ร่างกายของเฉินเฉียวสั่นสะท้านด้วยการลูบไล้และในหัวเธอว่างเปล่า
หนึ่งเเดือน…..
หนึ่งเดือนเป็นเวลาที่ยาวนานแน่นอน
“ เฉียวเฉียวจูบผมสิ”เขาพูดอย่างกะทันหัน เสียงแหบๆ เขาเป็นคนคุมเกมมาโดยตลอด คำพูดออดอ้อนแบบนี้น้ำเสียงแฝงไปด้วยการสั่ง
เฉินเฉียวเป็นคนหัวแข็ง เธอไม่เคยจูบใครก่อนแม้แต่คนเดียว นอกจากตอนที่เธอไม่ได้สติ
แต่ตอนนี้เหมือนมีบางอย่างดึงดูดเธออยู่ตลดเวลา เธอกลายเป็นหุ่นเชิดและทำได้เพียงเชื่อฟัง
สายตาเธอจับจ้องไปที่ริมฝีปากเซ็กซี่ของชายคนนั้น เหมือนมีหมอกบาง ๆ ในดวงตาของเธอ
ดวงตาที่กระตุ้นของเขาทำให้เธอร้อนรนมากยิ่งขึ้น ในที่สุดเธอก็อดไม่ได้ที่จะโน้มตัวไปจูบที่ริมฝีปากของเขา
แบบนั้นมันไม่ถูกต้อง
เธอไม่ควรทำอย่างนั้น!
นี่คือการดื่มยาพิษเพื่อดับกระหาย
เสียงนี้ยังคงส่งเสียงดังก้องอยู่ในใจของเธอทำให้หัวใจของเธอเจ็บปวดและอึดอัด ริมฝีปากเธอจูบริมฝีปากของเขาจากนั้นก็ถอยห่างออกไปและพยายามถอยตัวกลับ
แต่ซังหลินจวินจะยอมให้เธอถอยกลับในตอนนี้นี้ได้อย่างไร?
ฝ่ามือใหญ่โอบหลังศีรษะของเธอฝ่ามือกดอย่างแรง เธอไม่เพียงถอยหนีไม่ได้ แต่ยังกดทับเธอมากไปอีก
ช่างเถอะ
จะยับยั้งให้ลำบากไปทำไม?
แม้ว่าเธอจะไม่อยากยอมรับ แต่เธอก็ต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าเธอไม่สามารถปฏิเสธผู้ชายคนนี้ได้เลย เธอคิดว่าไม่ว่าอะไรจะรออยู่ข้างหน้ามันอาจคุ้มค่าที่จะต่อสู้เพื่อผู้ชายอย่างซังหลินจวิน
เมื่อคิดเช่นนี้ เฉินเฉียวไม่เพียงแต่ไม่ยอมถอยแต่ตอบกลับริมฝีปากเขาอย่างกระตือรือร้นแทน
เรื่องที่จะทำให้ผู้ชายหยุดไม่ได้ไม่มีอะไรจะเกินกว่าอยากได้ผู้หญิงที่เป็นผู้กระทำให้ตัวเอง
ซังหลินจวินไม่สามารถทนต่อความเร่าร้อนของเธอได้หลังจากนั้นไม่นานการหายใจของเขาก็เริ่มถี่ขึ้นและหน้าผากของเขามีเหงื่อออก ฝ่ามือใหญ่ๆกอดเอวของเธอและความร้อนดูเหมือนจะแผดเผาเธอ
จูบและจูบ
เมื่อมองไปที่ท่าทางของเธอดวงตาของซังหลินจวินเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากการถูกทรมานด้วยตัณหา “ทั้งๆที่รู้ว่าผมทำที่นี้กับคุณไม่ได้ คุณตั้งใจหรอ
ใบหน้าของเฉินเฉียว ร้อนผ่าว มีน้ำปริ่มๆในดวงตา ภาพแบบนั้นใครจะอดใจไหว
เขาถอนหายใจ “ผมอยากจะไปโรงแรมกับคุณเดี๋ยวนี้ไม่ใช่ไปเช็คอิน”
เฉินเฉียวตอบ “ประธานซังตอนนี้คงต้องไปเช็คอินจริงๆแล้วค่ะ… ”
เสียงประกาศเรียกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะก็ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
