เฉินเฉียวจิบไวน์ รู้สึกได้ถึงรสชาติความขมขื่นของค็อกเทลที่ไม่อาจบรรยายได้
ความขมขื่นนั้นอยู่บนริมฝีปากของเธอและมันยังคงแทรกซึมเข้าไปในหัวใจของเธอ
เจียงฉยงฉยงเห็นเธอเหม่อก็ก้าวไปหาและจับมือเธอ แม้ว่าจะไม่มีคำพูดใดๆเฉินเฉียวก็เข้าใจความหมาย
ปู้ฮวานเหยียนมองไปที่ฉากนี้และรู้สึกไม่สบายใจ หันไม่เจอเฉินเฉียวแบบนั้น อดไม่ได้ที่จะแขวะ: “เฉินเฉียวเธอดูเหมือนกำลังอกหักไม่ใช่ว่ามัวแต่จินตนาการระหว่างประธานซังหรอกนะ”
เธอคิดถึงเรื่องครั้งที่แล้วที่เธอนั่งในรถของซังหลินจวิน
เฉินเฉียวไม่ได้สนใจ แค่หันไปและจิบไวน์อีกครั้ง
“ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็เลิกฝันซะนะ แม้ว่าเขาจะไม่แต่งงานกับคุณเถียน แต่เขาก็ไม่สนใจผู้หญิงที่ถูกพี่ชายฉันทิ้งแบบเธอหรอก ”
เฉินเฉียววางแก้วไวน์ลงและมองไปที่ปู้ฮวานเหยียนอย่างขบขัน“ เธอคิดว่าเขาจะเอาเธอหรอ”
คิดไม่ถึงว่าเฉินเฉียวจะอ่านใจเธอออก ปู้ฮวานเหยียนอาย โดยเฉพาะสายตาของเฉินเฉียวที่ดูถูกเธอ ทำให้เธอยิ่งรู้สึกพ่ายแพ้
“ อาจจะเป็นไปได้นะ ผู้หญิงที่ยังไม่หย่าอย่างเธอจ้องจะจับประธานซัง มันก็เหมือนหมาเห่าเครื่องบินแหละ อย่างน้อยฉันก็ยังโสด ”
เฉินเฉียวพยักหน้าราวกับเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอพูด
มองไปที่เธอจากนั้นมองไปที่เถียนเถียนบนเวทีแล้วกระซิบ: “ไอคิวของประธานซังคงไม่ได้ต่ำ ระหว่างเธอกับเถียนเถียนคิดว่าเขาจะเลือกใคร? ”
ปู้ฮวานเหยียนหน้าแดงด้วยอาย
เธอกับเถียนเถียนไม่ว่าจะมีประสบการณ์ชีวิตหรือหน้าตายังไงก็เทียบไม่ได้
เจียงฉยงฉยงหัวเราะออกมาดัง ๆ “เฉียวเฉียวๆวันนี้เหมือนว่าประธานซังจะมองเธอหลายครั้งเลยนะ แต่บางคนแต่งตัวซะมากมาย ประธานซังแม้ตายหางตายังไม่มอง ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ไม่รู้ตัว ”
“ เจียงฉยงฉยงฉันอดทนมากนานแล้วนะ เธอไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเธอเป็นใบ้หรอก “ปู้ฮวานเหยียนกัดฟันแน่น
เจียงฉยงฉยงจะเถียงกลับแต่เฉินเฉียวไม่ต้องการสร้างปัญหากับปู้ฮวานเหยียนที่นี้เธอจึงลากเจียงฉยงฉยง ออกไป
คนสองคนนั่งเคียงข้างกันในสวนหลังบ้านของวิลล่ามองขึ้นไปที่ดวงดาว
ดวงจันทร์สว่างโชติช่วงที่ส่องแสงนั้นดูเยือกเย็นเล็กน้อย
หัวใจของเฉินเฉียวหนักอึ้งและเขาวางศีรษะลงบนไหล่ของเจียงฉยงฉยงอย่างอ่อนแรง
“ เฉียวเฉียว……เจียงฉยงฉยงรู้สึกได้ถึงความโศกเศร้าที่เธอพยายามอย่างหนักที่จะระงับไว้และต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง เฉินเฉียวกำมือแน่น“ อย่าปลอบฉันฉันรู้แล้ว”
เฉินเฉียวถอนหายใจ
“จริงๆแล้วพวกเขาเหมาะสมกันมากใช่มั้ย?”
