว
ดวงตาของเขาลึกล้ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาเพิ่งเมาหรือเปล่าซึ่งทำให้เธอไม่สามารถอ่านเขาแววตาเขาได้
ได้ยินแค่เสียงเบาๆจากเขา:“ไปเถอะ”
เฉินเฉียวมองไปที่เขาและหัวใจของเธอก็รู้สึกเจ็บ อย่างไรก็ตามเธอไม่ลังเลและเปิดประตูรถลง
อวี้เฟย กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ด้านนอกและหันกลับมาเมื่อเขาได้ยินการเคลื่อนไหว
เฉินเฉียวและเขามองหน้ากันเขาพยักหน้าเล็กน้อย
เฉินเฉียวยังแสร้งทำเป็นนิ่งและเดินเข้าไปในอาคาร
เดินเข้าไปในอาคารแล้วเธอก็หยุดเดิน เมื่อหันมองย้อนกลับไปดูรถค่อยๆหายไปในความมืดหน้าอกของฉันรู้สึกหายใจไม่ออก
เธอรู้โดยธรรมชาติว่าอารมณ์เหล่านี้มาจากไหน
แต่ไม่ใช่ว่าทนไม่ได้ ไม่ใช่หรอ ยุติการยุ่งเกี่ยวกับเขาด้วยวิธีนี้ดีกว่าจดด้วยการตกหลุมพลางของเขา
เฉินเฉียว ขึ้นไปชั้นบน เจียงฉยงฉยง เปิดประตูให้เธอ มองเธอสักพักแล้วก็หัวเราะ “เฉียวเฉียว ไปทำเรื่องไม่ดีอะไรมาหรอ?”
เฉินเฉียวหมดแรงเอนกายลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยล้าหลับตาและแหยนหน้ามองเพดาน เธอลืมตาขึ้นเมื่อเธอได้ยินคำพูดของเจียงฉยงฉยง “เรื่องไม่ดีอะไรหรอ?”
เจียงฉยงฉยงจับหัวเธอแล้วมองจากบนลงล่างและใช้นิ้วของเธอลูบไล้ริมฝีปากของเธอ“ แต่งหน้าอยู่แต่ก็ยังบวมอยู่เลยนะ น่าจะดุเดือดมาก”
เฉินเฉียวไม่ได้ปฏิเสธ
จูบสุดท้ายของซังหลินจวินรุนแรงมาก
แม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไร เฉินเฉียว ก็รู้สึกได้ว่าเขาเห็นด้วยกับเธอและรับปากว่าจะยุติการยุ่งเกี่ยวกับเธอ
คิดอะไรอยู่หรอเจียงฉยงฉยงลูบคาง “เฉียวเฉียวเธอยังนึกถึงเรื่องจูบกับซังหลินจวินอยู่หรอ?”
“เขามีคู่หมั้นแล้วเธอรู้ไหม”เฉินเฉียวถามอย่างกะทันหัน
เจียงฉยงฉยงเบ้ปากเล็กน้อย“ คุณเถียนคนนั้นใช่ไหม?”