ซังหลินจวินจูบริมฝีปากของเฉินเฉียวอีกครั้งก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาในที่สุดก่อนที่อวี้เฟยจะพูดชิงพูดตัดหน้า: “ให้คนขับรถไปส่งเฉินเฉียวกลับด้วย”
อวี้เฟยพูดว่า “โอเค” แล้วเตือนว่า “ประธานซังต้องขึ้นเครื่องแล้วครับ”
“อืม จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ซังหลินจวินตอบสั้นๆแล้ววางสาย
เฉินเฉียวจัดการกับอารมณ์ของตัวเองและลุกออกจากตักเขา โชคดีที่ทั้งคู่นั่งอยู่ด้านในสุด มีผ้าม่านปิดอยู่ ภาพเมื่อสักครู่ไม่น่าจะมีใครเห็น
ซังหลินจวินวางเงินสองร้อยหยวนไว้บนโต๊ะและพาเธอออกจากห้องอาหาร
เฉินเฉียวตอบ “สองชาม120 ยังไม่ได้เงินทอน80เลยค่ะ”
“เป็นทิป”
“ประธานซังทั้งรวยทั้งเอาแต่ใจ”
“ครั้งหน้าถ้าเราอยู่กันแค่สองคนอย่าเรียกผมว่าประธานซัง”
เฉินเฉียวจำอะไรบางอย่างได้และหัวเราะอย่างมีความสุข “งั้นให้เรียกว่าพี่หลินหลินหรอ?”
ซังหลินจวินจับมือและบีบฝ่ามือของเธอ แต่ไม่ได้ใช้กำลัง
ทั้งสองคุยกันและมาถึงจุดตรวจความปลอดภัย
“ หนึ่งเดือนกว่าๆนี่ ไปจิ้งหย่วนบ่อยๆนะ”ซังหลินจวินมองเธอด้วยรอยยิ้มและติดตลก “ไม่ต้องห่วง ครั้งนี้ผมไม่กลับมากระทันหันหรอก”
เฉินเฉียวยังคงรู้สึกเขินเมื่อนึกถึงฉากที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขากลับมาในคืนนั้นที่จิ้งหย่วน
เธอแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจเรื่องตลกของเขาและเม้มริมฝีปาก“ ทันทีที่คุณไปฉันจะไปที่จิ้งหย่วนทุกวันเลย ที่นั่นมีคนปรนิบัติทุกวัน ไม่รู้ว่าจะสบายขนาดไหน ”
อยากไปจะแย่อยู่แล้วเธอล้อเล่น แต่สีหน้าของเขาจริงจัง
เฉินเฉียวรีบพูด“ ฉันล้อเล่น ถ้าคุณเทียนซังมาอีก ฉันต้องโดนเขาไล่แน่ๆ ”
ในตอนนั้นเธอพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่ได้คิดอะไรกับลูกชายเขา แต่ตอนนี้ต่อหน้าพ่อของซังหลินจวินเธอ คงยืดอกไม่ได้แล้ว
ซังหลินจวินหัวเราะเบา ๆ “ คุณยังกลัวเขาอยู่หรือเปล่า? ฉันได้ยินมาว่าครั้งที่แล้วคุณไม่เบา ”
“ ฉันบอกแล้วฉันไม่ใช่กระต่ายน้อยสีขาว ฉันคือแม่เสือสาว”
“ แบบนี้ยิ่งดี ตราบใดที่คุณยังเป็นกระต่ายขาวตัวน้อยต่อหน้าผมและเป็นเสือต่อหน้าคนอื่นอย่างน้อยคุณก็จะไม่ถูกรังแก ”
“ แล้วคุณจะรังแกฉันหรอ”
คุณว่ายังไงล่ะซังหลินจวินมองเธอใช้นิ้วยาวๆของเขาปัดผมเธอออกจากแก้มของเธอไปหลังใบหูแล้วเขาก็โน้มตัวเข้ามาใกล้หูของเธอในทันใด“ หนึ่งเดือนนี้ผมจะนั่งคิดนอนคิดว่าครั้งหน้าผมจะใช้ท่าไหนรังแกคุณดี … ”
เขาพูดคำว่า “รังแก” อย่างคลุมเครือ
เฉินเฉียวเข้าใจและตีเขาด้วยความเขิน “รีบไปเข้าช่องตรวจความปลอดภัยเถอะ!”