เจียงฉยงฉยงไม่สามารถตอบได้
ในสายตาของทุกคนพวกเขาเป็นคู่เหมาะสมกันมาก
ทั้งสองคนนั่งอยู่ที่สนามเป็นเวลานานงานเต้นรำจบลงหลายคนเต้นตามเพลง แต่ความคึกครื้นไม่ได้มีผลอะไรกับเธอ
เจียงอี้ฝานมาตามหา เจียงฉยงฉยง และเจียงอี้ฝานขอให้เจียงฉยงฉยง เป็นคู่เต้นรำของเขา
เจียงฉยงฉยงกังวลเกี่ยวกับเฉินเฉียว “พี่ไปหาผู้หญิงคนอื่นไม่ได้หรอ? คนตั้งมากมายที่นั้น พี่เสน่ห์แรงจะตาย ”
เจียงอี้ฝานเดินไปบีบใบหน้าที่ขาวและอ่อนโยนของเจียงฉยงฉยง“ เจียงฉยงฉยง เธอนิทำไมชอบยัดเยียดพี่ให้ผู้หญิงคนอื่นตลอดเลยนะ?”
“ เพราะพี่ยุ่งเรื่องของฉันเกินไปหรือเปล่า”เจียงฉยงฉยงโดนแตะที่ใบหน้า”ถ้าพี่สะใภ้ฉันช่วยเบนความสนใจจากฉันก็ดีสิ พี่จะได้ไม่ต้องมาควบคุมฉัน”
เจียงอี้ฝานตอบ “ก่อนที่ฉันจะเจอพี่สะใภ้ของเธอฉันจะดูแลเธอไปก่อน”
เฮ้ พี่เจียงฉยงฉยงพยายามหนี เธอรีบพูด: “ช้าๆหน่อย ฉันใส่กระโปรง กระโปรง! ”
“เฉียวเฉียวเดี๋ยวฉันมานะ”เธอยังไม่ลืมเฉินเฉียวที่อยู่ด้านหลัง
เฉินเฉียวยิ้มจาง ๆ “ไปเถอะ”
อากาศค่อยๆเย็นลง เฉินเฉียวนั่งอยู่คนเดียวสักพักจากนั้นก็ลุกขึ้นและจะไปที่งานเลี้ยง
ปู้อี้เฉินกำลังสนทนากับกลุ่มคนอยู่ไม่มีเวลาดูแลเธอ เธอกำลังจะกลับอย่างเงียบ ๆ
แต่โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
เฉินเฉียวหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าถือและตะลึงเมื่อเห็นชื่อที่กระพริบอยู่บนนั้น
กลับกลายเป็น …ซังหลินจวิน
เธอมองไปรอบ ๆ และเธอไม่เห็นร่างในห้องโถงมานานแล้ว
ในที่สุดก็รับสายและเอาโทรศัพท์แนบหูอย่างลังเล
ฮัลโหล
ปลายสายไม่ตอบ
อย่างไรก็ตามเฉินเฉียวสามารถได้ยินเสียงหายใจของชายคนนั้นผ่านโทรศัพท์แก้วหูของเธอสั่น
เฉินเฉียวตอบ“ประธานซังมีธุระอะไรคะ”
โทรผิดน่ะหลังจากเงียบเขาตอบกลับด้วยคำสามคำนี้เท่านั้น
เฉินเฉียวรู้สึกใจหายเล็กน้อย “งั้นฉันวางสายก่อนนะ”
โอเคเขาตอบ
เฉินเฉียวอึ้ง วางสายโทรศัพท์และเดินออกไปจากงานเลี้ยง เธอเดินใจลอย ไม่ทันได้ระวังเลยชนเข้ากับบริกรเต็มๆ
อีกฝ่ายยกไวน์มาเต็ม ไวน์ทั้งหมดราดบนร่างของเฉินเฉียว เสื้อสีขาวของเธอเปียกแนบเนื้อ
เธอขอโทษและอีกฝ่ายก็ขอโทษเธอครั้งแล้วครั้งเล่า “ขอโทษครับ คุณเป็นอะไรไหมครับ”
ไม่เป็นไรค่ะเฉินเฉียวรู้สึกอายเล็กน้อยหยิบทิชชู่และเช็ดตามตัว
ทางนี้ดูวุ่นวาย ปู้อี้เฉิน ก็รีบออกจากฝูงชนและเข้ามาทางด้านนี้
เจ้าภาพเถียนเถียนก็ตามมาด้วย “มีอะไรเหรอ?”