เธอรู้หรอ
เจียงฉยงฉยง เดินไปรอบ ๆ เฉินเฉียว และนั่งลง “พี่ฉันเคยบอก พี่ชายของฉันบอกว่าเป็นการตัดสินใจของทั้งสองครอบครัว หยวนเซิ่งเป็นกลุ่มบริษัท ที่ซับซ้อนมากซังหลินจวิน เข้ารับตำแหน่งนี้ตั้งแต่ยังหนุ่มและหลายคนไม่พอใจ คนแรกคือน้องชายของเขารู้สึกว่าจะชื่อ ซัง….อะไรนะ
ซังอวี้
“ใช่ๆ ซังอวี้ แต่ฉันได้ยินมาจากพี่ชายของฉันว่าเขาเป็นพวกเสเพล ทำอะไรไม่ได้เรื่อง ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดสำหรับซังหลินจวิน คือลุงและป้าของเขา สองคนนี้ไม่เพียงต้องการขับซังหลินจวินออกจากตำแหน่งแต่ยังต้องการไล่เขาและพรรคพวกทั้งหมดออกจากหยวนเซิ่ง”
เพียงแค่ฟังเฉินเฉียวก็รู้สึกหวาดกลัว
“ แล้วตอนนี้เขามีศัตรูทุกด้านเลยหรอ”
อืม ผู้คนมากมายจ้องมองเพียงแค่รอดูเขาทำพลาด อย่างไรก็ตามเขามาอยู่ในตำแหน่งได้ไม่นานประสบการณ์น้อยถ้าเขาทำพลาดและถูกจับได้เขาจะไม่สามารถเป็นประธานได้ได้อีกต่อไป พี่ชายของฉันบอกว่าพ่อของเถียนเถียนมีสิทธิ์มีเสียงในหยวนเซิ่งและการแต่งงานของพวกเขาจะเสริมกำลังรวมกันและไม่ต้องกลัวลุงป้าและพี่น้องพวกนั้นอีก ”
เฉินเฉียวฟังแล้วก็รู้สึกว่าเขากล้าหาญมาก
ในสถานการณ์แบบนี้ยังกล้าคบหากับคนที่มีสามีแล้วอย่างเธอ ถ้ามีใครเอาไปเขียนสื่อชีวิตของเขาก็จะยิ่งแย่มากขึ้นเท่านั้น
แต่โชคดีที่ความสัมพันธ์พวกเขาจบลงก่อนที่สิ่งต่างๆจะหลุดมือ
ตอนนี้หน้าอกของเฉินเฉียวแน่นไปหมด
————
ต่อมาอีกหลายวันเฉินเฉียวก็ไม่เจอกับซังหลินจวินอีกเลย
เธอยุ่งมาก ไปบริษัทปู้อี้เพื่อส่งมอบงานแล้วยังต้องไปบริษัทตัวเองอีก
ทันทีที่เธอเข้ามาในบริษัทปู้อี้ ปู้อี้เฉินก็เข้ามาในห้องทำงานของเธอ
เธอก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวของของเธอใส่กล่อง หลี่ชิงอยู่ข้างๆเพื่อเธอ
เมื่อเห็นปู้อี้เฉินเข้ามาหลี่ชิงก็ออกไป
“ คุณจะไปจริงๆเหรอ?”ปู้อี้เฉิน ถาม
“ฉันเขียนจดหมายลาออกตั้งสองครั้งแล้ว ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องตลก”เฉินเฉียวไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง แต่ยังคงเก็บของต่อไป“ ฝ่ายบุคคลก็อนุมัติแล้ว”
ปู้อี้เฉินก้าวไปข้างหน้าและเข้าหาเธอ
พลางถาม: คุณจะไปทำงานที่หยวนเซิ่งใช่ไหม
เมื่อพูดถึงหยวนเซิ่งการเคลื่อนไหวของ เฉินเฉียว ก็หยุดนิ่ง เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ปู้อี้เฉิน
“ ผมทายถูกใช่ไหม?”ปู้อี้เฉินหัวเราะ“ เฉินเฉียว ที่แท้หนุ่มๆที่เธอเลี้ยงไว้ก็คือซังอวี้หรอ?
ซังอวี้
เฉินเฉียวนึกถึงเรื่องเธอกับซังอวี้ครั้งสุดท้ายที่ผับ “คุณคิดเลยเถิดไปใหญ่แล้ว”
“ ผมเห็นกับตา คุณอย่ามาแก้ตัว”
“ ฉันแก้ตัวตรงไหน”เฉินเฉียวปล่อยตามสิ่งที่เขาพูด “คุณคิดยังไงก็เป็นแบบนั้นแหละ”
“คุณ……”ปู้อี้เฉินพูดไม่ออกด้วยความโกรธ
เฉินเฉียวเงยหน้าขึ้นมองเขา“ปู้อี้เฉิน พวกเราเป็นแบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอก อย่าเสียเวลาอีกเลยไปสำนักกิจการพลเรือนเพื่อหย่า ดีไหม? ”
“คุณอยากหย่า ใช่ว่าจะหย่าไม่ได้”ปู้อี้เฉินกล่าวอย่างกะทันหัน
เฉินเฉียวเลิกคิ้ว “บอกมาเถอะ ต้องการอะไร”
“ ไปร่วมงานเลี้ยงกับฉัน ถ้าคุณตกลงผมก็อาจจะหย่ากับคุณได้ ถ้าคุณไม่ตกลงก็ให้ซังอวี้เอาเงินสามร้อยล้านมา แล้วไม่ต้องพูดถึงมันอีก ”
งานเลี้ยงอะไร?