ถามอีกฝ่ายให้ชัดเจนงั้นหรอ
เฉินเฉียวจริงๆแล้วไม่อยากเจอหน้าผู้ชายคนเมื่อคืน ไม่ใช่ว่าไม่ชอบหรอกนะ แต่เพราะรู้สึกว่าผู้ชายคนนั้นหล่อจริงๆ เพราะแบบนี้เธอจึงรู้สึกละอายที่จะเจอหน้าเขาอีกครั้ง
แต่ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วในตอนนี้
เฉินเฉียวบังเอิญไปเอารถพอดีจึงออกมาจากโรงพยาบาล ทำอย่างไรดีรอจนดึกดื่นแล้วยังไม่เห็นผู้ชายคนนั้น
ตอนสี่ทุ่มเธอรู้สึกเหลืออดจึงเดินไปถามบริกร:“เมื่อคืนผู้ชายที่นั่งตรงนี้ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวสูงประมาณ185กว่าๆ ได้ยินว่าเป็นเดือนของที่นี้ คืนนี้เขาไม่มาหรอ ”
“ เดือน? อยู่ครับ ”
หรอ? เรียกเค้ามาได้ไหม ขอเวลาแค่แปปเดียว “เฉินเฉียวให้ทิปกับบริกร
ไม่นานเขาก็พาเด็กหนุ่มคนนึงมา
เฉินเฉียวมองแว๊บนึง นี่มันใช่ผู้ชายคนเมื่อคืนที่ไหนกันล่ะ เมื่อเทียบกับชายคนนั้น เด็กหนุ่มคนนี้เทียบชั้นไม่ได้เลยซักนิด ไม่ว่าจะเป็นิสัยใจคอ สไตล์การพูด คนละระดับกัน
เฉินเฉียวพูดสองสามประโยคแล้วไล่ให้กลับไป เธอนั่งจนดึกดื่นแต่ก็ยังไม่เห็นชายคนนั้น แล้วเธอก็โทรหาเจียงฉยงฉยง
เจียงฉยงฉยงได้ยินว่าให้เธอสืบเรื่องชายคนเมื่อคืน เธอก็รู้สึกกระชุ่มกระชวยทันที ไม่ได้หลับไม่ได้นอน
“ เฉียวเฉียว เธอติดใจใช่ไหม”
“ ติดใจบ้าอะไร!”เฉินเฉียวอดกลั้น สรุปแล้วไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง เจียงฉยงฉยงเป็นคนคิดมาก จะได้ไม่ต้องมาเครียดกับเธอด้วย ในตอนท้ายกล่าวเพียงว่า: “ยังไงก็ฝากช่วยฉันสืบหน่อยนะ ถามพี่เธอก็ได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี. ”
“โอเคเลย! ฉันรับปาก”
เฉินเฉียววางสายเจียงฉยงฉยงนั่งอยู่ในรถด้านชมวิวยามค่ำคืนที่แสนวุ่นวาย จิตใจรู้สึกโหวงเหวง
โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งและเธอเหมือนจะหยุดชะงัก เมื่อปัดหน้าจอคำว่า ‘ปู้อี้เฉิน’ สามคำก็ชัดเจน
เธอรับโทรศัพท์แต่ยังไม่ทันพูด เสียงปู้อี้เฉินก็ดึงขึ้นมา“ กลับมา! เดี๋ยวนี้! ”
เฉินเฉียวเบื่อที่จะตอบและวางสายเงียบๆ
เรียกสติและขับรถกลับบ้าน
“ คุณหนู”อู๋เส่ากล่าวทักทายเธอจากนั้นก็มองขึ้นไปชั้นบน “คุณชาย กำลังอารมณ์เสียไม่รู้ว่าใครไปทำอะไรให้ ”
“ ไม่เป็นไรค่ะ ไปพักผ่อนเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
อู๋เส่าพยักหน้า งั้นคุณหนูก็รีบพักผ่อนนะคะ
เฉินเฉียวพยักหน้าและขึ้นไปชั้นบน
ถึงหน้าประตูห้องนอนแล้วผลักประตูเข้าไปก็เห็นคุณชายปู้อี้เฉินนั่งอยู่บนโซฟา มีเอกสารอยู่ในมืออาจเป็นเพราะงานไม่ค่อยราบรื่น ในสายโทรศัพท์กำลังด่าคำหยาบคาย
เฉินเฉียวไม่สนใจเธอวางกระเป๋าลงแล้วเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งขนาดใหญ่
ก่อนที่จะนั่งลงเสียงถามดังขึ้น “เหม็นกลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่ มั่วสุมที่ไหนมาล่ะ”
ไม่รู้ว่าปู้อี้เฉินวางโทรศัพท์ตอนไหน
เฉินเฉียวไม่ได้มองไปที่เขาและค่อยๆถอดจี้ที่ติ่งหู “ถ้าจะพูดเรื่องมั่วสุมละก็ คุณชายปู้นี่แหละผู้เชี่ยวชาญ ฉันแค่นัดทานอาหารข้างนอกกับเพื่อน ”
หรอ?ปู้อี้เฉิน ลุกขึ้นเดินไปหนึ่งหรือสองก้าวทันใดนั้นก็ยก เฉินเฉียว ขึ้นจากเก้าอี้จากด้านหลัง
เฉินเฉียวนิ่งแต่รู้สึกประหลาดใจกับการถึงเนื้อถึงตัวแบบกะทันหันของเขา วินาทีต่อมาถูกเขาโยนลงบนเตียงอย่างรุนแรง
เธอยังไม่ทันลุกขึ้นปู้อี้เฉินได้กดเธอไว้แล้วประสานมือทั้งสองข้างแล้วกดเธอไว้กับหมอน