“ คุณเถียนขอโทษค่ะ”
“ ทำไมคุณถึงประมาทจัง”น้ำเสียงตำหนิของ เถียนเถียน ยังอ่อนโยน
เฉินเฉียวพูดเพียงว่า: “ฉันไม่ระวังวิ่งไปชนเธอ”
“ ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม”ปู้อี้เฉินถาม
เฉินเฉียวส่ายหัว “ไม่เป็นไรแค่เสื้อผ้าเปียก”
“ฉันจะให้คนพาคุณไปเปลี่ยนชุด”เถียนเถียนเริ่มพูด“ เดี๋ยวจะเป็นหวัด”
เฉินเฉียวต้องการที่จะปฏิเสธ แต่เสื้อเชิ้ตสีขาวบนร่างกายของเธอโป๊มากหลังจากที่เปียก
เถียนเถียนเลือกกระโปรงยาวให้เฉินเฉียว
“ กระโปรงตัวนี้เข้ากับคุณได้ดี ใส่สีเหลืองแบบนี้ สวยแน่ๆคุณผิวขาวขนาดนั้น “เถียนเถียนมีน้ำใจให้ยืมกระโปรง
“ หนาวไหม? เอาผ้าพันคอฉันอีกผืนไหม “เธอถามอีกครั้ง
เฉินเฉียวรู้สึกขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของเธอและเธอส่ายหัว “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ”
“เรื่องเล็กน้อยค่ะ”เถียนเถียนมักจะยิ้มอ่อน ๆ “ ฉันมีธุระข้างล่าง ไปส่งคุณไม่ได้นะคะ เดี๋ยวให้คนพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะคะ ”
ค่ะเถียนเถียนสั่งคนรับใช้อีกครั้ง เฉินเฉียวรู้สึกได้ทันทีว่าเถียนเถียนเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ สิ่งนี้ทำให้อารมณ์ของเธอซับซ้อนมากขึ้น
คนรับใช้พาเฉินเฉียวเข้าไปในห้อง
ข้างในไม่มีไฟ เฉินเฉียวปิดประตูและในความมืดเธอถอดเสื้อผ้าและกางเกงออกอย่างรวดเร็ว จู่ๆก็มีเสียงกรอบแกรบดังมาจากมุมห้อง
มีคนอยู่หรอ?
สีหน้าของเฉินเฉียวเปลี่ยนไปและขมวดคิ้ว“ ใครอยู่ที่นั่น?”
จากเสียงเห็นว่าในมุมมืดน่าจะมีคนนั่งสูบบุหรี่อยู่บนโซฟา
ก้นบุหรี่ในความมืดดับลงอย่างชัดเจน
ตอนที่เธอเพิ่งเข้าห้องมาเธอประมาทมากโดยที่เธอไม่ได้สังเกตเห็นเลย