หย่วนจิ้งจือบอกว่าเขาเพิ่งมีรักใสๆ เฉินเฉียวคิดว่าต้องคิดอีกที อย่างน้อยผู้ชายคนนี้ก็หยอดเก่งมากๆ
เธอหันศีรษะและมองไปรอบ ๆ
โชคดีที่ไม่มีใครได้ยิน
“ลูกผมเพิ่งล้มดูท่าจะเจ็บ ว่างๆก็ฝากคุณดูแลด้วยนะ”ซังหลินจวินต้องเข้าไปและในที่สุดก็คิดถึงลูกชายของเขา
เฉินเฉียวพยักหน้า “ฉันรู้แล้วค่ะ”
จากนั้นดูเขาจากไป
เธอยืนอยู่ที่นั่นด้วยความใจหายจนกระทั่งมองไม่เห็นเขาแล้ว
เมื่อมองดูฝูงชนที่มาและไปในสนามบินก็รู้สึกตะลึงมากขึ้นเรื่อย ๆ
เธอเป็นแบบนี้กับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
เมื่อก่อนแต่งงานกับปู้อี้เฉินมาไม่กี่ปี ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
เธอสะบัดหัวระบายอารมณ์เศร้าเหล่านี้ออกจากจิตใจของเธอ
เดินออกจากสนามบินมีคนวิ่งเหยาะๆมา “คุณเฉินครับ ประธานซังให้ผมไปส่งคุณกลับ”
เฉินเฉียวเคยเห็นคนขับรถคนนี้ เพียงแค่พยักหน้า “ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”
เขาไปส่งเธอที่หย่าย่วน เมื่อเฉินเฉียวลงจากรถเขาก็ได้ยินเสียงเด็ก “พี่เฉียว!”
นึกไม่ถึงว่าจะเป็นซังโย่วอี
คนตัวเล็กถือกระเป๋านักเรียนที่พะรุงพะรังลงจากรถด้วยความรีบร้อนและวิ่งเข้าหาเธอ“ พี่เฉียว พี่เฉียว!”
เฉินเฉียวโดนเรียกแบบหวานๆเธอเอนตัวไปถือเอกสารในมือข้างหนึ่งและอีกมืออุ้มเขาขึ้น เธอขมวดคิ้ว “คุณตัวหนักขึ้นหรือเปล่า”
“ป้ามั่วบอกว่าตอนนี้ผมอยู่ในช่วงวัยกำลังสูง
“นั่นก็ใช่” เดี๋ยวจะวัดให้ดูว่าจะสูงขึ้นหรือเปล่า “เฉินเฉียวถามเขาว่า “คุณมาที่นี้ได้ยังไง?”
เหล่าฟู่เดินมาจากด้านหลัง ในมือถือกล่องมาสองสามกล่อง“คุณเฉินครับ นายท่านให้ผมเอาอาหารเย็นมาให้ครับ คุณหนูได้ยินเลยจะมาด้วยให้ได้ครับ ”